เที่ยวนี้มีเปลี่ยน ไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ทิศทางของการท่องเที่ยวหลังจากนี้ จะมีแนวโน้มการเดินทางด้วยการขับรถมากขึ้น Drive More Fly Less เกิดเป็นกระแสขับรถท่องเที่ยวเอง เมื่อก่อนส่วนมากเดินทางข้ามภูมิภาคมักจะเดินทางโดยเครื่องบิน ปัจจุบันเมื่อมีการขับรถท่องเที่ยวมากขึ้น มีการแวะพักตามจุดต่างๆ เป็นการขับรถเที่ยวในเส้นทางใหม่ๆ เช่นถ้าจะไปเชียงใหม่อาจต้องแวะพักที่น่าน ทำให้การท่องเที่ยวมันยาวขึ้น จะเกิดการแวะเมืองรอง ทำให้มีการกระจายตัวมากยิ่งขึ้น ประเด็นที่สองคือ Go Together Cheaper จะเกิดการท่องเที่ยวแบบเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน เพื่อต้องการแชร์ค่าใช้จ่ายต่างๆ ประเด็นที่สามคือ Must Come to Learn การท่องเที่ยวมาเพื่อการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ประเด็นที่สี่คือ Mixed uses/Entrepreneur เป็นธุรกิจที่สนองความต้องการท่องเที่ยวให้กับคนรุ่นใหม่ Who come, Who go คุณวรพันธุ์มองว่า ในธุรกิจท่องเที่ยว จะมีบางธุรกิจที่อาจจะประสบปัญหาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค แบ่งออกเป็น โรงแรมประเภท Hostel เพราะนักท่องเที่ยวอาจไม่มั่นใจนอนรวมกับคนแปลกหน้าแบบที่ผ่านมา กลุ่มที่สองก็คือ Big Scale ซึ่งหมายถึงโรงแรมที่มีห้องจำนวนมากหรือ โรงแรมขนาดใหญ่ เห็นได้จากโรงแรมที่มีห้องเยอะจะลดราคาลงมาถูกมากเพราะยังมีคนไม่กล้านอนในที่มีกลุ่มคนจำนวนมากอยู่รวมกัน กลุ่มที่สามก็คือกลุ่ม Very City Area กลุ่มโรงแรมที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นมากๆ ในตัวเมือง รวมถึงบางธุรกิจที่มีปัญหาอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น สภาพคล่องด้านการเงิน ไม่มีระบบการจัดการ ไม่มีฐานข้อมูลลูกค้า ไม่มีจุดขาย และผิดกฎหมาย ที่พักขนาดเล็กเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะรอดพ้นจากสถานการณ์วิกฤติได้ยาก