หากคุณชอบอ่านหนังสือที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังหรือซีรีส์ต่อ แน่นอนเราคือเพื่อนคอเดียวกัน ไม่นานมานี้ เราติดอ่านหนังสือ ‘You Are My Glory ดุจดวงดาวเกียรติยศ’ งอมแงม อ่านจบแล้วก็วนอ่านไปอีกรอบ ยิ่งหลังซีรีส์ชื่อเรื่องเดียวกันออกฉาย ก็ติดอกติดใจจนวบกลับไปอ่านหนังสืออีกรอบ เรียกว่าซีรีส์จบแล้ว แต่เรายังมูฟออนจากการกรี๊ดหนังสือและติดซีรีส์นี้ไม่ได้สักที จึงถือโอกาสนี้สอดส่องตู้หนังสือ เพื่อหาดูว่ามีหนังสือ และการ์ตูน เล่มไหนที่ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์บ้าง ใครจะไปหามาอ่าน หรือตามไปดูก่อนก็ได้ บอกเลยว่าความสนุกไม่ต่างกัน
1. ดุจดวงดาวเกียรติยศ
ผู้เขียน กู้ม่าน ผู้แปล หนูน้อยฉี
สำนักพิมพ์อรุณ
หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวของ เฉียวจิงจิง ซูเปอร์สตาร์สาวที่แอบชอบ อวี๋ถู วิศวกรการบินและอวกาศ เพื่อนสมัยเด็กมานานกว่า 10 ปี เวลาผ่านไปนาน จนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งคู่ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนมาเป็นคนรัก และมาเป็นสามี-ภรรยาที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน หากคอยเคียงข้างจนความฝันด้านอวกาศของอีกฝ่ายกลายเป็นจริง
“ฉันหวังว่านายจะเป็นนักออกแบบยานอวกาศต่อไปยิ่งกว่าใครทั้งนั้น!”
อวี๋ถู จ้องเธอ “เพราะอะไร”
อะไรคือเพราะอะไร
เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่นายชอบไง!
หากจะบอกว่าเป็นนิยายรักก็ใช่ เป็นนิยายที่ส่งเสริมความฝันตั้งแต่เด็กก็ใช่อีก แต่มากที่สุดคือเป็นนิยายที่เน้นการอยู่เคียงข้างกัน และพร้อมซัพพอร์ตการทำงานที่ต่างคนต่างไม่ค่อยมีเวลาให้กัน แถมงานของฝ่ายชายก็เป็นความลับไปหมดซะนี่ (ความมั่นคงทางอวกาศ) ไปไหนมาไหนก็บอกไม่ค่อยได้ ดูแล้วเป็นความรักผู้ใหญ่วัยทำงานที่ต้องอาศัยความเข้าใจ ความอดทน และความเคารพในตัวตนของกันและกัน
ส่วนฉบับซีรีส์ เป็นซีรีส์ไม่กี่เรื่องที่มีหลายรายละเอียดที่ส่งเสริมเรื่องให้เข้มข้นมากขึ้น เรียกว่าถ่ายทอดความจากนิยายให้เห็นภาพชัดขึ้น แถมเคมีของคู่พระนาง คือ หยางหยาง และตี๋ลี่เร่อปานั้นดีมาก ยิ่งกว่าจินตนาการที่เคยนึกไว้ตอนอ่านหนังสือเสียอีก ก็เลยขอยกให้เป็นซีรีส์ละมุนละไมแห่งปีไปเลยแล้วกัน
2. ทุกชาติภพกระดูกงดงาม
ผู้เขียน โม่เป่าเฟยเป่า ผู้แปล เสี่ยวหวา
สำนักพิมพ์อรุณ
นี่เป็นซีรีส์เรื่องล่าสุดที่หลายคนกำลังติดงอมแงมอยู่ในขณะนี้ สร้างมาจากหนังสือทุกชาติภพกระดูกงดงาม บอกเล่าเรื่องราวของ สืออี๋ ที่วิ่งฝ่าเจ้าหน้าที่มากมายเพื่อเข้าไปทักทายชายแปลกหน้าคนหนึ่งในสนามบิน ครั้งแรกเธอพบเขาเมื่อหลายร้อยปีก่อน เขาคือท่านอ๋องน้อยหนานเฉินผู้ห้าวหาญเทียมฟ้า ส่วนเธอคือว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท แม้ปัจจุบันหน้าตาและเสียงของ โจวเซิงเฉินจะเปลี่ยนไป และมีเพียงเธอที่จำอดีตได้ แต่หัวใจรักของพวกเขาก็ค่อยๆ ทักทอขึ้น ไม่มีการจากลา รอยน้ำตาดั่งเช่นอดีต มีเพียงความรักที่มั่นคงของสองหนุ่มสาว ที่พร้อมเผชิญการแย่งชิงอำนาจ และการฆาตกรรมไปร่วมกัน
ส่วนในฉบับซีรีส์ มีการแบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ ทุกชาติภพกระดูกงดงามภาคอดีต (One and Only) และทุกชาติภพกระดูกงดงามภาคปัจจุบัน (Forever and Ever) ทำให้เรื่องราวเข้มขึ้นยิ่งขึ้น ซึ่งในภาคอดีต เรารักการถ่ายทอดความรักของคู่พระนางมาก แม้ไม่ได้บอกรักกันสักคำ แต่ทั้งแววตา ท่าทาง คำพูด และการกระทำ ล้วนสื่อว่าทั้งสองคนรักกันมากแค่ไหน ส่วนในภาคปัจจุบันก็รู้สึกเหมือนได้รับการเติมเต็ม เรื่องราวดำเนินไปอย่างช้าๆ เหมือนค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์กัน จากน้ำตาที่เสียไปในภาคอดีต เราก็รู้สึกถึงความสมหวัง ความน่ารักของการรอคอยได้อย่างงดงาม อ่อ แนะนำให้ดูภาคอดีตที่ขยายรายละเอียดจากหนังสือก่อนดูภาคปัจจุบันนะ คุณจะหลงรักเรื่องนี้มากขึ้น
3. ดาวบันดาล
ผู้เขียน จอห์น กรีน ผู้แปล ขมรินทร์ พงษ์สุวรรณ
สำนักพิมพ์คลาสแอคท์
ดาวของเขาสุกสกาว แต่ดาวของเธอริบหรี่ เมื่อดาวสองดวงมาบรรจบ เขาและเธอจะพบกับปาฏิหาริย์ หรือวันวารแห่งน้ำตากันแน่...
หนังสือรักแสนเศร้าที่เล่าเรื่องราวของ เฮเซล เกรซ แลนแคสเตอร์’ เด็กสาววัย 16 ปีที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งปอด โดยมีถังออกซิเจนอยู่ติดตัวตลอดเวลา ระหว่างที่เธอหมดกำลังใจจะมีชีวิตก็ได้รู้จักกับ ออกัสตัส วอเตอร์ส เด็กที่ร่าเริง มองโลกในแง่ดีซึ่งสูญเสียขาไปข้างหนึ่งเพราะมะเร็งกระดูก ทั้งสองพบรักกัน ให้กำลังใจกันใช้ชีวิตอยู่กับโรคร้ายด้วยกันไปพร้อมกับความฝัน และความหมายของการมีชีวิตอยู่
จะบอกว่าไม่ว่าจะดูหนังและอ่านหนังสือ ล้วนร้องไห้ในระดับที่ไม่ต่างกัน แต่เป็นการร้องไห้ที่แสนเต็มใจมาก เพราะมันทำให้เราหวงแหนทุกช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับคนที่มีความสำคัญที่สุดในชีวิต ส่วนใครที่ไม่ใช่สายเศร้า ที่ชอบให้ตอนจบทิ้งอารมณ์แบบหน่วงๆ เรื่องนี้อาจไม่เหมาะนัก เพราะตอนเราดูเราซึมไปอาทิตย์หนึ่งได้
4. เหยียบนรกสุญญากาศ
ผู้เขียน แอนดี้ เวียร์ ผู้แปล ยุทธวีร์ ยุทธวงศ์ชัย
สำนักพิมพ์น้ำพุ
The Martian เป็นนิยายวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับดาวอังคารที่สนุกมาก เพราะมันอ้างอิงอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่เป็นจริงหลายส่วน จึงเหมาะกับทุกคนที่สนใจเรื่องราวของอวกาศ เล่าเรื่องราวของ มาร์ก วัตนีย์ นักบินอวกาศที่ติดอยู่บนดาวอังคารเพียงลำพัง หลังนาซาสั่งยกเลิกภารกิจโดยเร่งด่วนหลังพายุทรายพัดถล่ม ทุกคนคิดว่าเขาตายจากอุบัติเหตุไปแล้ว แต่ที่จริงยังมีชีวิตอยู่ หากการมีชีวิตบนดาวอังคารไม่ใช่เรื่องง่าย ระบบการสื่อสารถูกตัดขาด ไม่มีอาหารเขาตาย ไม่มีน้ำเขาตาย ไม่มีออกซิเจนเขาตาย เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่บนนั้น ซึ่งในหนังสือเต็มไปด้วยข้อมูลวิทยาศาสตร์เต็มไปหมดที่อ่านเข้าใจง่ายมาก ได้เห็นกระบวนการคิดวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาของนักบินอวกาศ แถมยังตลกขบขันกับความขี้เล่นของมาร์ก วัตนีย์ด้วย
ส่วนในฉบับภาพยนตร์ มีการลดทอนรายละเอียดจากหนังสือไปเยอะมาก รวมถึงมีการเติมเหตุการณ์บางอย่างต่างจากหนังสือเพื่อความตื่นเต้นเข้ามาด้วย ดังนั้นถ้าชมหนังแล้วเกิดติดใจ อยากชวนอ่านหนังสือต่อ เพราะมันเป็นหนังสือที่ความรู้แน่นแบบสนุกมากจริงๆ
5. ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ
ผู้เขียน โยรุ ซูมิโนะ ผู้แปล ธีราภา ธีรรัตนสถิต
สำนักพิมพ์ Maxx Publishing
Kimi no Suizou wo Tabetai หรือที่แปลเป็นไทยว่า ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ ว่าไปแล้วก็เป็นชื่อที่ดึงดูดความสนใจมากๆ หนังสือเรื่องนี้เป็นผลงานแรกของ โยรุ ซูมิโนะ ที่ขายดีกว่า 2 ล้านเล่ม เล่าเรื่องราวของ เด็กหนุ่ม ม. ปลายที่ในเล่มไม่ยอมเปิดเผยชื่อ เขาไม่สนใจอะไร นอกจากอ่านหนังสือ กับสาวเพื่อนร่วมห้องผู้แสนร่าเริง ยามาอุจิ ซากุระ แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาพบบันทึกส่วนตัวที่บอกเล่าถ้อยคำสะเทือนใจไว้ว่า “วันของฉันนั้นเหลือน้อยเต็มที ฉันกำลังจะตายในไม่กี่ปีต่อจากนี้” จากเพื่อนร่วมชั้นธรรมดาเขาจึงรู้ความลับของซากุระว่าเธอเป็นโรคมะเร็งตับ แล้วกำลังพยายามใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง จึงกลายเป็นคนสองคนที่คอยอยู่เคียงข้างกันและกัน แม้อบอวลด้วยความรัก หากก็เต็มไปด้วยความเศร้า เมื่อวัยรุ่นวัยที่กำลังสดใสต้องรับมือกับความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"คนโบราณเชื่อว่า หากเรากินส่วนไหนของร่างกายคนที่ตายไปแล้ว
คนๆ นั้นจะยังคงอยู่ในร่างกายของเรา ไม่จากไปไหน"
สำหรับฉบับภาพยนตร์นำแสดงโดย โอกุริ ชุน, มินามิ ฮานาเบะ และ ทาคุมิ คิตามูระ ที่ถ่ายทอดการแสดงออกมาอย่างงดงาม จนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เราว่านี่เป็นงานถนัดของญี่ปุ่นที่เก่งการสร้างหนังรักอารมณ์หม่นๆ หน่วงอารมณ์เป็นที่สุด
6. เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น
ผู้เขียน คาวางุจิ โทชิคาชิ ผู้แปล ฉัตรขวัญ อดิศัย
แพรวสำนักพิมพ์
เล่าเรื่องราวของร้านกาแฟเล็กๆ ที่ลือกันว่าเมื่อมาที่ร้านนี้จะสามารถย้อนกลับไปในอดีตได้ แต่มีข้อแม้ว่าพวกเขาต้องปฏิบัติตามกฎที่ตั้งไว้
การอ่านเรื่องนี้ทำให้เข้าใจความสำคัญของอดีต ผ่านความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละคน เป็นหนังสือที่อ่านแล้วน่าชวนตัวเองคุยว่าเราควรให้ความสำคัญปัจจุบัน เพราะในชีวิตจริงมันไม่มีคาเฟ่ที่พาเราย้อนอดีตไปแก้ไขอะไรได้ ส่วนฉบับภาพยนตร์ที่ใช้ชื่อว่า Cafe’ Funiculi Funicula ก็ถ่ายทอดได้ละเมียดมาก
นักแสดง คาซูมิ อาริมูระ มากอยู่แล้ว เรื่องนี้เธอมาเล่นเป็นบาริสตาประจำร้านได้ละเอียดมาก น่ารักสุดๆ ประกอบกับนักแสดงหลายท่านที่หมุนเวียนมา ก็รู้สึกว่านี่มันเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้จริงๆ
7. แด่ชายทุกคนที่ฉันเคยรัก
ผู้เขียน เจนนี่ ฮาน ผู้แปล ปุณณารมย์
หนังสือชุด 3 เล่ม ที่ประกอบไปด้วย To All the Boys I've Loved Before แด่ชายทุกคนที่ฉันเคยรัก, P.S. I Still Love You ป.ล. ฉันยังรักเธอ และ Always and Forever, Lara Jean รักเสมอ และจะรักตลอดไป จากใจ ลาร่า จีน หนังสือบอกเล่าเรื่องราวของ ลาร่า จีน ลูกครึ่งเกาหลีที่เคยเขียนจดหมายรักถึงหนุ่มๆ ที่เคยแอบชอบ จดหมายพวกนั้นจคงะเป็นความลับตลอดไป ถ้าวันหนึ่งมันไม่ถูกมือดีแอบส่งออกไปพร้อมกันในเวลาเดียวกันโดยไม่ได้ตั้งใจ นับจากนั้นความรักแบบวัยรุ่นไฮสคูลจึงเกิดขึ้น เต็มไปด้วยความตลกโก๊ะๆ มากมายที่แฮปปี้มาก
เมื่อนิยายเรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ใน Netflix นำแสดงโดย ลาน่า คอนดอร์ และ โนอาห์ เซนตินีโอ กระแสตอบรับดีมาก เราเองก็หลงรักลอร่า จีน กับปีเตอร์ คาวินสกี พระเอกของเรื่องมากเหมือนกัน เรียกได้ว่าวันไหนเบื่อๆ เซ็งๆ เปิด To All the Boys I've Loved Before มาดูมันเพลินดี
8. จดหมายรักฉบับสุดท้าย
ผู้เขียน ชุนจิ อิวาอิ ผู้แปล สำนักพิมพ์บิบลิ
หนังสือรักที่แสนเรียบง่ายที่เรียงร้อยอดีต ปัจจุบัน และอนาคตไว้อย่างละมุนละไม Last Letter : จดหมายรัก ฉบับสุดท้าย เล่าเรื่องราวชอง คิชิเบโนะ ยูริ แม่บ้านที่อาศัยอยู่กับสามีและลูกสาว เธอกลับบ้านไปร่วมงานศพของ โทโนะ มิซากิ พี่สาวของเธอ ซึ่งทำให้เธอได้พบกับ อายูมิ หลานสาวที่ไม่ได้เจอกันมานาน อายูมิยังทำใจยอมรับการตายของแม่ตัวเองไม่ได้จึงไม่พร้อมเปิดอ่านจดหมายฉบับสุดท้ายที่แม่ทิ้งไว้ให้ หลังจากนั้นยูริได้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นเพื่อนสมัยมัธยมของมิซากิ โดยยูริถูกเข้าใจว่าเป็นมิซากิ ในงานเธอได้พบกับ โอโตซากะ เคียวชิโร่ นักเขียนหนุ่มผู้เป็นรักแรกพบของตัวเอง ยูริจึงเริ่มติดต่อกับเคียวชิโร่ทางจดหมายแล้วใช้ชื่อของมิซากิโดยไม่รู้เลยว่าเขารู้ความจริงตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอไม่ใช่มิซากิ จนนำไปสู่เรื่องราวที่พัวพันกับรุ่นลูก พร้อมประโยคสั้นๆ ในจดหมายที่แสนงดงามว่า “ถ้าบอกว่ายังรักคุณอยู่จะเชื่อผมไหม”
สำหรับในภาพยนตร์ทั้งบรรยากาศในการดำเนินเรื่องที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ ก็ยิ่งขับเน้นให้ความรักนิ่งๆ อึนๆ ผ่านการใช้จดหมายเป็นสื่อกลาง ดำเนินเรื่องราวไปอย่างละมุนละไมดี