
การสร้างคนให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ มีทัศนคติที่ดี และรู้จักตัวตนของตนเองอย่างดีเลิศ อาจต้องเริ่มจากการสร้างรากฐานการเรียนรู้ที่ดีตั้งแต่เด็ก เพราะวัยเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว หากภาพจำแรกของการเรียนรู้คือได้ลงมือทำด้วยตัวเอง นั่นอาจเป็นก้าวแรกที่ทำให้เด็กกล้าออกไปเผชิญโลกกว้างและเพียบพร้อมที่จะเติบโตต่อไป

เจ - อุษา ศรีนวล นักจัดกิจกรรมของ TK Park เชื่อว่า นิทานคือขุมทรัพย์แห่งการเรียนรู้ที่มีพลัง กิจกรรม ‘นิทานสร้างงานศิลป์ ตอน ศิลปะที่บินอยู่บนท้องฟ้า’ ที่ขอมุ่งเน้นไปยังบทบาทของนกเงือกต่อป่าฮาลาบาลา วันนี้เธอขอชวนเพื่อนๆ มารู้จักกับ ‘ซัม ยังยิ้ม’ และ ‘ไซนะ เจ๊ะปอ’ สองคนจากสมาชิกกลุ่ม ‘ยังยิ้ม’ ที่จะมาเล่าเรื่องนกเงือกและผืนป่าเขียวให้ฟังกัน ตบท้ายด้วยการถอดการเรียนรู้จากนิทานไปกับเจ จะเป็นอย่างไร เราขอชวนเพื่อนๆ มาอ่านกัน

กลุ่ม ‘ยังยิ้ม’ ผู้พิทักษ์รักษ์ ‘นกเงือก’ และ ‘ฮาลาบาลา’
กลุ่มยังยิ้มมีจุดเริ่มต้นจาก ‘ซัม ยังยิ้ม’ หรือ ‘นูรฮีซาม บินมามุ’ นักอนุรักษ์ธรรมชาติที่เกิดและเติบโตในนราธิวาส 1 ในกลุ่ม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มักเกิดปัญหาความไม่สงบมาตลอดหลายปี เขาอาศัยอยู่ในอำเภอแว้ง ใกล้กับผืนป่า ‘ฮาลาบาลา’ ผืนป่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็น The Land of Hornbills หรือก็คือดินแดนเขียวขจีที่มีนกเงือกหลากหลายสายพันธุ์มากที่สุดถึง 10 ชนิดจาก 13 สายพันธุ์ของเมืองไทย ตลอดชีวิตเขาวนเวียนอยู่กับการเข้าป่า ทำให้รู้แจ้งเรื่องของการมีต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติที่ดีและมีสิ่งสวยงามมากแค่ไหนในบ้านเกิดของเขา เพียงแต่เรื่องดังกล่าวไม่เคยถูกพูดออกไป
เพราะคนนอกบ้านไม่อาจรู้จักสถานที่นั้นๆ ได้ดีเท่าคนในบ้าน ซัมจึงจัดตั้งกลุ่มเล็กๆ ชื่อ ‘ยังยิ้ม’ โดยขอมุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่เยาวชนในพื้นที่และเด็กๆ ในโรงเรียนของจังหวัดนราธิวาส

“เป้าหมายของเราคืออยากให้เด็กในบ้านเราเรียนรู้เรื่องราวใกล้ตัวเขาให้มากๆ ได้มองเห็นจุดเด่นหรือสิ่งดีๆ ในพื้นที่ของเขา คือในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มันไม่มีอะไรเลย ไม่มีความบันเทิง ไม่มีโรงหนัง ไม่มีห้าง เรามองว่าเด็กในพื้นที่ถ้าหลุดกรอบ พวกเขาจะไปกันไม่กี่ทาง ไม่เข้าร่วมยาเสพติด ก็เข้าร่วมขบวนการ เราเลยอยากป้อนกิจกรรมดีๆ ด้วยการพาเด็กๆ ตั้งแต่ระดับประถมไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัยเลย ไปทำกิจกรรมเรียนรู้ความจริง เน้นธรรมชาติใกล้ตัวนี่ล่ะ ซึ่งอาจมีเรื่องวิถีชีวิตในชุมชนสอดแทรกเข้ามาด้วย นี่คือเป้าหมายของเรา”
ยังยิ้มให้ความสำคัญในเรื่อง Nature and Culture เรียนรู้ผืนป่า พันธุ์ไม้ นกเงือก และเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชุมชน นอกจากจะเน้นทำงานกับเด็กๆ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสแล้ว กลุ่มยังยิ้มยังทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายอื่นๆ อีกด้วย

ฮาลาบาลาคือนายจ้าง ลูกจ้างคือนกเงือก
นกเงือกมักอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าดิบเขตร้อนของทวีปแอฟริกาและเอเชีย ในเขตร้อนของทวีปเอเชียมีนกเงือกถึง 31 ชนิด ส่วนในประเทศไทยมีทั้งหมด 13 ชนิดที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ หากจะถามว่าป่าฮาลาบาลาและนกเงือกมีความสำคัญต่อกันอย่างไร คงเพราะผืนป่าแห่งนี้มีนกเงือกอาศัยอยู่ถึง 10 ชนิดอย่างที่เราได้บอกไป ซัมขอเล่าบทบาทของทั้งสองฝ่ายให้ฟัง โดยให้ลองจินตนาการตามว่า ป่าฮาลา บาลาคือนายจ้าง ที่มีพื้นที่ผืนใหญ่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งหาอาหารให้กับสิ่งมีชีวิตมากมาย นกเงือกที่มีพฤติกรรมการกินไปอึไป จึงเปรียบเสมือนลูกจ้างที่มีหน้าที่คอยปลูกต้นไม้ ไม่ใช่แค่เฉพาะในฮาลาบาลา แต่กับทุกพื้นที่ในป่าเขียวขจี
“99% ของนกเงือก เวลาที่เขากินผลไม้ในป่า เขาจะไม่ทำลายเมล็ด เขาจะกินจากต้นแม่ แล้วบินไปคาย ไม่ก็อึในที่ที่ไกลจากต้นแม่ เขาช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์ทั่วผืนป่า แล้วเมล็ดพันธุ์ที่ว่านั้นจะเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ พันธุ์ไม้ใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นกำไรที่ผู้ว่าจ้างจะได้รับ ส่วนผลไม้ที่ออกจากต้นจะกลายมาเป็นเงินเดือนของนกเงือก นกเงือกมีอายุราว 30 ปี มันจะปลูกต้นไม้ในป่าได้มากกว่า 500,000 ต้นในตลอดชีวิตของมันเลย”

นกเงือกเป็นสัตว์ที่สวยงาม เพราะมีปากยาว สีสวย มีโหนกที่ปากทำให้เป็นนกที่มีลักษณะโดดเด่น แต่บางสายพันธุ์มักไม่ค่อยปรากฏตัวออกมาให้มนุษย์เห็นสักเท่าไหร่ “อย่างนกชนหิน เพราะฝังใจมาจากการถูกมนุษย์ล่าในอดีต ปกติแล้วนกเงือกส่วนใหญ่จะมีโหนกใหญ่ ข้างในจะกลวง คือถ้าผ่าออกมาจะเป็นรู แต่นกชนหินเป็นสายพันธ์ุนกเหงือกชนิดเดียวที่มีโหนกตันเหมือนงาช้าง โหนกมีสีแดงเลยเรียกว่า งาสีเลือด ซึ่งถ้าเอาไปขายในตลาดจีนจะได้ราคาที่สูงมาก สูงกว่างาช้างอีก ขายเพื่อเอาไปทำเป็นเครื่องรางของขลังตามความเชื่อของคนสมัยก่อน มันเลยเป็นสัตว์ที่ถูกมนุษย์ไล่ล่ามาตั้งแต่อดีต ทำให้นกเงือกเริ่มสูญพันธุ์ ในปัจจุบันนกชนหินถูกยกให้เป็นสัตว์ป่าสงวนอันดับที่ 20 ของประเทศไทยแล้ว”
การได้สัมผัสนกชนิดนี้เป็นเวลาเนิ่นนานทำให้ซัมตกตะกอนถึงคุณค่าของนกเงือกได้ 2 แง่มุม อย่างแรกคือ คุณค่าในเชิงนิเวศวิทยา เพราะนกเงือกต้องสวมบทบาทนักปลูกป่าไปตลอดชีวิต อย่างที่สองคือคุณค่าในเชิงปรัชญา นกเงือกมักได้รับฉายา ‘สัญลักษณ์แห่งความรัก’ เพราะเป็นนกที่รักครอบครัวมาก เมื่อถึงช่วงเวลาผสมพันธุ์ ตัวเมียจะอาศัยอยู่ในโพรงไม้ แล้วใช้เศษอาหาร เศษดินปิดปากโพรงเพื่อขังตัวเองไว้ฟักไข่และเลี้ยงลูกประมาณ 3-4 เดือน ระหว่างนี้ตัวผู้จะทำหน้าที่คอยหาอาหารมาป้อนให้แม่กับลูกน้อยอยู่เสมอ

“มันสอนให้มนุษย์รู้บทบาทหน้าที่พลเมือง ผมเป็นคนมุสลิม วิถีชีวิตของชาวมุสลิมมักมีภาพจำที่ว่า วันๆ เอาแต่อยู่ในร้านน้ำชา เราเลยถูกตีตราว่าเป็นคนขี้เกียจ ไม่ยอมทำงาน ดังนั้นเราจะใช้บทบาทของนกเงือกเพื่อแทนบทบาทของมนุษย์ว่า วันหนึ่งคนเราต้องทำอะไรบ้างให้เด็กๆ ได้ฟัง และเข้าใจหน้าที่พลเมือง”
นกเงือกและป่ากลายเป็นวัฏจักรที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อการดำรงชีวิต และคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ส่วนเราในฐานะมนุษย์ก็ได้รับผลพลอยได้ อาทิ มีลำธารใสสะอาด มีอากาศที่บริสุทธิ์ ส่งเสริมการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อความเป็นอยู่ของชีวิต เราต้องให้ความสำคัญต่อการประคับประคองสิ่งสวยงามเหล่านี้ด้วยการไม่เข้าไปทำลายป่า หรือไปเบียดเบียนทำร้ายสิ่งมีชีวิต

เล่าความจริง ผ่านนิทาน แล้วลงมือทำ
“ที่บ้านผม มีปัญหาเยอะมาก ผมเลยจำเป็นต้องสื่อสารในแง่งาน อย่างธรรมชาติ เขาใหญ่ นกเงือกในพื้นที่ป่าฮาลาบาลา ถ้าเราอยากให้เด็กรัก เราต้องให้เด็กรู้จักผืนป่าแห่งนี้ก่อนว่ามีระบบนิเวศเป็นอย่างไร มีอะไรที่สำคัญและน่าสนใจ พอเด็กรับรู้ถึงที่มาเขาจะเกิดความรู้สึกรัก แล้วเราก็ค่อยมาต่อกันที่เรื่องของผลกระทบ ว่าทำไมนกเงือกถึงน้อยลงและเริ่มสูญพันธุ์ แล้วเราจะทำอย่างไร ขั้นตอนของเราเป็นแบบนี้ อยากให้เขารักก็ต้องทำให้เขารู้จักความสวยงามนั้นๆ ก่อน”
แต่การจะเล่าความจริงอย่างตรงไปตรงมา อาจไม่ใช่วิธีที่เหมาะกับการเรียนรู้สำหรับเด็กสักเท่าไหร่ ซัมจึงต้องหาวิธีการนำเสนอให้ดูสร้างสรรค์ เจ - อุษา ศรีนวล นักจัดกิจกรรมของ TK Park บอกกับเราถึงสิ่งที่จะสร้างการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็กๆ นั่นคือการหยิบนิทานดีๆ สักเรื่องมาเล่าให้ฟัง “หากจะนำเสนอความจริงให้เด็ก ถ้าใช้จินตนาการเข้าช่วย เด็กจะตั้งใจฟัง นิทานที่ดีนอกจากจะช่วยให้เด็กได้คิดต่อยอดไปจนถึงเรื่องที่ซับซ้อนแล้ว เรื่องราวเหล่านั้นจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจที่ดีให้เด็กเกิดความสงสัย และจุดประกายต่อการอยากลงมือทำอะไรบางอย่าง”

กิจกรรม ‘นิทานสร้างงานศิลป์ ตอนศิลปะที่บินอยู่บนท้องฟ้า’ นอกจากเจจะนำนิทานในธีม ‘นก’ มาเล่าสู่กันฟังแล้ว ซัมก็หยิบยกบทบาทของนกเงือกที่มีต่อป่า ไปจนถึงการรุกรานของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับทุกชีวิตมาสรรค์สร้างเป็นนิทาน และยังได้ ‘ไซนะ เจ๊ะปอ’ ศิลปินหนึ่งในสมาชิกกลุ่มยังยิ้ม มาจัดแสดงภาพวาดนกเงือก รังนกเงือกและภาพวาดป่าพงไพร เพื่อสร้างจินตนาการและความเข้าใจที่ดีขึ้นอีกด้วย ก่อนที่เธอจะชวนเด็กๆ มาสร้างสรรค์ผลงานด้วยการชวนวาดรูป ระบายสีนกเงือกด้วยตนเอง
“เพราะการทำกิจกรรมหลังฟังนิทาน เสมือนช่วยดึงจินตนาการของเด็กให้กลายเป็นจริง นอกจากเด็กได้เข้าใจลักษณะของนกเงือกแล้ว ก็ยังได้ใช้เวลาปลดปล่อยพลังไอเดียของตนเอง ที่ช่วยพัฒนาทักษะหลายๆ ด้าน ทั้งกระบวนการคิด การตัดสินใจ ความคิดสร้างสรรค์ เรื่องของประสาทสัมผัส ถ้าเด็กได้สนุกกับการลงมือทำ เขาจะเกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ได้ค้นหาสิ่งที่ชอบและได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ดังนั้นทุกครั้งที่เราจัดกิจกรรม เราจะไม่เน้นไปที่เป้าหมาย แต่จะเน้นการค้นหาระหว่างทาง” เจสรุปจุดประสงค์ของการสร้างการเรียนรู้ร่วมกับซัมให้เราได้ฟังในตอนปิดท้ายนี้


