หากจะเปรียบ TK park เหมือนเด็กน้อยสักคน 6 ปีที่ผ่านมาก็คงเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น การเรียนรู้ การค้นหาสิ่งใหม่ๆ นับตั้งแต่การเรียนรู้ที่จะพูดคำแรก การหัดคลาน การหัดเดิน ฯลฯ ถึงวันนี้เด็กน้อยคนนี้ก็อายุ 6 ขวบพอดี กำลังน่ารักน่าชังและพร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
การเดินทางก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 ในปีนี้ทาง TK park ก็ยังคงเน้นการปลูกฝังและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน แสวงหาความรู้ ในบรรยากาศการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์และทันสมัยอยุ่เสมอ นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเกิดการแสวงหาความรู้และการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคนและสังคมไทยให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น งานครบรอบ 6 ปี TK park ในวันนี้จึงจัดขึ้นอีกครั้งเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของ TK park ที่ได้เป็นองค์กรหนึ่งในการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ของประชาชน และการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถของเยาวชนมาโดยตลอด
เริ่มกันที่ห้องสมุดเด็กกับกิจกรรม Workshop อ่านแล้วม่วนอ๊ก ม่วนใจ๋ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กๆ จากความร่วมมือของศูนย์การเรียนรู้ปัทมะเสวี จ.ลำปาง โดยในวันนี้เป็นการสอนเด็กๆ ทำโปสการ์ด Pop-Up ซึ่งเมื่อเปิดขึ้นมาแล้วจะมีสัตว์ตัวเล็กๆ ที่น่ารักกระเด้งกระดอนออกมาทักทายเด็กๆ นอกจากนั้นโปสการ์ดทุกใบยังมีสีสันสวยงามจากฝีมือการระบายสีของเด็กๆ อีกด้วย จึงเหมาะสำหรับเป็นของขวัญให้คนพิเศษในเทศกาลสำคัญ
เด็กๆ หัดทำโปสการ์ด Pop-Up กับพี่ๆ จากศูนย์การเรียนรู้ปัทมะเสวี
เมื่อเดินออกมาที่โซนนิทรรศการ ก็จะพบกับเรื่องราวกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดระยะเวลา 6 ปี พร้อมกับภาพกิจกรรมที่น่าประทับใจของโครงการต่างๆ ที่ TK park ได้จัดขึ้น และทางมุมด้านในยังเป็นพื้นที่ให้ทุกๆ ท่านเข้าบอกเล่าเรื่องราวความรู้สึกความประทับใจต่างๆ ที่มีให้แก่อุทยานการเรียนรู้ TK park
และบริเวณที่มีกิจกรรมสำคัญทั้งวันก็คือลานสานฝัน นอกจากจะมีกิจกรรมหน้าเวทีสลับสับเปลี่ยนกันอยู่เรื่อยๆ แล้ว ยังมีกิจกรรม Workshop ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้แสดงฝีมือศิลปะอีกสองกิจกรรมคือ การแต่งหน้า Cupcake ให้เป็นลวดลายตามความสร้างสรรค์ของเด็กๆ เรียกว่านอกจากจะได้แต่งหน้าเค้กอย่างสนุกสนานแล้ว ยังได้อิ่มท้องและเอาไปฝากคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านได้อีกด้วย
กิจกรรมแต่งหน้าคัพเค้ก
อีกกิจกรรมหนึ่งคือ การทำเข็มกลัด 6 ปี TK park ในสไตล์คุณ โดยให้เด็กๆ ได้ลงมือแต่งแต้มระบายสีสันลงบนกระดาษตามจินตนาการ มีทั้งเด็กที่ใช้สีไม้ สีเมจิค สีน้ำตามความถนัดของแต่ละคน เมื่อเสร็จแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็จะนำกระดาษเข้าเครื่องอัดเข็มกลัด กลายเป็นเข็มกลัดแสนสวยหลากหลายสีสัน เป็นของที่ระลึกชิ้นสำคัญของเด็กๆ ที่มีอยู่ชิ้นเดียวในโลก
กิจกรรมการทำเข็มกลัด 6 ปี TK park ในสไตล์คุณ
มาที่กิจกรรมหน้าเวทีของลานสานฝัน เริ่มที่ การแสดงโนรา หรือมโนราห์จากเยาวชน TK park ยะลา ซึ่งเป็นการแสดงทางด้านศิลปวัฒนธรรมที่นับเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ เป็นการแสดงทำนองเดียวกับละครชาตรีที่เล่นกันแพร่หลายในภาคกลาง คือมีการร่ายรำ มีบทร้อง บทเจรจา และการแสดงเป็นเรื่องยาว ในปัจจุบันนี้โนรายังคงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายอยู่เช่นเดิม โดยมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น
การแสดงเริ่มขึ้นโดยการเชิดตัวหนังตะลุงแนะนำตัวคณะผู้แสดง และบอกเล่าถึงความเป็นมาและความสำคัญของ TK park ว่าเป็นอุทยานการเรียนรู้ที่ไม่ใช่แค่ห้องสมุด แต่มีสื่อการเรียนรู้อื่นๆ มากมายที่เยาวชนและประชาชนได้ใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้และจัดกิจกรรมพัฒนาความสามารถ ทำเอา “เท่ง” (ตัวตลกของหนังตะลุง) ผู้ไม่เคยรู้จัก TK park มาก่อนต้องวิ่งแจ้นไปใช้บริการอุทยานการเรียนรู้ในทันที
ตัวพระเอกกำลังแนะนำ “เท่ง” ให้รู้จัก TK park
จากนั้นจึงเป็นการรำ “มโนห์รา” หรือที่ชาวปักษ์ใต้พูดให้สั้นลงว่า “โนรา” เป็นการรำที่มาจากวรรณคดีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งคือ “พระสุธน-มโนห์รา” ในตอนที่นางมโนห์ราซึ่งเป็นกินรีกำลังจะถูกฆ่าเพื่อบูชายัญ นางจึงขอปีกและหางมาใส่เพื่อร่ายรำให้ทุกคนได้ชมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะบินหนีไป การร่ายรำของนางงดงามมากจึงมีการฝึกหัดและสืบทอดมาจนเป็นการแสดงสำคัญของท้องถิ่นใต้
การรำโนรา
แล้วจู่ๆ การแสดงก็มีเซอร์ไพรส์ให้เด็กๆ กรี๊ดกร๊าด เมื่อปรากฏยักษ์ตัวอ้วนโผล่เข้ามาวิ่งตามจับนางโนรา และทำหน้าตาน่ากลัวหลอกเด็กๆ ที่กำลังชมการรำโนราอย่างเพลิดเพลิน เรียกเสียงหัวเราะและสร้างความสนุกสนานให้ผู้ชมได้เป็นอย่างดี เมื่อการแสดงจบลง คณะผู้แสดงก็กล่าวว่าดีใจมากที่ได้มาแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่นับว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญของภาคใต้ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น และหวังว่าจะมีโอกาสได้มาแสดงให้ผู้ชมทุกท่านได้ชมกันอีกครั้ง
ยักษ์อ้วนจอมขโมยซีน
คณะผู้แสดงโนรา รับของที่ระลึกจาก ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้
ต่อจากการแสดงโนราที่มีแสงสีเสียงตระการตา ก็มาถึงการแสดงละครใบ้ Pantomime คือการแสดงละครเพื่อสื่อสารเรื่องราวกับผู้ชมได้ทางสีหน้าและท่าทางโดยไม่ต้องพูด เพื่อกระตุ้นจินตนาการให้เด็กๆ ได้คิดตามไปว่าเกิดอะไรขึ้นในเรื่องและเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร และการแสดงชุดนี้ก็ไม่ทำให้เด็กๆ และผู้ชมผิดหวังเพราะเรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา และเมื่อแสดงจบแล้วยังได้ข้อคิดดีๆ ไว้สอนใจแบบไม่ต้องบอกเล่าด้วยคำพูดอีกต่างหาก
กิจกรรมลำดับต่อมาคือกิจกรรมการแสดงของเยาวชนตัวน้อยที่มีความสามารถในการเล่านิทาน แชมป์จากโครงการลับสมองประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ซึ่งเป็นโครงการที่อุทยานการเรียนรู้ได้จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมความสามารถของเด็กๆ ให้กล้าคิด กล้าแสดงออก และส่งเสริมจินตนาการจากนิทานไปพร้อมกัน ในงานนี้นับเป็นการรวมดาวหนูน้อยนักเล่านิทานไม่ว่าจะเป็น น้องโอปอ - ด.ญ.ปริณดา อินสตุล, น้องปิ่น - ด.ญ.ฐิตาภา ฤทธิจันทร์ สองนักเล่านิทานรางวัลชนะเลิศ และน้องๆ นักเล่านิทานคนอื่นอีกมากมาย ซึ่งแต่ละคนก็มาพร้อมนิทานสนุกสนาน และเพลงประกอบนิทานสนุกๆ ให้ผู้ฟังร้องตามได้ไม่ยาก เห็นน้องๆ เล่านิทานสะกดคนฟังเสียอยู่หมัดแบบนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าน้องทุกคนมีความสามารถสมศักดิ์ศรีแชมป์โครงการจริงๆ เก่งแบบนี้ต้องเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถอย่างแน่นอน
หนูน้อยเล่านิทานกล่อมผู้ฟัง
เย้! รับของที่ระลึกจาก ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล
นอกจากกิจกรรมที่แสดงถึงความสำเร็จในปีที่ผ่านๆ มา ในวาระครบรอบ 6 ปีนี้ ยังเป็นโอกาสพิเศษในการเสวนาประกอบการสาธิตจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน (Treasures of the Kingdom) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะพิเศษเป็นสื่อผสมผสานทั้งตัวอักษร ภาพและเสียง เพื่อเป็นสื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างครบวงจร โดยได้รับเกียรติจาก คุณธีระพร ยินเจริญ เจ้าหน้าที่จากอุทยานการเรียนรู้ เป็นผู้ดำเนินรายการ
ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสำนักงานอุทยานการเรียนรู้กับกรมศิลปากร ในการนำหนังสือเก่าและหายากมาดำเนินการผ่านกระบวนการอนุรักษ์และพัฒนาเป็น “หนังสืออิเล็กทรอนิกส์” (e-book) ที่มีสื่อผสมผสาน (multimedia) ทั้งภาพและเสียง สำหรับให้เด็ก เยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษาและผู้สนใจได้ใช้ศึกษาเรียนรู้อย่างเพลิดเพลิน เปิดให้บริการที่หอสมุดแห่งชาติ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ และอุทยานการเรียนรู้ นอกจากนั้นยังเข้าชมผ่านเว็บไซต์ของอุทยานการเรียนรู้ได้ที่ http://valuablebook.tkpark.or.th
e-book ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน
ลักษณะของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ “ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน” เป็นโปรแกรมที่รวบรวมเอกสารชั้นต้นที่หายากและเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลามาดัดแปลงเป็นข้อมูลดิจิตอล และพัฒนาให้สืบค้นง่ายขึ้น เป็นสื่อที่ยืนยันและรับรองได้ในความถูกต้อง เนื่องเพราะได้ผ่านการตรวจสอบ และกลั่นกรองข้อมูลจากการศึกษาวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ (Historical Research) มาแล้ว มีข้อมูลเอกสารสำคัญของประเทศมากมายไม่ว่าจะเป็น ตำราภาพริ้วกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช คัมภีร์ครรภ์ทรักษาของหมอบรัดเล พระราชพิธีในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตำรารำ ฯลฯ ลักษณะเด่นที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ การรักษารูปลักษณ์ของเอกสารชั้นต้น โดยการเก็บภาพจากเอกสารใบลานมาทำให้เป็นระบบดิจิตอล แต่ยังคงเปิดอ่านได้เหมือนเปิดอ่านเอกสารใบลานจริงๆ และยังขยาย/ลด/หมุนภาพได้อย่างอิสระ นอกจากนั้นยังสามารถสืบค้นภาพประกอบสมัยโบราณในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นอีกด้วย
การรักษาสภาพสมุดใบลานเหมือนต้นฉบับ
ภาพประกอบสมัยต่างๆ ในเรื่องเดียวกัน เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ชุด “ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน” ยังได้รวบรวมสื่อการเรียนรู้ชนิดอื่นๆ คือสื่อวิดีทัศน์เข้ามาในโปรแกรมเพื่อให้ผู้อ่านได้ดูภาพเคลื่อนไหวประกอบการอ่าน ซึ่งจะทำให้เข้าใจมากขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือการอ่าน “ตำรารำ” ซึ่งจะมีภาพวีดิทัศน์การรำของนักแสดงมากถึง 6 มุมมอง ทำให้ผู้อ่านได้เห็นอิริยาบถทั้งหมดของผู้แสดง ส่งผลให้การนำไปฝึกซ้อมหรือประกอบการเรียนการสอนในชั้นเรียนทำได้ง่ายขึ้น นับเป็นคุณูปการที่สำคัญของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ชุดนี้
การแสดงการรำเปรียบเทียบกับสื่อวีดิทัศน์ “ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน”
วิทยากรและทีมผู้แสดงรับของที่ระลึกจาก ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล
เมื่อแดดร่มลมตก บรรยากาศสบายๆ เช่นนี้ก็ถึงเวลาจะมาปล่อยอารมณ์ไปกับการแสดงดนตรี รวมพลคนรักดนตรี ซึ่งในวันนี้ทาง TK park นำวง Brass Quintet ที่เป็นการรวมตัวของ 5 นักดนตรีเครื่องเป่า เพื่อมาบรรเลงดนตรีให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สนุกสนานและผ่อนคลายไปกับดนตรีของพวกเขา ในงานนี้พวกเขาได้ขนเพลงไพเราะมาฝากผู้ฟังมากมายไม่ว่าจะเป็น Color of the Wind เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องโพคาฮอนทัส เพลงคลาสสิกอย่างเพลง บัวขาว ของหม่อมหลวงพวงร้อย สนิทวงศ์ หรือเพลงร่วมสมัยอย่าง อยากได้ยินว่ารักกัน
ขับกล่อมผู้ฟังให้เคลิบเคลิ้มไปกับวง Brass Quintet
ปิดท้ายด้วยการแสดงสดของวงดนตรีชื่อดังอย่าง Playground ที่มากับการบรรเลงเพลงสบายๆ ในแบบอะคูสติก เปิดตัวด้วยเพลง “เรื่องสมมติ” ก่อนจะเล่นเพลงฮิตติดหูของทุกคนมาเป็นชุดไม่ว่าจะเป็น “มุม” “Soulmate” “ปล่อยวาง” นอกจากนั้น Playground ยังมีเพลงพิเศษมาฝากชาว TK โดยเฉพาะอีกด้วย คือเพลง “คนคิดมาก (TK Live Version)” และปิดท้ายด้วย “Happy Birthday” เวอร์ชั่นพิเศษสำหรับชาว TK park
Playground มาแบบอะคูสติก
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แต่สำหรับงานครบรอบ 6th Anniversary TK park ที่สิ้นสุดลงจะเป็นจุดเริ่มต้นของปีที่ 7 ที่อุทยานการเรียนรู้ TK park จะไม่หยุดสร้างสรรค์สิ่งดีๆ และกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อพัฒนาเยาวชนและสังคมไทยให้มีคุณภาพตลอดไป
หนอนหนังสือตัวอ้วน