“นิยาย” จัดเป็นประเภทหนังสือที่ต้องถืออ่านกันแทบทุกเพศ ทุกวัย ใครหลายคนอาศัยหนังสือสร้างโลกความฝันและจินตนาการเพื่อหลบซ่อน หรือเป็นจุดแวะพักและเติมพลังใจพลังสมองให้กับตัวเอง
ไม่แปลก! ถ้าจะบอกว่าเรื่องราวในกระดาษหนึ่งหน้า ซ่อนโลกหลายใบเอาไว้ในนั้น
ในวันเสาร์ที่ 22 มีนาคม 2557 เวลา 14.30 -15.30 น. ณ ลานสานฝัน TK park จึงได้เปิดโลกการอ่านด้วยวรรณกรรมกับกิจกรรม Inspired by Idol กับ “กิ่งฉัตร” นักเขียนมือทองที่มีผลงานนวนิยายหลากรสหลายอารมณ์ มีผู้อ่านทุกเพศทุกวัยคอยติตตามผลงานอยู่ทั่วประเทศที่จะมาร่วมเล่าประสบการณ์ เปิดโลกการอ่าน แชร์ความฝัน ส่งต่อความมุ่งมั่นสู่เยาวชนคนรุ่นใหม่
“กิ่งฉัตร” Idol ที่จะร่วมถ่ายทอดแรงบันดาลในวันนี้
“ปาริฉัตร ศาลิคุปต”
ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหูคนทั่วไปมากนัก แต่ถ้าบอกว่าเจ้าของชื่อนี้เป็นคนเดียวกันกับนักเขียนนิยายนามปากกา “กิ่งฉัตร” ที่มีผลงานนิยายรักชื่อดังหลายเรื่อง เช่น พรพรหมอลเวง เสราดารัล สาปพระเพ็ง สูตรเสน่หา ด้วยแรงอธิษฐาน บ่วงหงส์ มายาตวัน มนต์จันทรา ฟ้ากระจ่างดาว แฟนนิยายและแฟนละครโทรทัศน์ต้องรู้จักเธอเป็นอย่างดี
กิ่งฉัตรบอกเล่าประสบการณ์ การเริ่มต้นเส้นทางนักเขียนของเธอ ว่าเริ่มจากการที่เป็นคนชื่นชอบการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งอ่านเรื่องสั้นและนิยายไทยและต่างประเทศ เมื่ออ่านหนังสือมากขึ้นก็มีความฝันที่อยากจะหัดเขียนนิยายด้วยตัวเอง ตั้งแต่สมัยเรียน เธอลองเขียนเรื่องสั้นให้เพื่อนๆ ได้อ่าน แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก เพราะเป็นงานเขียนที่ต้องใช้เทคนิคและภาษาภายใต้เงื่อนไขและกรอบของจำนวนหน้าที่มีอยู่อย่างจำกัด เธอจึงได้ลองเปลี่ยนมาเขียนนิยาย ซึ่งมีพื้นที่ให้ถ่ายทอดเรื่องได้มาก มีข้อจำกัดน้อย ซึ่งสามารถใช้จินตนาการได้มากกว่าเดิม
ผลงานนิยายของกิ่งฉัตร
“ชีวิตจริงๆ ยิ่งกว่านิยาย”
กิ่งฉัตรบอกเล่าถึงสังคมการอ่านในสมัยก่อนว่า การจะเป็นนักเขียนค่อนข้างทำได้ยาก เพราะพื้นที่ในการเผยแพร่ผลงานมีน้อย กว่าผลงานจะได้รับความนิยมและทำให้ผู้อ่านรู้จักได้ เป็นเรื่องที่นักเขียนมือใหม่ต้องใช้ความอดทนและความพยายามเป็นอย่างมาก จนมีคำล้อกันว่า “นักเขียนไส้แห้ง” เพราะเป็นอาชีพที่ไม่น่าจะมีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ แต่เธอก็เชื่อและอยากทำในสิ่งที่รัก ในระหว่างเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย จึงเขียนนิยายเรื่อง “พรพรหมอลเวง” ซึ่งเป็นนิยายเรื่องแรกได้สำเร็จ
หลังจากเรียนจบ เธอยังไม่ได้เบนเข็มมาทำงานเป็นนักเขียนประจำในทันที แต่ได้เริ่มงานการเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ ในสายข่าวอาชญากรรม แม้ว่าลักษณะงานที่ได้รับมอบหมายจะดูตรงข้ามกับงานเขียนนิยายรักหวานแหวว แต่นักเขียนชื่อดังยอมรับว่าประสบการณ์จากการทำงานข่าวได้กลายเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นดีให้กับงานเขียนนิยายในเวลาต่อมา
กิ่งฉัตรให้เคล็ดลับสำหรับนักเขียนมือใหม่ว่า ควรจะต้องทำงานประจำหรืองานอย่างอื่นก่อนจะมาเป็นนักเขียนประจำ เพราะการใช้เวลาในการเขียนงานเพียงลำพังทำให้ขาดการรับรู้ข้อมูล รวมถึงบรรยากาศในการทำงานกับคนอื่นๆ ในโลกความเป็นจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลสำคัญในการสร้างผลงานนิยายให้ดูสมจริง
นอกจากนี้ เธอยังมีความเห็นว่าหัวใจสำคัญของ “นักเขียน” คือ “การมีวินัย” เพราะเมื่อทำงานคนเดียวแล้ว จะต้องมีความเข้มงวดกับตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม ช่วงแรกของการทำงานเธอเลือกจะเขียนงานในห้องทำงานส่วนตัว แต่ปัจจุบันเธอสามารถทำงานได้ทุกๆ ที่ เพราะเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยทำให้เลือกสถานที่ทำงานได้หลากหลาย แม้ว่าจะมีปัจจัยที่ขัดขวางการเขียนทั้งเรื่องของสุขภาพ การคิดพล็อตเรื่องไม่ให้ซ้ำซ้อน รวมถึงภาระในการบริหารจัดการเรื่องรอบตัว ที่อาจเพิ่มความเครียด ความกดดัน
บรรยากาศการพูดคุย
“บางคนชอบกินราดหน้า แต่ถ้าเราเสิร์ฟผัดไทยให้ โอกาสที่เขาจะบอกว่าอร่อยนั้น มันอาจจะลดลง”
หากถามว่าทำไมนิยายของ “กิ่งฉัตร” จึงมีนักอ่านติดตามกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงนำไปดัดแปลงสร้างเป็นละครโทรทัศน์ก็ยิ่งโด่งดัง
คำตอบนี้คือเธอเขียนนิยายโดยให้ความสำคัญต่อ “คนอ่าน” มากกว่าจะห่วงพะวงว่าจะได้นำไปทำเป็นละครโทรทัศน์หรือไม่ เพราะหน้าที่ของนักเขียนคือการเขียนเรื่องราวให้คนได้อ่าน
เธอบอกว่าในการเขียนนิยายจะต้องเขียนเรื่องที่ทำให้ตัวเองชอบและสนุกก่อน อย่ากังวลกับ “ความคาดหวัง” ของคนอื่นมากเกินไป ต้องถือเสมอว่า นักเขียนเป็นคนอ่านคนแรก อย่าไปยึดติดว่าจะมีคนชอบมากหรือน้อย แต่ให้มองว่าตัวเองอ่านแล้วชอบหรือประทับใจเรื่องที่เขียนเองมากน้อยแค่ไหน
อีกประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับวงการหนังสือในปัจจุบันคือการเติบโตของหนังสืออิเล็กทรอนิคส์ (E-book) ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนอ่านมากขึ้น ในมุมมองสำหรับคนเขียน กิ่งฉัตรอยากให้เด็กๆ และเยาวชนได้เริ่มต้นการอ่านจากหนังสือที่ตีพิมพ์เป็นเล่มมากกว่าการอ่านจากแท็บเล็ต (Tablet) เพราะหนังสือมีเสน่ห์ที่สัมผัสได้ อย่างกลิ่นหอมของกระดาษ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ผู้อ่านไม่สามารถหาได้จากหน้าจอ
ชุดนิยายที่ได้นำไปสร้างเป็นละครจนโด่งดัง
“นิยายที่ได้ช่วยเป็นเครื่องเตือนใจคนอ่าน ถือว่าเป็นเกียรติยศของเรา”
นอกจากผลงานนิยายแนวรักโรแมนติก ที่กิ่งฉัตรถนัดแล้ว เธอยังมีผลงานนิยายแนวสืบสวนสอบสวนและแฟนตาซีในนามปากกา “อลินา” อีกด้วย แม้ว่าผลงานชุดนี้จะเป็นที่นิยมในหมู่คนอ่านเฉพาะกลุ่ม แต่เธอก็มีความสุขที่ได้เขียนจากความต้องการของตัวเอง เพราะนอกจากเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ความรักที่มีอยู่ในนิยายแล้ว กิ่งฉัตรมักจะสอดแทรกเหตุการณ์ข่าวคราว หรือเรื่องราวเตือนใจใกล้ตัว นำมาใส่ไว้ในเนื้อเรื่องเสมอ เช่น การฆาตกรรมในครอบครัว ซึ่งสะท้อนสภาพสังคมได้เป็นอย่างดี
“นิยายเป็นเหมือนกระจกเงาสะท้อนภาพเรา สะท้อนเรื่องราวในสังคม บางครั้งเรามองกระจกเงา กลับมองเห็นชัดกว่าการมองด้วยตาของตัวเอง การอ่านนิยายก็เป็นเหมือนการมองภาพที่เห็นปัญหาสังคมซึ่งสะท้อนอยู่ไปมา”
เธอยอมรับว่าการเขียนนิยายแนวสืบสวนสอบสวนในเมืองไทย ยังเป็นเรื่องยากอยู่ เพราะสังคมไทยไม่ใช่สังคมที่จะก่ออาชญากรรมที่มีการวางแผนซับซ้อนได้ การคิดกลวิธีในการเขียนให้มีการสอบสวนที่ดูตื่นเต้นน่าสงสัยให้เหมือนกับนิยายหรือละครในต่างประเทศ อาจจะขัดกับความเชื่อของคนไทย ทำให้ขาดความสมจริง จึงเป็นเรื่องยากที่จะจูงใจให้คนอ่านเชื่อตามได้
ผลงานอื่นๆ ในนามปากกา “อลินา”
บนเส้นทาง “นักเขียนมืออาชีพ” มานานกว่า 20 ปี “กิ่งฉัตร” ได้ขีดเขียนเรื่องราวบนหน้ากระดาษ เรียกรอยยิ้มและคราบน้ำตาให้กับใครหลายคนเอาไว้มากมาย อีกด้านหนึ่ง เธอยังคงเป็น “นักอ่านมืออาชีพ” ควบคู่ไปด้วย แต่ละวันเธอยังอ่านหนังสือเหมือนอย่างที่เคยทำในวัยเด็ก เพียงแต่ประเภทหนังสือที่หยิบอ่านอาจจะแตกต่างออกไป จากนิยายกลายเป็นงานสารคดีและหนังสือแปล
เธอยืนยันว่าการอ่านและการเขียนมีความสำคัญเป็นอย่างมาก กระทั่งสิ่งประดิษฐ์และเทคโนโลยีมากมายในปัจจุบันเคยปรากฏอยู่ในนิยายเพ้อฝันมาแล้วทั้งนั้น ถ้าย้อนมองดูจะค้นพบว่าทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ล้วนมาจากจินตนาการและการเขียนทั้งสิ้น
“งานเขียนและศิลปะมาก่อน แล้วโลกก็ตามไป”
พลตรัย
ภาพประกอบ
www.manager.co.th/entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9480000085640
www.showwallpaper.com/show.php?wid=067777
www.lookangoon.com