
7 วิธีบ้านๆ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ในโลกยุคดิจิทัลแบบนี้ เทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ ช่วยให้การทำงานของคุณง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลายเท่าตัวเมื่เทียบกับสมัยก่อน ไม่ว่าคุณจะมีงานเยอะหรือซับซ้อนแค่ไหน การคลิ้กเพียงไม่กี่คลิ้กก็เหมือนจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้หมด แต่คุณเคยถามตัวเองหรือไม่ว่าถ้าไม่มีเทคโนโลยีเหล่านี้คอยช่วยแล้ว คุณจะเป็นคนที่มีประสิทธิภาพในการทำงานจริงๆ หรือเปล่า?
ต่อไปนี้เป็น 7 วิธีบ้านๆ ที่จะช่วยพัฒนาการทำงานของคุณได้แบบไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีชั้นสูงแต่อย่างใด
1. หาสมดุล
คนที่ทำงานเก่งๆ มักหาโอกาสให้ตัวเองได้พักผ่อนเพื่อชาร์จแบตเสมอ พักสมองของคุณด้วยการนอนหลับ ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่นอกเหนือจากการทำงาน ซึ่งอาจรวมไปถึงการฝึกสมาธิ การฟังดนตรีเบาๆ การดูหนังเรื่องโปรด หรือออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อน โดยเลือกเอาสิ่งที่คุณคิดว่าเหมาะกับร่างกายและจิตใจของตัวเองที่สุด
ทุกครั้งที่ได้ทำกิจกรรมที่ทำให้ตัวเองมีความสุข จะมองปัญหาหรืออุปสรรคในมุมมองที่แตกต่างออกไป ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ไม่เคยมองเห็นมาก่อนหากร่างกายและจิตใจไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เราควรหยุดยกย่องการทำงานหนักเกินกำลังของตัวเองว่าเป็นเรื่องที่ดี มนุษย์คือสิ่งที่มีชีวิตที่จะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่จนสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าเท่านั้น
2. ลองเสี่ยง
คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนกล้าที่จะเสี่ยง พยายามลองทำในสิ่งที่คุณไม่เคยทำมาก่อนหรือสิ่งที่อยู่นอกคอมฟอร์ตโซนของคุณเอง เช่น การพูดในที่สาธารณะ การแลกเปลี่ยนแนวคิดกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ เป็นต้น แทนที่จะเก็บเอาความไม่สบายใจมาทำให้ตัวเองต้องคอยกังวล ควรเอาสิ่งพวกนั้นมาเป็นแรงกระตุ้นในการพัฒนาตัวเองแทนจะดีกว่า
ความไม่แน่นอนทำให้คนเราประหม่ากันทั้งนั้น แต่ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ก็จำเป็นต้องเดินออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเองและเต็มใจที่จะกระโดดลงเหวบ้างเป็นครั้งคราว
3. อยู่ใกล้กับพลังงานบวก
การอยู่ใกล้กับคนคิดบวกจะช่วยให้มีแรงบันดาลใจและไม่วอกแวก เพราะคนที่คิดบวกจะแบ่งปันพลังงานบวกให้ด้วยโดยปริยาย ซึ่งจะช่วยให้มีแรงกายและแรงใจในการทำงานมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม คนที่ชอบคิดลบมักดูดพลังงานออกจากตัวคุณและเผยแพร่เชื้อคิดลบมาให้คุณอีกด้วย
4. วางแผนการทำงาน
การวางแผนคืออาวุธลับของการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของใครหลายคน เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่างานยากหรือเยอะเกินไปจนอาจไปไม่สามารถเดินไปถึงเป้าหมายได้ เมื่อนั้นแหละที่ควรคิดวางแผนอย่างมีกลยุทธ์มากขึ้น ค่อยๆ แบ่งงานออกเป็นสัดส่วน จัดลำดับความสำคัญและกำหนดเวลา เพื่อให้แต่ละงานเสร็จทันการณ์โดยไม่ทับซ้อนกันมากที่สุด
พึงระลึกไว้ว่าจะทำงานได้ดีขึ้นเมื่อมีแผนการทำงานที่สามารถจัดการกับอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างมีกลยุทธ์พอ
5. ขอคำแนะนำจากคนอื่น
การลุยเดี่ยวตลอดเวลาก็อาจทำให้คุณตกม้าตายได้เหมือนกัน บางครั้งจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง แค่ต้องหา ‘คนที่ใช่’ ที่จะช่วยให้สามารถก้าวข้ามปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในการทำงานไปได้ และอย่าลืมขอบคุณและบอกคนๆ นั้นด้วยว่าคำแนะนำของเขาหรือเธอช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างไรบ้าง
คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักมีเพื่อนร่วมงานที่สู้และฝ่าฟันปัญหายากๆ ไปด้วยกัน การแบ่งปันไอเดียระหว่างกันคือขุมพลังของการทำงานเป็นทีม งานของคุณอาจจะไม่สำเร็จได้เลยหากไม่ได้รับช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
6. ทบทวนถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน สิ่งดีๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ พยายามคิดทบทวนถึงการทำงานในแต่ละวันและโฟกัสกับสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีและมีคุณค่ามากขึ้น มันไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่อะไรก็ได้ เรื่องเล็กๆ บางเรื่องก็ช่วยให้วันทำงานสดใสมากขึ้นได้เช่นกัน เช่น อากาศวันนี้แม้จะร้อนไปนิดแต่ก็ทำให้คุณรู้สึกมีกระตือรือร้นและอยากทำงานมากขึ้น เป็นต้น
7. เรียนรู้ตลอดเวลา
ความรู้คืออำนาจเหนือทุกสิ่ง การจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ ไม่ว่าจะในวงการไหน เราจำเป็นต้องเรียนรู้และมองหาวิธีที่จะช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาในการทำงานต่างๆ ไปได้เสมอ ขณะเดียวกัน การขาดความรู้หรือมีความรู้แต่เป็นความรู้ที่ไม่ทันสมัยมากพอก็อาจส่งผลเสียต่อหน้าที่การงานและความสำเร็จของคุณได้เช่นกัน
แหล่งข้อมูล: https://www.entrepreneur.com/article/285479
แหล่งภาพ : http://www.lifehack.org