โกอินเตอร์แบบ สิงโต นำโชค
เพลงแต่ละเพลง ล้วนแล้วแต่ใช้ภาษาใดภาษาหนึ่งในการสื่อสารเนื้อหาออกไปให้คนฟังเข้าใจ ขณะเดียวกันเพลงก็เป็นภาษาสากลที่ผู้คนทุกเชื้อชาติสามารถรับรู้อารมณ์ผ่านท่วงทำนองได้ แต่จะดีกว่าถ้าหากเพลงนั้นๆ สามารถใช้ทั้งภาษาและท่วงทำนองสื่อสารออกไปให้ทุกคนมีความสุขไปกับเสียงเพลงได้พร้อมกัน
สิงโต นำโชค หรือ นำโชค ทะนัดรัมย์ คือศิลปินไทยแนวเซิร์ฟมิวสิกมากฝีมือ เจ้าของเพลงดังอย่าง ‘อยู่ต่อเลยได้ไหม’, ‘เธอคือของขวัญ’, ‘ฮู้ ฮู’ ตัวแทนของคนไทยที่นำเพลงไทยข้ามน้ำข้ามทะเลโกอินเตอร์ให้ชาวต่างชาติได้ฟังจนประสบความสำเร็จ
กิจกรรม TK Music Ed. 2016: สิงโต นำโชค นำโชคกับเส้นทางโกอินเตอร์ ได้มาบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังทั้งการฝึกฝนภาษา การแต่งเพลง ไปจนถึงเคล็ดลับการโกอินเตอร์ของสิงโต นำโชคที่เป็นเหมือนตำราให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้เรียนรู้
สิงโตเริ่มต้นเล่าว่า จุดเริ่มต้นของการร้องเพลงภาษาอังกฤษเกิดจากการฟังและฝึกร้องเพลงภาษาอังกฤษบ่อยๆ เป็นอย่างแรก “ตอนแรกที่เล่นดนตรีต้องแกะเพลงต่างประเทศมาเล่นก่อน แรกๆ ก็มีคนทักว่าร้องอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง เราก็พยายามไปศึกษาภาษาเพิ่ม อย่างตอนที่ไปอังกฤษคือคุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ไม่ได้เป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้พูดแบบน้ำไหลไฟดับ พูดเท่าที่เรารู้เรื่อง”
ด้วยเพลงที่ประสบความสำเร็จในบ้านเกิด จึงทำให้เขามีโอกาสได้ออกไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศเป็นครั้งแรกในเทศกาล ฮาวาย อูคูเลเล่ เฟสติวัล “ครั้งแรกที่ไปตอนนั้นเล่นเป็นเพลงไทยก่อน คนฟังต่างชาติก็งง เพราะยังไม่รู้จักเพลงไทย ต้องมีการอธิบายเพลงให้ฟังก่อน ว่าเพลงนี้เกี่ยวกับอะไร ปีต่อมาเขาก็ชวนผมไปอีก ก็เลยมีไอเดียว่าอยากจะทำเพลงไทยให้เป็นภาษาอังกฤษ เขาจะได้ฟังรู้เรื่อง จนเกิดเป็นอัลบั้มนี้ขึ้นมา” เขาหมายถึง ‘Sticky Rice’ (2556) อัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษที่แปลจากเนื้อภาษาไทย เป็นจุดเริ่มต้นให้สิงโตเริ่มได้รับการติดต่อให้ไปเล่นในประเทศต่างๆ ทั้งสิงคโปร์และออสเตรเลียในเวลาต่อมา “อัลบั้มแรกมีเพลงที่ชื่อว่า ‘Wake up’ ที่แต่งกับภรรยา คืออยากลองว่าเราจะแต่งเพลงสากลได้ไหม เพราะปกติเราก็ฟังเพลงสากลอยู่แล้ว พอมีโอกาสได้ทำอัลบั้มก็อยากจะทำเป็นเพลงสากล และอีกเพลงที่แต่งคนเดียวคือเพลง ‘ฮู้ ฮู’ เพราะเนื้อร้องน้อยมาก แต่ก็ได้ภรรยามาช่วยดูว่าคำไหนถูกผิด”
การแต่งเพลงในแบบสิงโต ก่อนที่จะแต่งเนื้อว่าเล่าถึงอะไร ต้องแต่งทำนองให้ได้ก่อนเป็นอย่างแรก “การแต่งเพลงของผมเริ่มจากแต่งทำนองก่อน เพราะสำคัญมาก ผมเคยแต่งโดยไม่ได้คำนึงถึงทำนอง อารมณ์มาก่อน แต่งเสร็จเพราะมาก แต่เพื่อนบอกเหมือนเพลงศฺลปินอื่น คือเราคุ้นกับเพลงเขาจนเราไม่รู้ว่าแต่งเหมือน จึงต้องหาวิธีที่จะสามารถเลี่ยง ก็เลยต้องฮัมทำนองขึ้นมาก่อน ให้ชัวร์จริงๆ ว่าไม่เหมือนใครนะ เพราะแต่ละเพลงทำนองมีสิทธิ์ซ้ำกันได้แน่นอน” เขาแบ่งปันประสบการณ์ในการแต่งทำนอง ที่ศิลปินไทยหลายคนประสบปัญหาจนถูกกล่าวหาว่าเลียนแบบอยู่บ่อยครั้ง
หลังจากที่ได้ทำนองแล้ว ขั้นตอนต่อไปจึงค่อยมาเขียนเนื้อ โดยแรงบันดาลใจส่วนใหญ่สิงโตได้มาจากเรื่องส่วนตัว คนใกล้ตัว รวมไปถึงการใช้จินตนาการ “เนื้อเพลงส่วนใหญ่ได้มาจากเรื่องตัวเองบ้าง เรื่องเพื่อนก็มี ยิ่งตอนมีภรรยามีลูก เรื่องอกหักก็ไม่ใช่เรื่องตัวเองแล้ว หลังๆ ก็เลยต้องใช้จินตนาการบ้าง อย่างเพลง ‘อยู่ต่อเลยได้ไหม’ มีฉากในหนังที่เวลาผู้ชายไปส่งผู้หญิงที่บ้าน แล้วรอให้ผู้หญิงชวนไปกินกาแฟ ดูเชยๆ นะ แต่มันคลาสสิกดี เราอยากให้มีในเพลง เลยต้องจินตนาการขึ้นมา” ซึ่งทุกเพลงของสิงโตเป็นการทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์คู่ใจ ตั้ม โมโนโทน (สถาปัตย์ ธีรนิตยภาพ) และ Kijjaz โมโนโทน (กิจจาศักดิ์ ตริยานนท์) ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่อัลบั้มแรก
ส่วนการเขียนเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ สิงโตก็มีเทคนิคในแบบของตัวเอง “ตอนที่แต่งเป็นภาษาอังกฤษมีเพื่อนชาวอังกฤษมาช่วยแต่งอย่างในเพลง ‘เธอคือของขวัญ’ ก็ไม่ได้แปลตามตัวอักษรเป๊ะๆ ตอนที่แต่งด้วยกัน เราก็เล่าคอนเซปต์เนื้อไทยให้ฟังคร่าวๆ แล้วลองให้เขาแต่งในแบบของเขาขึ้นมา ส่วนทำนองก็ไม่ต้องร้องให้เหมือนเพลงไทย เป็นรสชาติใหม่ เพลงใหม่ไปเลย เหมือนเป็นการต่อยอดจากเพลงเดิมมากกว่า” ขณะเดียวกันในการร้อง เขากลับบอกว่าภาษาไทยร้องยากกว่า “เพลงภาษาไทยร้องยากกว่าภาษาอังกฤษ เพราะภาษาไทยมีเมโลดี้อยู่ในคำ การร้องไปแตะเมโลดี้ที่ไม่ลงตัวเรียกว่า การโกงโน้ต ซึ่งบางคนร้องได้ก็เท่ไปอีกแบบ แต่อย่างผมไม่เหมาะกับการร้องอย่างนั้น จึงพยายามให้ถูกเมโลดี้ของเพลงและของคำ เลยทำให้ยาก”
แม้ว่าสิงโต นำโชคจะประสบความสำเร็จในการนำเพลงไทยไปให้คนต่างชาติรู้จัก แต่เมื่อถามถึงเคล็ดลับสำคัญในการเริ่มต้นแต่งเพลงภาษาอังกฤษ เขากลับมีเคล็ดลับที่ง่ายมากๆ “วิธีผมคือมีศัพท์แค่ไหนก็แต่งแค่นั้นก่อน เช่น This is a cat. This is a book. ก็แต่งแค่นั้นไปก่อน การทำงานดนตรีเหมือนกันทั่วโลก ภาษาอังกฤษของผมก็ไม่ได้เป๊ะตามไวยากรณ์ แต่คุยกันรู้เรื่อง ท่อนนี้เราอยากได้แบบนี้ พอเล่าออกมาผิดไวยากรณ์เขาก็เปลี่ยนให้เรา ไม่มีปัญหาในการทำงานเลย แต่ทุกวันนี้ผมมีเวลาก็ยังไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมอยู่”
การทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าหากสิ่งนั้นเกิดจากความพยายามด้วยความรักแล้ว ก็อาจจะประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับการเดินทางบนสายดนตรีของสิงโต นำโชค “มีคนถามเยอะว่าประสบความสำเร็จเพราะอะไร คิดว่าเป็นเพราะเราทำในสิ่งที่เรารัก เราเล่นดนตรี ฝึกซ้อมตลอด จนไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการฝึก ทุกอย่างมาจากความรักความชอบ ไปสู่ความเชื่อที่คิดว่าเราทำได้ ไม่ได้เชื่อแบบลอยๆ พยายามถามตัวเองว่าเราจะไปตรงนั้นได้อย่างไร อยากทำอัลบั้ม ก็กลับมาดูตัวเองว่าเราไปถึงตรงนั้นได้หรือยัง ถ้ายังก็กลับมาฝึกฝน เพราะความรัก ถึงท้อก็ยังสนุก”
วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย