ออกเดินทางกันอีกครั้งกับ TK Mobile Library หนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง กับการเดินเท้าของพลพรรคความรู้ที่ขนหนังสือและกิจกรรมไปมอบให้น้องๆ ถึงที่ ซึ่งในครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะเป็นการยกขบวนเคลื่อนที่กระจายความรู้และความสุขเข้าไปสู่ชุมชนกันอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อกิจกรรมว่า “หนังสือมีชีวิต สร้างชีวิตให้หนังสือ” โดยความร่วมมือระหว่างอุทยานการเรียนรู้ TK park และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มต้นเป็นครั้งแรก ณ ชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม ใกล้ๆ กับอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ของเรานี่เอง ซึ่งจัดเรื่อยไปทุกๆ วันเสาร์ที่ 4, 11, 18, 25 มิถุนายน และเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554 (ทุกวันอาทิตย์สำหรับชุมชนวัดดวงแข) เพื่อติดตามผลในระยะยาวเกี่ยวกับการอ่านของน้องๆ ว่ามีพัฒนาการมากขึ้นเพียงใด และในสัปดาห์สุดท้ายยังเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้โชว์ผลงานจากการเรียนรู้ตลอด 5 สัปดาห์อีกด้วย
บ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน แม้ทางเดินจะแฉะไปด้วยน้ำขังจากฝนที่ตกลงมาเมื่อครู่ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคใดๆ สำหรับพี่ๆ ทีมงาน ทันทีที่เสียงตามสายประกาศให้น้องๆ มารวมตัวยังศูนย์ชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม เพียงไม่นานน้องๆ หลากหลายวัยทั้งชายหญิง ก็มารวมตัวกันตามที่นัดหมายกันอย่างพร้อมเพรียง
เริ่มต้นกิจกรรมแรกด้วยการทำความรู้จักกับพี่ๆ ทีมงาน ที่จะคอยทำหน้าที่ดูแลน้องๆ ไปตลอดจนเสร็จสิ้นกิจกรรมในสัปดาห์สุดท้าย หลังจากนั้นน้องๆ แต่ละคนจะได้รับป้ายชื่อเป็นของตนเอง โดยป้ายชื่อนี้ยังทำหน้าที่เป็นบอร์ดสะสมคะแนน ถ้าหากใครตอบคำถามหรือร่วมกิจกรรมตามเงื่อนไขที่พี่ๆ บอก จะได้รับสติ๊กเกอร์ความดีติดลงบนป้ายชื่อ และในสัปดาห์สุดท้ายใครมีจำนวนสติ๊กเกอร์มากที่สุดก็จะได้รับรางวัลไป ซึ่งเป็นเครื่องจูงใจอย่างดีให้น้องๆ สนใจในกิจกรรมอย่างเต็มที่
กิจกรรมต่อมาคือการสำรวจทัศนคติที่มีต่อการอ่านของน้องๆ ด้วยการถามว่า “ถ้าโลกนี้ไม่มีหนังสือ เราจะเป็นอย่างไร”แล้วให้น้องๆ เขียนคำตอบให้ได้มากที่สุดลงในกระดาษที่แจกให้ ก่อนจะให้แต่ละคนเอาไปซ่อนตามจุดต่างๆ ภายในห้อง โดยห้ามบอกใคร เมื่อซ่อนเสร็จแล้วพี่ๆ จึงชวนน้องๆ แบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ซึ่งมีทั้งเด็กเล็กเด็กโตคละกันไป เพื่อให้คนที่โตกว่าได้ดูแลน้องๆ ด้วย แล้วจึงมาทำกิจกรรมเสริมสร้างความสามัคคีด้วยเกมฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ยาวที่สุด ภายในเวลาที่กำหนด น้องๆ แต่ละกลุ่มก็แสดงความสามารถกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
หนังสือนิทานมากมาย
พี่อ่านให้น้องฟัง
เสร็จสิ้นจากกิจกรรมในช่วงแรกก็มาถึงเวลาพัก ที่ไม่เพียงแต่พักร่างกายเท่านั้น ยังเป็นการพักสมองด้วยหนังสือนิทานมากมายที่พี่ๆ ขนมาให้อ่านกันถึงที่ น้องๆ แต่ละคนต่างหยิบจับเป็นของตนเองพลางหามุมอ่านกันอย่างตั้งอกตั้งใจ น้องบางคนที่อ่านหนังสือยังไม่ออกก็มีพี่ๆ มาอ่านให้ฟังอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง โลกใบใหม่ในหนังสือนิทานหลากหลายเล่มต่างถูกน้องๆ ในชุมชนหลังวัดปทุมวนารามเข้าไปผจญภัยกันอย่างสนุกสนาน
จับมือกันค้นหาแบบเงียบๆ
กิจกรรมในช่วงที่สองคือการไปสำรวจทัศนคติของน้องๆ ที่เมื่อครู่ได้ให้แสดงผ่านกระดาษไว้ ที่ตอนนี้กระดาษถูกซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ ของห้อง แต่การจะไปนำกลับมานั้นพี่ๆ ทีมงานให้น้องๆ ได้ใช้วิธีที่ค่อนข้างยากสักหน่อย นั่นคือให้น้องๆ แต่ละกลุ่มจับมือกันเป็นวงกลม แล้วให้เดินไปหากระดาษของแต่ละคน โดยห้ามใช้เสียง ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความสามัคคีกันภายในกลุ่มแล้ว ยังฝึกน้องๆ ในเรื่องการสื่อสารผ่านท่าทางอีกด้วย ว่าจะมีวิธีการแบบใดที่จะให้ผู้อื่นเข้าใจโดยที่ไม่ต้องพูด แม้จะใช้เวลาไปพอสมควร เพราะน้องๆ ต้องใช้ทักษะส่วนตัวมากเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่เห็นคือรอยยิ้มแห่งความสุขเมื่อปฏิบัติภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อ่านคำตอบอันน่าชื่นใจ
แล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่พี่ๆ ทีมงานรอคอย ที่น้องๆ จะได้บอกเล่าคำตอบของตนเองที่เขียนลงในกระดาษ จากคำถามที่ว่า “ถ้าโลกนี้ไม่มีหนังสือ เราจะเป็นอย่างไร” ถึงแม้คำตอบจะมาจากน้องๆ หลายคน แต่เมื่อสรุปเป็นใจความเดียวกันแล้ว ก็พบว่าเป็นคำตอบที่น่าชื่นใจอย่างมาก คำตอบที่ว่าคือ “ถ้าโลกนี้ไม่มีหนังสือ คนทุกคนจะไม่ฉลาด ไม่มีความรู้ ไม่มีจินตนาการ เพราะในหนังสือมีสิ่งเหล่านี้มากมาย” สะท้อนให้เห็นว่าน้องๆ ในชุมชนหลังวัดปทุมวนารามแห่งนี้ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าหนังสือมีความสำคัญต่อคนเราอย่างมาก หากโลกนี้ไม่มีหนังสือจริงๆ ย่อมเกิดสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาบนโลกนี้อย่างแน่นอน
กระดาษหนังสือพิมพ์ฝึกทักษะ
ต่อเนื่องด้วยกิจกรรมเกมสนุกๆ กันต่อ กับเกมยืนบนกระดาษหนังสือพิมพ์ โดยมีกติกาให้น้อง 3 คนยืนบนกระดาษหนังสือพิมพ์ที่เตรียมไว้ให้ ในขั้นต่อไปจึงพับกระดาษให้เล็กลงเรื่อยๆ เพื่อเป็นการฝึกทักษะไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งน้องๆ แต่ละกลุ่มต่างทำกันได้ดีทีเดียว
ฟังนิทานอย่างตั้งใจ
ปิดท้ายกิจกรรมสำหรับสัปดาห์แรกด้วยการเล่านิทานสนุกๆ ที่น้องๆ ทุกคนรอคอย กับเรื่อง คุณยายหมาป่า แต่งโดย เอ็ด ยัง และแปลโดย ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ นิทานเรื่องนี้เป็นหนูน้อยหมวกแดงในแบบฉบับของประเทศจีน ซึ่งให้อารมณ์และบรรยากาศในแบบจีนแท้ๆ สร้างความแตกต่างให้กับน้องๆ ที่คุ้นเคยกับหนูน้อยหมวกแดงอยู่แล้ว เกิดเป็นภาพอันน่าชื่นใจอีกภาพคือภาพที่น้องๆ ฟังนิทานกันอย่างตั้งใจ และหลังจากนิทานจบลงมีการตอบคำถามเกี่ยวกับนิทานด้วย ทำให้ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าน้องๆ จะสามารถตอบคำถามได้ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่
ยืมหนังสือกันคนละเล่ม
เมื่อถึงเวลาเย็นย่ำ ก่อนที่น้องๆ จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ทางพี่ๆ ทีมงานยังเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้ยืมหนังสือนิทานกลับบ้านกันไปคนละเล่มอีกด้วย เพื่อในสัปดาห์หน้าจะให้แต่ละคนออกมาเล่าเรื่องหนังสือที่ตนเองยืมไปให้เพื่อนๆ ฟัง
มาติดตามกันว่าในสัปดาห์หน้าพลพรรคความรู้ TK Mobile Library หนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง จะนำความรู้และกิจกรรมดีๆ อะไรมามอบให้กับน้องๆ ในชุมชนหลังวัดปทุมวนารามกันอีกบ้าง
วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย