
แค่อ่านประโยคนี้จบ ยินดีด้วย คุณอายุมากขึ้นแล้ว!
เพราะกาลเวลาไม่เคยรอใคร และคนไทยก็กำลังแก่ตัวลงพร้อมกันเป็นจำนวนมาก จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่าจำนวนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก ร้อยละ 6.8 เมื่อปี 2537 มีผู้สูงวัย กลายเป็น 20.0 เมื่อปี 2567 ซึ่งหมายความว่าในตอนนี้ ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงวัย หรือ Aged Society เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สถิติที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ไม่ใช่ผู้สูงวัยทุกคนที่อยู่กับครอบครัว เพราะรายงานเดียวกันนี้ระบุว่า ผู้สูงวัยร้อยละ 12.9 อาศัยอยู่ลำพัง และอีกร้อยละ 22.6 เป็นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่กับคู่สมรส ซึ่งแปลว่าสัดส่วนรวมกันกว่า 1 ใน 3 ของผู้สูงวัยไทย อยู่อาศัยโดยปราศจากคนรุ่นอื่นในบ้านให้พึ่งพิง
อย่างไรก็ดี โลกยุคใหม่มีหนทางที่ผู้สูงวัยจะไม่ต้องอาศัยโดยลำพัง บทความนี้ TK Park พาทุกคนไปรู้จักกับเทรนด์ ‘Senior Co-living Space’ หรือบ้านแชร์สำหรับผู้สูงวัยที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศตอนนี้ เทรนด์นี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และสังคมไทยจะปรับใช้หรือมีข้อคำนึงอย่างไรบ้าง ลองมาทำความเข้าใจกัน

เปลี่ยนมุมมองใหม่ เมื่อบ้านพักผู้สูงวัยไม่ใช่การทอดทิ้ง
เมื่อพูดถึงบ้านพักคนชรา หรือที่อยู่อาศัยที่สร้างขึ้นเพื่อผู้สูงวัย หลายคนอาจมีความรู้สึกไม่ดี คิดว่าผู้สูงวัยที่อยู่ในบ้านเหล่านี้คือคนที่ถูกครอบครัวทอดทิ้ง การส่งผู้สูงวัยในครอบครัวไปยังบ้านพักผู้สูงวัยจึงมักเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับใครหลายคนเสมอ
แต่หากลองปรับมุมมองใหม่ โดยมองจากสภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป ในยุคที่คนเลือกจะอยู่เป็นโสดมากขึ้น คู่แต่งงานเลือกที่จะมีลูกน้อยลง คนรุ่นใหม่ใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการทำงานมากขึ้น ทำให้ไม่มีใครในครอบครัวสามารถเสียสละมารับหน้าที่ดูแลผู้สูงวัยภายในบ้านได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น ระหว่างการทิ้งให้ผู้สูงวัยต้องอยู่บ้านคนเดียว กับการให้พวกเขาได้มีโอกาสอาศัยอยู่ในสังคมใหม่ที่แวดล้อมไปด้วยเพื่อนในวัยเดียวกัน ตลอดจนได้รับการดูแลที่เหมาะสม แบบไหนถึงจะเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีกับผู้สูงวัยมากกว่า
การที่ผู้สูงวัยพักอาศัยในสถานที่ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับคนสูงวัย จึงไม่ได้หมายถึงการถูกทอดทิ้งเสมอไป ทว่าเป็นการย้ายสู่สังคมใหม่ให้ผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพ

ไม่ใช่แค่ได้อยู่อาศัย แต่ยังได้แชร์ไลฟ์สไตล์ที่ชอบ
ในต่างประเทศ เทรนด์บ้านแชร์สำหรับผู้สูงวัยกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สาเหตุที่เราใช้คำว่าบ้านแชร์ ไม่ใช่บ้านพักคนชรา เพราะบ้านเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงที่พักพิงของคนสูงวัยในช่วงบั้นปลายชีวิตเท่านั้น แต่บ้านแชร์ยุคใหม่ยังถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ตลอดจนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยในทุก ๆ ด้าน
ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนบ้านพักให้กลายเป็น Smart Home ที่คอยตรวจจับข้อมูลสุขภาพของผู้สูงวัยอย่างใกล้ชิด ตลอดจนคอยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทำให้ผู้สูงวัยสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ หรือการเพิ่มคอร์สกิจกรรมตามความสนใจเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแพ็กเกจของบ้าน ช่วยให้ผู้สูงวัยไม่รู้สึกเหงา และได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอยู่เสมอ
บ้านแชร์เหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่กลุ่มคนในประเทศ ที่น่าสนใจก็คือมีผู้สูงวัยหลายคนเลือกที่จะเดินทางไปพักยังบ้านแชร์ในต่างเมืองหรือในประเทศอีกซีกโลกหนึ่ง ซึ่งประเทศไทยเองก็ถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของชาวต่างชาติวัยเกษียณ เพราะนอกจากจะมีธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะกับการพักผ่อนในช่วงบั้นปลายแล้ว เมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่าย บ้านแชร์ในไทยก็อำนวยความสะดวกได้ครบครันและมอบไลฟ์สไตล์ที่หรูหรากว่าเป็นเท่าตัว

ข้อดีของบ้านแชร์ ที่มากกว่าแค่ไม่เหงา
เมื่อคนยุคใหม่ต่างหันมาสนใจแนวคิดการอยู่บ้านแชร์กันมากขึ้น บ้านแชร์ที่สร้างมาเพื่อกลุ่มเป้าหมายระดับกลางค่อนไปทางสูงหลายแห่ง ก็เริ่มถูกจับจองคิวล่วงหน้าตั้งแต่คนยังไม่พ้นวัยเกษียณ เพราะแม้หลายคนยังคงอยากมีบ้านเป็นของตัวเองและใช้ชีวิตกับครอบครัวให้ได้นานที่สุด แต่บางส่วนก็ประเมินความเสี่ยงว่าตนมีโอกาสต้องอยู่ลำพัง เพราะเมื่อลูก ๆ ต่างแยกครอบครัว หรือคู่ชีวิตเสียชีวิตไป พวกเขาก็ต้องรับผิดชอบตัวเองคนเดียว ในวัยที่ไม่สามารถหารายได้หรือจัดการกับความเสี่ยงได้เท่าเมื่อครั้งยังหนุ่มสาว
การวางแผนย้ายไปอยู่ในบ้านแชร์จึงช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ นอกจากจะได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเพื่อนใหม่ที่ช่วยคลายเหงา ยังได้สภาพแวดล้อมที่อุ่นใจและปลอดภัยกว่า เพราะบ้านแชร์ส่วนใหญ่มักมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัย และกล้องวงจรปิด ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายในยามวิกาล หรือถูกปล้นชิงเหมือนเวลาที่อยู่บ้านคนเดียว
นอกจากนี้ การอยู่บ้านแชร์ยังช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ได้คุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบครัน เพราะบ้านแชร์ยุคนี้มักมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกด้าน อาทิ ห้องครัว สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย หรือพื้นที่พักผ่อนติดธรรมชาติ ตลอดจนบริการทางสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาล การดูแลทางโภชนาการ เครื่องมือช่วยชีวิต บริการตรวจสุขภาพรายวัน ไปจนถึงกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมด้านสุขภาพจิต อีกทั้งยังมักตั้งอยู่ในแหล่งที่เดินทางสะดวก ใกล้โรงพยาบาล ซึ่งรวมแล้วอาจคุ้มค่ากว่าเมื่อต้องจ่ายทั้งหมดนี้เป็นรายการแยกย่อย

ทางเลือกที่หลากหลาย ของชาวสูงวัยในอนาคต
บ้านแชร์สำหรับผู้สูงวัยยังไม่มีสูตรสำเร็จ และยังมีการปรับปรุงและพัฒนาไปในหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ตอบโจทย์กับผู้สูงวัยในอนาคตมากขึ้น เพราะตามที่ปรากฏในหน้าข่าว ผู้สูงวัยในวัย 60—70 ปี เริ่มเลือกที่จะขายบ้านทิ้ง แล้วหันมาซื้อทริปท่องเที่ยวเรือสำราญแบบระยะยาวเพื่ออาศัยอยู่แทนบ้านมากขึ้น เพราะนอกจากจะได้ความสะดวกสบาย ยังได้ใช้เวลาพักผ่อนและท่องเที่ยวหลังเกษียณ แถมค่าใช้จ่ายในการล่องเรือยังถูกกว่าการเช่าบ้านในบางพื้นที่เสียอีก
ในขณะที่บางประเทศก็หันมาสนใจแนวคิด บ้านแชร์ของคนต่างวัย หรือ Intergenerational Co-Living Space กันมากขึ้น แนวคิดนี้เน้นการแชร์ที่อยู่อาศัยของหลายเจเนอเรชัน เพราะโดยรวมแล้วอาจประโยชน์กับทุกฝ่าย ทำให้คนต่างวัยได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เกิดการแลกเปลี่ยนทักษะและมุมมองต่อชีวิต เกิดสายสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างผู้คนโดยไม่จำเป็นต้องเป็นญาติกันหรือผูกพันกันมาก่อน
ตัวอย่างจากประเทศเนเธอแลนด์ ที่มีโครงการให้นักศึกษาแชร์บ้านกับผู้สูงวัย โดยนักศึกษาจะเป็นฝ่ายที่จ่ายค่าเช่าถูกกว่า แต่ก็ต้องแลกเปลี่ยนโดยการช่วยเป็นเพื่อนคุยหรือทำกิจกรรมกับผู้สูงวัย ขณะที่สิงคโปร์เองก็มีแผนที่จะเปิดหอพักสำหรับนักเรียนและคนวัยเกษียณเป็นครั้งแรกในปีนี้ หรือทางฝั่งญี่ปุ่นที่มีบ้านแชร์ที่รวมคนวัยทำงานกับผู้สูงวัย ในขณะที่ผู้สูงวัยไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว คนวัยทำงานก็ได้เรียนรู้จากผู้มากประสบการณ์เช่นกัน
สำหรับสังคมไทยที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ การเติบโตของเทรนด์บ้านแชร์อาจไม่ได้เข้มข้นเท่ากับในต่างประเทศ ทว่า ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ที่มักอยู่เป็นโสดมากขึ้น รวมถึงมีลูกน้อยลง การมองหาบ้านแชร์ดี ๆ เผื่อไว้ในวัยหลังเกษียณ ก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์กว่าการอยู่ลำพังเพียงคนเดียวก็เป็นได้
สร้างสรรค์โดย Jaruwan C. และ TK Park
อ้างอิง [1], [2], [3], [4], [5]