7 เคล็ดลับสมดุล ‘ชีวิต’ กับ ‘การงาน’
ในโลกแห่งการทำงาน โดยเฉพาะหากคุณเป็นเจ้าของกิจการของหรือทำงานในตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะในการบริหารสูง กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จอันหนึ่งก็คือความสมดุลระหว่างหน้าที่การงานและการให้เวลาตัวเองได้ใช้ชีวิตในแง่มุ่มอื่นๆ
สำหรับหลายคน เวลาจะกิน นั่ง นอน หรือเดินก็มีแต่เรื่องงาน เพราะมีความตั้งใจที่จะไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้มากเกินไป ทว่าการหักโหมเกินกำลังย่อมนำมาซึ่งปัญหาทั้งทางร่างกายและจิตใจ หากงานเริ่มทำให้คุณป่วยบ่อย เครียด หรือทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณจะต้องทำอะไรบางอย่างกับตัวเองแล้วล่ะ
1. รักษาสุขภาพ
มันเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมหรือเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้หากสุขภาพของคุณเองไม่ดีพอ ไม่ว่าคุณจะทำงานได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่ดูแลตัวเอง ความสำเร็จเหล่านั้นก็ไม่มีทางยั่งยืนได้เลย คุณต้องหันมาพยายามให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองมากขึ้น กินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายบ่อยๆ
2. ฝึกสมาธิ
สมาธิมีประโยชน์อย่างมาก นอกจากจะช่วยลดความเครียดและโกรธแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องบริหารงานที่มีความซับซ้อนสูง
ในการฝึกสมาธิ พยายามอย่าไปสนใจว่าคุณทำ ‘ถูกวิธี’ หรือไม่ เพราะการฝึกสมาธิจริงๆ มีอยู่มากมายหลายวิธี คุณควรเลือกทำวิธีที่เหมาะกับตัวคุณเองที่สุด บางคนแค่หายใจเข้ากับออกก็เกิดสมาธิได้ ขณะที่อีกหลายคนที่จิตใจว้าวุ่นตลอดเวลาก็เลือกที่จะหาตัวช่วยด้วยการเข้าคลาสทำสมาธิ เป็นต้น
3. มีวิสัยทัศน์
ปัญหาส่วนใหญ่ของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จคือ ‘ความไม่ชัดเจน’ คุณต้องคิดให้ตกว่าคุณต้องการอะไรกันแน่จากหน้าที่การงานของคุณ จากนั้นค่อยคิดว่าทำอย่างไรเป้าหมายนั้นถึงจะเป็นจริงได้
วิธีง่ายๆ คือลองเขียนบนกระดาษว่า ‘วันที่สมบูรณ์แบบ’ ของคุณควรเป็นอย่างไร ประกอบไปด้วยอะไร คุณจะทำอะไรและมีความรู้สึกแบบไหนเกิดขึ้นในวันนั้นบ้าง จากนั้นจำคำตอบของตัวเองเอาไว้และพยายามทำตามทีละขั้นๆ เพื่อให้ทุกๆ วันกลายเป็นวันที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณได้จริงๆ
4. อย่าหลุดโฟกัส
ในโลกการทำงานยุคปัจจุบัน แน่นอนว่าโอกาสดีๆ ย่อมมีเข้ามาหาคุณแทบจะทุกวัน แต่คุณควรเตือนตัวเองไว้เสมอว่าบางสิ่งที่คุณมองว่าเป็นโอกาส จริงๆ แล้วอาจเป็นเพียงสิ่งที่จะทำให้คุณไขว้เขวเท่านั้น พยายามโฟกัสกับงานหลักของตัวเองและปฏิเสธงานที่ไม่สำคัญเสียบ้าง
5. คิดบวก
เลิกพูดกับตัวเองด้วยคำพูดแย่ๆ และหันมาพูดด้วยภาษาที่ ‘ดีต่อใจ’ แทน เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคน แต่จงเชื่อมั่นว่าคุณมีพลังมากพอที่จะหลุดพ้นจากวงจรแห่งการทำร้ายตัวเองด้วยความคิดเชิงลบได้
พยายามฝึกคิดบวกทุกครั้งที่คุณอยากจะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตัวเอง อย่าเสียเวลาไปกับการนั่งกังวลหรือก่นด่า และเอาเวลาเหล่านั้นไปแก้ปัญหาจริงๆ จะดีกว่า
6. พักผ่อนให้เพียงพอ
แน่นอนว่าหากคุณอยากให้งานทุกอย่างออกมาดี สิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือการมาทำงานและทำอย่างสม่ำเสมอจนสำเร็จ แต่คุณต้องไม่ลืมว่าการพักผ่อนก็สำคัญไม่แพ้การมาทำงาน
การพักผ่อนมีตั้งแต่การตัดขาดจากโทรศัพท์และโซเชียลมีเดีย อ่านหนังสือ นอน เดินเล่น ไปจนถึงการออกไปเที่ยวในวันหยุด ร่างกายและจิตใจของคุณต่างต้องชาร์จแบตเพื่อจะพร้อมรับมือเมื่อเวลางานอันหนักหน่วงมาเยือนอีกครั้ง
7. ทำเรื่องสนุกๆ
นอกจากการพักผ่อนแล้ว คุณยังจำเป็นต้องมีเวลาให้ตัวเองให้ทำกิจกรรมสนุกๆ ที่ได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนด้วย ลองแบ่งเวลางานในออฟฟิศเพื่อสังสรรค์และพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานนอกเหนือจากเรื่องงานดูบ้าง ลองหยิบกีตาร์มาเล่นหรือชวนกันไปตีเทนนิสก็ได้ เพราะการอยู่กับตัวเองตลอดเวลาอาจมีโทษมากกว่าประโยชน์
สุดท้าย พึงระลึกไว้เสมอว่าคุณเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ถูกสร้างมาเพื่อทำแต่งาน ยิ่งคุณมีสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานมากเท่าไร โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
แหล่งที่มา: https://www.entrepreneur.com/article/244286