อุทยานการเรียนรู้ TK park ร่วมมือกับ ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาทางธุรกิจ (BRCC) คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดอบรมเยาวชน โครงการ “ TK park แจ้งเกิดเยาวชนด้านการตลาด” ภายใต้หัวข้อ “เมื่อพลังการตลาด ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก” ให้ แก่เยาวชน นิสิต นักศึกษาที่มีอายุระหว่าง 18 -25 ปีที่มีความรู้ ความสนใจในหลักการตลาดยุคใหม่ มีความพร้อมในการเรียนและต้องการพัฒนาทักษะเฉพาะด้านจำนวน 36 คน จากทั้งหมด 6 สถาบัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจตลอดจนพัฒนาทักษะด้านการตลาดยุดใหม่กับสุดยอดวิทยากรทางการตลาด ชั้นนำของเมืองไทย ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2555 ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
สำหรับเนื้อหาการฝึกอบรม น้องๆ เยาวชนทุกคนจะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะทางด้านการตลาด เช่น Brand Communication, Modern Marketing Strategy, IMC in Action และ Creative Campaign and Event Creation เป็นต้น โดยผ่านกระบวนการการอบรม การคิดวิเคราะห์จากกรณีศึกษา และได้ลงมือปฏิบัติการจัดทำแผนการตลาดด้วยตนเอง โดยมีวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์ในสาขาวิชาการตลาดมาให้คำแนะนำ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมอบรม ได้นำความรู้ไปต่อยอดเชิงลึกและนำไปใช้เป็นประโยชน์ต่อตนเองในอนาคต
การจัดทีมจะแบ่งจำนวนทีมละ 6 คน คละสถาบัน จำนวน 6 ทีม โดยขณะที่อบรม จะให้แต่ละทีมร่วมสร้างสรรค์และคิดแผนสื่อสารการตลาด โดยมีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทางการตลาดให้คำปรึกษาตลอดทั้งโครงการ
หลังจากผ่านการถ่ายทอดความรู้กันมาอย่างเข้มข้นเป็นเวลานานหลายเดือน ก็มาถึงช่วงโค้งสุดท้ายที่น้องๆ แต่ละทีมต้องจัดทำแผนการตลาด โดยมีโจทย์คือให้วิเคราะห์ วางแผนการตลาดและการประชาสัมพันธ์ให้แก่อุทยานการเรียนรู้ TK park แหล่ง เรียนรู้ ที่เน้นการปลูกฝังและส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและการแสวงหาความรู้ในบรรยากาศ การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ทันสมัย ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่ ปีที่ 8 โดยนำเสนอแผนการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเยาวชนวัย 16-25 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้บริการหลักของอุทยานการเรียนรู้ TK park
ในวันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2555 เวลา 10.00 – 16.00 น. น้องๆ แต่ละทีมเตรียมตัวนำเสนอแผนการสื่อสารตลาด(IMC) ต่อคณะกรรมการ ก่อนจะประกาศและมอบรางวัลทุนการศึกษา พร้อมทุนสำหรับการนำแผนการสื่อสารการตลาดไปพัฒนาจริง รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 200,000 บาท
แผนการสื่อสารตลาดของทุกกลุ่ม มุ่งเน้นไปยังกลุ่มคนช่วงวัยรุ่นและวัยทำงานเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นวัยที่น่าจะมีความสนใจต่อกิจกรรมของทางอุทยานการเรียนรู้ TK park เป็นอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีกิจกรรมเพื่อรองรับและเชิญชวนให้บุคคลช่วงวัยอื่นๆ เช่น เด็กเล็กหรือผู้อาวุโสได้เข้าร่วมทำกิจกรรมกับอุทยานการเรียนรู้ TK park ด้วย
ทีมแรกที่นำเสนอแผนการสื่อการตลาด ได้แก่ ทีม Inspiration ที่มีจุดเด่นในการนำผู้ที่มีชื่อเสียงหรือผู้ที่มีอาชีพน่าสนใจ 8 คน ได้แก่ ชิน-ชินวุฒิ อินทรคูสิน กับอ๊อฟ-ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ นักร้อง, ต๊อบ- อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ เจ้าของธุรกิจสาหร่ายตราเถ้าแก่น้อย, นิ้วกลม – สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ นักเขียน,พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ กูรูด้านไอที, เคน-ธีรเดช วงษ์พัวพัน นักแสดง, เก้ง-จิระ มะลิกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ และ วู้ดดี้ – วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรรายการโทรทัศน์ มาร่วมพูดคุยเสวนา และทำกิจกรรม เพื่อเป็นการเชิญชวนกลุ่มคนในช่วงอายุ 18-25 ปี มาร่วมกิจกรรมให้กับทางอุทยานการเรียนรู้ TK park มากขึ้น นอกจากนี้ ยังสนับสนุน ให้มีการเปิดพื้นที่เพื่อใช้ในการติวสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้แก่นักเรียนมัธยม ปลาย รวมถึงจัดกิจกรรม Open House “เปิดบ้านกระชากวัยทีน” ให้คนทั่วไปได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมและเยี่ยมชมสถานที่และกิจกรรมในมุมต่างๆ
ถัดมา ทีม Six-Nature มาพร้อมกับแนวคิด “TK park ... Landmark of Success” มุ่งเน้นว่าความสำเร็จของตนเอง คือความสำเร็จของสังคม กำหนดให้บุคคลมุ่งเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง และเป็นกำลังสำคัญของสังคมไปพร้อมกัน โดยให้อุทยานการเรียนรู้ TK park เป็นแหล่งเรียนรู้ที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพ โดยมีการจัดกิจกรรมร่วมกับสถาบันการศึกษาต่างๆ ในระดับมัธยมและอุดมศึกษา มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (workshop) เช่น การสอนแต่งหน้า ทำหนังสือ การเต้นคัฟเวอร์ แดนซ์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ทำกิจกรรมในสิ่งที่ตนสนใจ และมีความภาคภูมิใจ รวมถึงการจัดประกวด TK Ambassador เพื่อเฟ้นหาหนุ่มสาวที่จะมาเป็นตัวแทนสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับ อุทยานการเรียนรู้ TK park และกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ ในด้านการประชาสัมพันธ์ พยายามจะเผยแพร่ผ่านทางสื่อออนไลน์ ในกลุ่ม Social Media เช่น facebook หรือ twitter และสื่อออฟไลน์ เช่น ใบปลิว หรือการทำนิตยสารแจกฟรี
ส่วน ทีม Jigsaw มีแนวคิดที่น่าสนใจคือ “สื่อรักที่พักใจ” โดย มีการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้บริการในอุทยานการเรียนรู้ TK park พบว่ายังมีข้อด้อยคือ พื้นที่ไม่เพียงพอต่อการอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมต่างๆ การประชาสัมพันธ์อยู่ในวงจำกัดเฉพาะกลุ่ม ทีมนี้ยังประเมินหาจุดเด่นได้คือ ทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านที่สามารถเดินทางไปมาได้สะดวกและมีสภาพแวดล้อมที่ดี มีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ และโอกาสที่จะสามารถสนับสนุนและพัฒนาอุทยานการเรียนรู้ TK park ได้ก้าวหน้า อีกทั้งการที่กรุงเทพฯได้เป็นเมืองหนังสือโลก และการที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ประชาคมอาเซียน จะทำให้คนกระตือรือล้นในการอ่านและการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น โดยอาจจัดกิจกรรมเช่น การอบรมมัคคุเทศก์หนังสือ การเรียนรู้ภาษาประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและการโต้วาที
ในช่วงบ่าย เริ่มต้นด้วย ทีม Athena พร้อมแนวความคิด “Spark Your Dream” ที่ จะมาปลุกและกระตุ้นความฝันให้กับทุกคนที่จะเข้ามาใช้บริการกับห้องสมุด อุทยานการเรียนรู้ TK park ลูกเล่นที่น่าสนใจของทีมนี้คือการ นำเลข 8 ในวาระที่อุทยานการเรียนรู้ TK park ก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 มาใช้ในการคิดกิจกรรมต่างๆ เช่น ครบรอบ 8 ปี กับภารกิจพิชิต 8 ความฝัน จัดการอบรมและเรียนรู้ประสบการณ์จาก 8 สาขาอาชีพในฝัน เช่น นักแสดง หรือพนักงานต้อนรับบนเครืองบิน หรือโครงการ “แค่เพียง...วันละ 8 หน้า” เป็นการส่งเสริมให้คนอ่านหนังสืออย่างน้อยวันละ 8 หน้า
สำหรับ ทีม Co-Creation ซึ่งมาเขย่าความฝันและปลุกจินตนาการ ด้วยแนวคิด “TK Shake แหล่งเขย่าความคิดทุกมิติการเรียนรู้” เช่น กิจกรรม “TK Shake & mix …chic & make” เป็นการคัดสรรหนุ่มสาวเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับอุทยานการเรียนรู้ TK park ว่าเป็นสถานที่สำหรับวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยจินตนาการและความสามารถ รวมถึงเปิดให้มีวันให้บุคคลทั่วไปเข้ามาใช้บริการฟรีหนึ่งวันเต็มๆ หรือ“TK Shake School”(เขย่าทุกสถาบัน) เป็นการจัดกิจกรรมตามสถานศึกษาต่างๆ
ทีม Womaniza ทีมสาวล้วน ที่เรียกความสนใจด้วยการใช้ลูกโป่งตกแต่งเต็มเวที ทีมนี้แหวกแนวไม่ใช้เลข 8 เหมือนกลุ่มอื่นๆ แต่ใช้เลข 9 เป็นหัวใจสำคัญในการนำเสนอ เพราะมองเป้าหมายของโครงการนี้ในระยะยาว และต้องการเล่นกับความหมายของเลข 9 ด้วย แนวคิดของกลุ่มนี้คือ “9 ปี ก้าวไกล ก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลง” นอก เหนือจากไอเดียแล้ว ทีมนี้ยังทำการบ้านมาพร้อมด้วยการเปรียบเทียบข้อมูลอุทยานการเรียนรู้ TK park กับคู่แข่งอื่นๆ เช่นห้องสมุดประชาชน ร้านอินเทอร์เน็ต และห้างสรรพสินค้า ว่ามีการบริการ ราคา หรือแผนการตลาด ที่มีจุดอ่อนจุดแข็งต่างกันอย่างไร
สำหรับกรรมการผู้ตัดสินในวันนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK park) อ.สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) และ อ.นราธิป อ่ำเที่ยงตรง ผู้จัดการศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาทางธุรกิจ และอาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ในช่วงซักถามและรับฟังคำติชมจากกรรมการ กรรมการทุกท่านมีความคิดเห็นที่ตรงกันว่าแต่ละทีมสามารถสำรวจ เก็บข้อมูลมาได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการกำหนดกิจกรรม ค่อนข้างจะคัดสรรได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักคือวัยรุ่นและวัยทำงานในช่วง อายุ 18-25 ปี และเป้าหมายรองคือเด็กเล็ก ครอบครัว ผู้อาวุโส
กิจกรรมที่ระดมความคิดกันขึ้นมาล้วนมีความหลากหลาย เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้และจินตนาการของสมาชิกเก่า บุคคลทั่วไป หลายเพศ หลายวัยให้สามารถมาสนใจอุทยานการเรียนรู้ TK park ได้เป็นอย่างดี และกรณีการแก้ไขในการบริหารจัดการงานภายในเช่นระบบรับสมาชิก หรือการแต่งกายของเจ้าหน้าที่ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับองค์กร ให้มีความทันสมัย และน่าสนใจ
ขณะเดียวกันจุดอ่อนหรือข้อที่ควรปรับปรุงของอุทยานการเรียนรู้ TK park ซึ่งแต่ละทีมได้ประเมินมานั้น กรรมการเห็นว่าแต่ละทีมมีความกล้าที่จะนำเสนอความจริง ความถูกต้องได้อย่างเหมาะสม และละเอียดรอบคอบ
แต่ว่า การจัดทำแผนของแต่ละทีมยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง เช่น การกำหนดงบประมาณในแต่ละกิจกรรที่ใช้เงินเป็นจำนวนมาก และอาจจะไม่ตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ หรือชื่อกิจกรรมที่ค่อนข้างยาว ทำให้ยากต่อการจดจำ และลักษณะงานดูจะทับซ้อนจนอาจทำให้ผู้รับข่าวสารเกิดความสับสนได้ นอกจากนี้การใช้สื่อประชาสัมพันธ์บางประเภท ไม่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การทำสื่อประชาสัมพันธ์ต่อวัยรุ่น เพียงการใช้ป้ายโฆษณา หรือแผ่นพับ อาจจะค่อยน่าสนใจเท่ากับการจัดกิจกรรมนอกสถานที่หรือการประชาสัมพันธ์ทางอิน เทอร์เน็ต
อ.นราธิป บอกเล่าความรู้สึกต่อผู้เข้าร่วมโครงการครั้งนี้ว่า “ทุกวันนี้ทุกคนมีแบรนด์ของตัวเองคือ มหาวิทยาลัย และวันนี้มีแบรนด์ที่เพิ่งได้ประทับตราคืออุทยานการเรียนรู้ TK park พวกคุณคือความฝันของอุทยานการเรียนรู้ TK park พวกคุณคือความมุ่งมั่นของครูบาอาจารย์ พวกคุณคือเพชรที่จะเติบโตในแวดวงการตลาดต่อไป”
ด้าน อ.สุรพล มี ความเห็นตรงกันและฝากความหวังไว้กับรุ่นใหม่เอาไว้ว่า “ในระบบสังคมทุกวันนี้ เป็นระบบที่เห็นแก่ตัวแก่งแย่ง ถ้าเราเป็นคนที่ดีของสังคม ออกไปสร้างงานสร้างอาชีพ อาจจะไม่ได้ร่ำรวย แต่มีความสุข เราประสบความสำเร็จตามลำดับชั้นที่เราอยากได้ เราจะรู้ว่าเราใช้ชีวิตที่ผ่านมาอย่างคุ้มค่า...สังคมยังต้องการคนดีๆ อีกเยอะ ...สังคมต้องอยู่ด้วยความถูกต้องไม่ใช่ความถูกใจ...เป็นคนดีที่อยากเห็นคน อื่นมีความสุข สังคมอยู่ได้ด้วยการมีคนดี ไม่ใช่คนรวย”
สุดท้าย ดร.ทัศนัย กล่าว สนับสนุนเช่นกันว่า “แม้เราไม่ได้รวยด้วยเม็ดเงิน แต่เราสามารถรวยปัญญา รวยมิตรภาพ รวยสิ่งดีๆ ได้ ...และขอให้วันนี้เป็นการก้าวไปสู่อนาคต ขอให้เป็นอนาคตที่สดใส แต่คงไม่ใช่ทางเดินที่มีกลีบกุหลาบ ขอให้มีอุปสรรคขัดขวางบ้าง แต่เป็นอุปสรรคที่จะได้เรียนรู้กับมัน ...ชีวิตที่ไม่มีปัญหา ไม่มีอุปสรรค ชีวิตนั้นไม่มีความสุข”
มาถึงนาทีที่ทุกคนรอคอยคือการประกาศผลรางวัล ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศได้แก่ ทีม Six-Nature มีสมาชิกในทีมคือ พัด-บัณฑิต วรรณวานิชชัย, ผิง-สิรินญา คูณโชติพงศ์, บี-อิสวารัศมิ์ มานพรัตนากูล, โอ๊ต-ศุภชัย ทองดี, หนูดี-ภควดี สกุลบ้านบน และนิ้ง-วิรลพชร กิตติจินดามณี ได้รับทุนการศึกษา 40,000 บาท พร้อมทุนตั้งตนสำหรับการนำแผนการสื่อสารการตลาดไปพัฒนาจริง จำนวน 100,000 บาท
ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ทีม Womaniza ได้รับทุนการศึกษา 25,000 บาท และ รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ ทีม Athena ได้รับทุนการศึกษา 15,000 บาท สำหรับทีมอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับรางวัลชมเชย เป็นทุนการศึกษา รางวัลละ 5,000 บาท
น้องๆ ในทีม Six-Nature ยอมรับว่าสิ่งที่ได้รับจากโครงการนี้ นอกเหนือจากความรู้ คือประสบการณ์จากการทดลองทำงานจริง และได้ทำงานร่วมกับเพื่อนๆ ต่างสถาบัน ผ่านการถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำให้คิดและคัดสรรกิจกรรมที่เหมาะสม สามารถนำไปใช้ได้จริง และช่วยกำหนดทิศทางของแผนไปในทางเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นจุดแข็งของทีมที่ทำให้ได้รับรางวัล
“การทำงานกับคนอื่นๆที่มาจากที่แตกต่างกัน เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ เรารู้สึกว่าเป็นการทำงานที่ลงตัว ทุกคนมีความสามัคคี แม้ว่าความคิดเห็นจะไม่ตรงกัน แต่เราก็ใช้เหตุผลคุยกัน มากกว่าการใช้อารมณ์ และเลือกสิ่งที่ดีที่สุด”