“อยากตายรึไงฮะ!!!”
ถ้ามีใครสักคนมาพูดแบบนี้กับคุณ
คุณจะรักเขาหรือเธอคนนั้นได้บ้างไหม?
แต่สำหรับผู้ชายเจี๋ยมเจี้ยม หน้าบื้อๆ ไม่เอาถ่าน คนหนึ่ง
แม้เขาจะต้องฟังคำขู่จากหญิงสาวคนนี้ไปอีกกี่ร้อยครั้ง
เขาก็ยิ่งตกหลุมรักยัยตัวร้ายนี้มากขึ้นทุกที
........................................
ยัยตัวร้ายและนายเจี๋ยมเจี้ยม
วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 14.00 น. ณ ห้องมินิเธียเตอร์ 1 อุทยานการเรียนรู้ TK park ขอต้อนรับเดือนเทศกาลแห่งความรัก ด้วยภาพยนตร์จากแดนกิมจิ เรื่อง “My Sassy Girl ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม” หนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ กำกับโดย กวาก แจยอง แสดงนำโดย จวน จีฮุน และ ชา แตฮยอน
ฉายครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2544 ถือเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเกาหลีใต้ และเมื่อได้จัดฉายในเอเชียก็ประสบผลสำเร็จอย่างมากจนถึงไทย ทำให้ภาพยนตร์ที่เข้าฉายในไทยและมีดารานำทั้งสองคนนี้แสดง จะต้องมีชื่อว่า “ยัยตัวร้าย” และ “นายเจี๋ยมเจี้ยม” ปรากฏเป็นชื่อของภาพยนตร์เรื่องนั้นอยู่เสมอ เช่น ยัยตัวร้ายกับนายเซ่อซ่า ล่าหัวใจยัยตัวร้าย รักบทใหม่ของนายเจี๋ยมเจี้ยม สะดุดรักกับนายเจี๋ยมเจี้ยม
ยัยตัวร้ายฯ ฉบับอเมริกัน
ความโด่งดังและความสำเร็จ ทำให้หนังได้รับการรีเมคในเวอร์ชันอเมริกัน ชื่อไทยว่า “ยกหัวใจให้ยัยตัวร้าย” โดยเปลี่ยนให้เนื้อหาทั้งหมดเกิดขึ้นที่เซ็นทรัลพาร์คในนิวยอร์ก รวมถึงมีการรีเมคเป็นละครโทรทัศน์ของญี่ปุ่น ใช้ชื่อว่า Ryokiteki na Kanojo และมีการเปลี่ยนบทของตัวละครหลักจากนักเรียนมัธยมมาเป็นนักเขียนกับอาจารย์ชีววิทยาทางทะเลแทน ทางด้านบอลลีวูดของอินเดียก็นำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปดัดแปลงในชื่อว่า Ugly Aur Pagli
อีกทั้งเพลงประกอบภาพยนตร์ I Believe และ Canon ก็กลายเป็นบทเพลงติดหู และเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่เมื่อใครได้ยิน ต้องนึกถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ทุกครั้งไป
My Sassy Girl นำโครงเรื่องมาจากจดหมายรักบนโลกออนไลน์ ของคิม โซฮิก ที่เขาใช้นามแฝงว่า Gyunwoo74 ด้วยเรื่องความรักของหนุ่มสาวที่แฝงไปด้วยความตลกขบขัน ทำให้งานเขียนชิ้นนี้กลายเป็นเรื่องโด่งดังและเป็นที่พูดถึงกันมากในอินเทอร์เน็ต และได้นำมาดัดแปลงตีพิมพ์เป็นนวนิยาย และกลายเป็นภาพยนตร์ในเวลาต่อมา
การพบกันที่ไม่ค่อยจะสวยนัก
“ผมจะหาสาวของผมในแบบนิยายรักหวานแหววตอนต้น และหวานฉ่ำตอนจบ”
นี่แหละความฝันเล็กๆ ของเกียนยู (ชา แตฮยอน) นักศึกษาหนุ่ม ที่เพิ่งออกจากการเกณฑ์ทหารมาได้ไม่นาน เขาถูกทางบ้านเลี้ยงดูมาแบบเด็กผู้หญิงตั้งแต่ยังเล็กๆ เลยทำให้เขาเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยจะเอาถ่าน ผสมกับนิสัยที่ไม่ค่อยขยันและเรียนไม่เก่ง เลยทำให้เขายิ่งกลายเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องในสายตาของพ่อแม่มาตลอด
จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบยุนจี (จวน จีฮุน) และช่วยเหลือเธอตอนกำลังเมาไม่ได้สติอยู่ในสถานีรถไฟ เหตุการณ์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเกียนยู อย่างที่เขาไม่อาจจะคาดถึงได้
หนังเล่าเรื่องโดยผ่านมุมมองของฝ่ายชายมาตลอด ว่าตัวเองคิดและต้องการอะไร รวมถึงความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวที่เข้ามาในชีวิตด้วยความบังเอิญ แม้เธอจะน่ารัก สดใส ร่าเริง แต่นิสัยอีกด้านหนึ่งของเธอนั้นกลับชอบเล่นบทโหด และเอาแน่ เอานอนไม่ได้เสียเลย จากความฝันที่จะเริ่มต้นความรักด้วยความโรแมนติก กลับกลายเป็นฝันร้ายของผู้ชายคนหนึ่งไปเลยทีเดียว
นอกจากจะต้องทนมือทนเท้าที่ถูกหญิงสาวคอยทุบตี เวลาไม่ได้ดั่งใจเธอแล้ว เกียนยูยังต้องเข้าไปนอนในห้องขังอยู่หลายครั้ง แถมถูกบังคับฝืนใจให้ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำอยู่หลายอย่าง เช่น ต้องสั่งเฉพาะกาแฟ แทนที่จะได้สั่งน้ำอัดลมที่เขาชอบ ต้องหัดตีสควอช หรือเล่นดาบไม้แบบญี่ปุ่นอย่างเคนโด ต้องสลับรองเท้ากันใส่ หรือนั่งทนอ่านบทภาพยนตร์ที่หญิงสาวเป็นคนเขียนเอง ซึ่งมีเนื้อหาที่ค่อนข้างแปลกแหวกแนว และไม่มีเหตุผล อย่างการให้นางเอกในแต่ละเรื่องจะต้องเดินทางมาจากโลกอนาคต
และถ้าเขาคิดปฏิเสธไม่ยอมทำในสิ่งที่ยุนจีบอกหรือสั่ง
สักพักก็จะได้ยินเสียงขู่ของหญิงสาว ดังขึ้นตามมาว่า
“นายอยากตายงั้นเหรอ!!!”
หน้าโหดๆ ปนน่ารักที่ทำให้ผู้ชมตกหลุมรัก
หนังไม่ได้บอกเหตุผลที่มาที่ไป ว่าทำไมเกียนยูจะต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้ยุนจีมากขนาดนี้ แต่คงเป็นเพราะการที่เขารู้ว่าหญิงสาวผิดหวังกับความรักมา เลยทำให้ตัวเองรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ผสมกับความเป็นคนไม่ได้เรื่อง และไม่คิดจะสู้คนเลยทำให้ตัวเขาต้องยอมรับชะตากรรมแบบนี้
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงดูจะกลายเป็นการระบายอารมณ์ของฝ่ายหญิง มากกว่าจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อย่างคู่รักคนอื่นๆ ช่วงต้นเรื่องจึงเต็มไปด้วยฉากตลกไร้สาระสอดแทรกความโรแมนติกเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนา หรือความฝันของยุนจี ตลอดจนความบังเอิญที่แทรกเข้ามา ทำให้ยัยตัวร้ายและนายเจี๋ยมเจี้ยมต้องตกไปอยู่ในสถานการณ์บังคับด้วยความจำเป็น
หลายฉากที่ทำให้คนดูประทับใจ
ในช่วงครึ่งหลัง หนังค่อยๆ ขยายปมความขัดแย้งมากขึ้น ในฉากที่ยุนจีต้องพูดกับทหารที่หนีออกมาจากค่ายเพราะเจอความผิดหวังในเรื่องความรัก ฉากนี้ทำให้เห็นเค้าลางเบื้องหลังรอยแผลในจิตใจที่เธอได้รับจากอดีตคนรัก นอกจากนี้เกียนยูกับยุนจียังต้องเจอกับการถูกขัดขวาง เพราะความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่เป็นที่ยอมรับของพ่อแม่ฝ่ายหญิง
แม้ทั้งคู่จะรู้ความในใจของตัวเอง แต่ก็ไม่อาจจะผ่านปัญหาในชีวิตไปได้ ทั้งสองคนจึงตัดสินใจที่จะแยกจากกัน กลับไปใช้ชีวิตตามทางเดินของแต่ละคนอีกครั้ง
ก่อนจากกัน เกียนยู และยุนจี เดินทางมาที่ใต้ต้นไม้แห่งหนึ่งเพื่อฝัง “กล่องหยุดเวลา” ที่บรรจุจดหมายซึ่งต่างเขียนถึงกันเอาไว้ และสัญญาว่าอีกสองปีข้างหน้า เขาและเธอจะกลับมาที่นี่เพื่อขุดกล่องใบนี้และนำจดหมายมาอ่าน ด้วยความคาดหวังว่าในอนาคต ทั้งคู่จะสามารถหาทางออกให้กับปัญหาชีวิตได้สำเร็จ
ความลับมากมายที่ถูกฝังเอาไว้อยู่ในนั้น จึงนอนรอให้เขาและเธอมาค้นพบในอนาคตข้างหน้า
จุดนัดพบของพวกเขาในอีก 2 ปีข้างหน้า
หากมองยุนจีแค่เพียงภายนอก และตัดสินเธอแค่การกระทำแล้ว คงสรุปได้ว่าเธอเป็น “ยัยตัวร้าย” ที่คอยบงการ และเข้าไปวุ่นวายชีวิตอันแสนสงบของ “นายเจี๋ยมเจี้ยม” แบบเกียนยูอย่างแน่นอน
แต่ในความเป็นจริงอีกด้าน สิ่งที่เธอทำไปนั้นเป็นเพียงการปกปิดความอ่อนแอในใจ
ลึกๆ แล้วเธอเป็นหญิงสาวที่คงหลงอยู่ใน “เวลา”
เธอไม่รู้ว่าควรจะดำเนินชีวิตใน “ปัจจุบัน” ได้อย่างไร ในเมื่อตัวเองยังติดอยู่กับ “อดีต” ที่ผ่านมา และหวาดกลัว “อนาคต” ที่ยังมาไม่ถึง
สิ่งที่จะทำให้ทั้งสองคนได้กลับมาพบกันอีกครั้งคงเป็น “โชคชะตา”...สะพานที่จะพาทั้งคู่ไปหารักแท้
คธาพล ตรัยรัตนทวี
--------------------
ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ
- www.popcornfor2.com/movies/005_jun_sassygirl.html
- www.siamzone.com/movie/m/553/synopsis
- th.wikipedia.org/wiki/ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม
- www.ohodvd.com/catalog.php?idp=1932
- www.shuqi.org/asiancinema/reviews/my_sassy_girl.shtml
- www.siamzone.com/movie/m/553/picture/12