การอ่าน เรียกได้ว่าเป็นทักษะที่แสนสำคัญ เพราะมันคือช่องทางให้เราทุกคนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆให้กับชีวิต โดยเฉพาะทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ที่หากฝึกฝนแต่เล็กๆ จะมาช่วยให้เด็กๆ สามารถพัฒนาทักษะทางภาษา และเปิดโลกกว้างให้เขาได้อย่างคาดไม่ถึง
ขั้นแรกขอแนะให้รู้จักกับ Overdrive แพลตฟอร์มห้องสมุดออนไลน์สัญชาติอเมริกัน ที่เข้ามาช่วยให้สมาชิกห้องสมุดทั่วโลกอ่านหนังสือได้อย่างง่ายดายผ่านโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ โดยทางอุทยานการเรียนรู้ TK Park ก็เป็นหนึ่งในห้องสมุดที่จัดหามาให้บริการแก่สมาชิก เข้าถึงได้ทั้งในรูปแบบของแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ภายใต้ 2 ชื่อด้วยกัน นั่นคือ Overdrive และ Libby by Overdrive โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
การยืมหนังสือจาก Overdrive ทำได้ทั้งจากหน้าเว็บบนจอคอมพิวเตอร์ที่บ้าน บนมือถือและแทปเล็ต หรือผ่านแอป Overdrive หรือ Libby by Overdrive สำหรับใครที่ยังไม่เคยสมัครสมาชิก TK Park มาก่อน ก็กดสมัครผ่านแอป MyTK ได้เลย จากนั้นก็ใช้รหัสผ่าน เข้าสู่ช่องทางห้องสมุดออนไลน์ของ Overdrive ได้ทันที
ค้นหาหนังสือเด็ก ผ่านแอป Overdrive
อย่าลืมว่าเด็กๆ จำนวนมากมีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการอ่านของพวกเขา ขับเคลื่อนด้วยความสนใจเฉพาะตัว ในหัวข้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องไดโนเสาร์ เจ้าหญิง ซุปเปอร์ฮีโร่ ฟุตบอล รถไฟ มนุษย์ต่างดาว หมาแมว และอื่นๆ อีกมากมาย ล้วนนำไปสู่การสร้างความสนใจในการอ่านต่อเนื่องยาวนานตลอดชีวิต
แม้จะเป็นแอปที่มีหนังสือภาษาอังกฤษ 100% แต่วิธีการค้นหาหนังสือเด็กที่เด็กสนใจ ในแอป Overdrive นั้นแสนง่าย เมื่อเข้าไปหน้าแรก คลิกเลยที่ Kids จากนั้นก็เข้าไปค้นหาหนังสือในหมวดหนังสือเด็กได้เลย เพียงแค่พิมพ์ คีย์เวิร์ดที่ต้องการและกดค้นหา เหมือนกับที่ค้นหาสิ่งต่างๆในกูเกิ้ล เช่น เมื่อค้นคำว่า dog ผลลัพธ์ของหนังสือที่มีชื่อเรื่องหรือเนื้อหาในทำอธิบายคำว่า dog ในหมวดหนังสือเด็กก็จะปรากฏขึ้นมา หรือลองใช้คำใกล้เคียง เช่น pets ก็ได้เช่นกัน
ผลลัพธ์ของคำว่า dog อาจจะกว้างไป ถ้าอยากค้นหาให้แคบลงไปอีก ภายใต้คำค้นว่า dog ให้ไปเลือกที่ subject จะพบว่ามีทางเลือกให้เราได้เลือก เช่น เลือกไปที่ travel ก็จะแสดงผลหนังสือเกี่ยวกับหมาที่เดินทาง หรือ เลือกที่ comic and graphic books ก็จะมีหนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับหมาขึ้นมาให้เลือก สามารถเลือกได้ทั้งแบบหนังสือที่เป้นเรื่องแต่งแบบนิทาน นิยาย หรือเรื่องจริงแบบสารคดี
ใน subject เองก็มีทางเลือกประเภทของหนังสือ เช่น นวนิยายสำหรับเยาวชน juvenile fiction หรือ juvenile literature สำหรับเด็กที่อ่านคล่องแล้ว อายุเกิน 9 ขวบขึ้นไป แต่ถ้าเด็กเล็กหน่อย ให้เลือกที่ Picture Books หรือ Beginning Readers ก็จะได้หนังสือเด็กที่อ่านง่ายหน่อย
บอกได้อย่างไร ว่าเล่มนี้ดีไหม
ไม่ง่ายที่จะตัดสินว่าเล่มไหนดี ก่อนได้ลงมืออ่าน แต่หนังสือทุกเล่มใน Overdrive มีการเขียนแนะนำ เพียงกดที่เมนู 3 จุดแนวตั้ง (หรือที่เรียกว่า เคบับเมนู) ในหน้าที่แสดงผลหนังสือ แต่ละปกหนังสือจะมีสัญลักษณ์ 3 จุดแนวตั้ง มีทั้ง View details ที่แสดงคำบรรยายเนื้อหา มี Details ที่เขียนให้ข้อมูลหนังสือ และในปุ่ม Review ก็สามารถกดเข้าไปอ่านสิ่งที่มีการรีวิวเอาไว้ในหลายช่องทาง ถ้าต้องการหาหนังสือในชุดเดียวกัน กดที่ View Series ก็จะพบหนังสือในซีรีย์เดียวกันทั้งหมด ก่อนกดยืม ยังมีให้ทดลองอ่าน โดยกด Read a Sample ซึ่งเป็นวิธีที่ดีมาก มีแม้กระทั่งการแนะนำหนังสือที่คล้ายๆกัน โดยกดที่ You may also like
หาหนังสือที่เหมาะกับระดับภาษา
Overdrive มีการทำมาตรฐานระดับการอ่านเป็นตัวช่วยนักอ่านในการตัดสินใจเลือกหนังสือ ลองมองหาคำว่า Interest level เป็นตัวช่วยในการเชื่อมโยงหนังสือกับระดับชั้นเรียนของเด็ก เช่น LG คือกลุ่มวัยอนุบาล ที่ไม่เกินอนุบาล 3 ส่วน Middle Grades (4-8) จะเทียบเท่ากับประถม 1-5 ส่วน Middle Grades+ จะหมายถึงมัธยม Harry Potter and the Philosopher's Stone มีระดับความสนใจที่ 4-8
ต่อมามีคำว่า ATOS level ช่วยให้รู้ว่าเล่มนี้อ่านยากง่ายแค่ไหน อ้างอิงจากหลักความสามารถในการอ่าน ATOS ของ Renaissance Learning, Inc. ที่ประเมินจากจำนวนของคำต่อประโยค จำนวนของตัวอักษรในแต่ละคำ และความยากของคำที่ใช้ในหนังสือ ถ้าจะหาหนังสือให้เด็กเล็กวัยอนุบาล ที่แต่ละหน้ามีคำสั้นๆ ไม่กี่คำ พร้อมภาพประกอบ ก็เลือกระดับ ATOS ที่ 0.0-1.0 ไปจนถึงที่ยากที่สุด ในระดับ 12.0-13.0 นักอ่านรุ่นเยาว์คงไม่จำเป็นต้องไปถึงระดับนั้น สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไปที่มีทักษะการอ่านพอตัว ลองเลือกที่ระดับ 4.0 ขึ้นไป เพราะหนังสือส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับการอ่านที่ 4.0-6.0 ตัวอย่างเช่น หนังสือ Harry Potter and the Philosopher's Stone มีค่า ATOS ในระดับที่ 6
อีกทางหนึ่งในการเลือกว่าหนังสือเล่มนั้นอ่านยากแค่ไหน คือการดูค่า Lexile Measure ที่อ้างอิงจากการวิเคราะห์โดย MetaMetrics ระบบการวัดความยากของหนังสือ จะมีค่าเป็นตัว L ต่อท้ายตัวเลข ถ้าอยากลองเล่นเพิ่มเติม ให้เข้าไปในเว็บ Lexile ในรายการหนังสือของห้องสมุดออนไลน์ Overdrive จะแสดงผลให้เราเห็น เช่น Harry Potter and the Sorcerer 's Stone มีค่า Lexiles ที่ 880L ค่าวัดโดยโครงสร้างของประโยค ความหมายของเนื้อหาในหนังสือและการใช้คำศัพท์ ในขณะที่ 1984 ของ George Orwell มีค่า Lexile 1090 The Little Prince มีค่า Lexile 710 ค่าที่ต่ำสุด BR หรือ Beginner Reader ไปจนถึงไม่เกิน 200L และมีจำนวนน้อยมากที่จะมีค่า Lexile เกิน 1400L นักอ่านระดับแอดวานซ์มากๆ อาจจะเลือกหนังสือที่มีระดับสูงกว่า 1600L ขึ้นไป
สุดท้ายคือ Text Difficulty ที่จะมาช่วยบอกเราว่าเนื้อหาในหนังสือยากแค่ไหน ค่าการวัดตรงนี้ไม่ได้อ้างอิงถึงอายุของคนอ่าน แต่อ้างอิงกับระดับชั้นเรียนแบบเกรด ของโรงเรียนนานาชาติ การจัดระดับของความยากของเนื้อหาการอ่าน มีการใช้หลักการวัดระดับของ ATOS และ Lexile มาปรับใช้และออกแบบโดย Overdrive เอง
ลงมืออ่านกันเถอะ
วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้การอ่านของของเด็กๆ พัฒนายิ่งขึ้น คือนำการเลือกระดับภาษาในหนังสือของแอป Overdrive มาช่วยลดอุปสรรคด้านความยากของภาษา และที่สำคัญที่สุด คือการเริ่มด้วยสิ่งที่เด็กๆ ชอบ ไม่จำเป็นหรอกที่เด็กจะต้องมาอ่านหลักภาษา หรือท่องคำศัพท์มากมาย เพื่อที่จะเก่งภาษาอังกฤษ แค่ให้เขาอ่านอะไรก็ได้ที่ชอบ และตามด้วยการช่วยให้เขารู้จักตั้งเป้าหมายที่จะอ่าน เช่น วันนี้จะอ่านกี่หน้า หรืออ่านนิทานกี่เรื่อง รวมถึงสนับสนุนให้เขาได้อ่าน และเรียนรู้สิ่งใหม่อย่างสม่ำเสมอ พวกเขาอาจจะค่อยๆพัฒนาการอ่านให้เก่งขึ้น สามารถอ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่มีความยากอยู่ในระดับสูงขึ้น ทีละนิดๆ วันหนึ่ง เขาอาจจะมองว่า การอ่านภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป