กลิ่นหอมเข้มในยามเช้าเป็นเหมือนสัญญาณออกสตาร์ทวันใหม่ ไม่ว่าเราจะเดินสวนหนุ่มสาวออฟฟิศหรือนักเรียนนักศึกษาสุดชิค คงต้องเจอสักคนถือ “กาแฟ” เครื่องดื่มสุดฮิตเอาไว้ในมือ และไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็คงไม่พ้นได้เจอสารพัดร้านกาแฟตั้งอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ปัจจุบันกาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ไม่ว่าใครก็อยากจะรู้จักและลิ้มลอง รวมถึงธุรกิจหรือความรู้เกี่ยวกับกาแฟก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะรู้จักมากขึ้น TK Park ได้หยิบเอาหนังสือเกี่ยวกับกาแฟ 9 เล่มที่ได้ทั้งความรู้และความสนุกสนานเหมือนกาแฟเข้มหลากรสมาชวนอ่านกัน พร้อมแล้วไปดูกันเลย
จักรวาลในถ้วยกาแฟ : ศาสตร์แห่งศิลป์ของการชมชิมรสกลิ่นกาแฟ (How To Make Coffee)
ผู้เขียน: Lani Kingston
ผู้แปล: โตมร ศุขปรีชา
หากจะหาสักเล่มที่เป็นจุดเริ่มต้นของการรู้จัก “กาแฟ” นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์แรกเริ่มของกาแฟ การเดินทางข้ามทวีปจากแอฟริกาสู่การเป็นเครื่องดื่มแห่งยุคเรเนซองส์ในยุโรป สารเคมีที่อยู่ในเมล็ดกาแฟ กรรมวิธีการบด คั่ว และชงกาแฟที่มนุษย์คิดค้นขึ้นในแต่ละยุคสมัย โดยมีหลักการทางวิทยาศาสตร์อธิบายไว้อย่างละเอียดทุกขั้นตอน
ลานี่ คิงส์ตัน พาผู้อ่านเข้าไปผจญภัยในทุกส่วนของกาแฟอย่างลึกซึ้งไปจนถึงระดับโครงสร้างโมเลกุลของเม็ดกาแฟ วิธีสกัดกาแฟที่เคยมีในประวัติศาสตร์ เหตุใดการต้มกับการใช้แรงดันจึงให้รสชาติที่แตกต่างกันไป โมคาพ็อตคืออะไร มีที่มาอย่างไร รวมถึงไอเดียใหม่ๆ ในการชงกาแฟที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับบาริสต้ามือฉมังเมื่ออ่านแล้วก็ช่วยเสริมความรู้ด้านวิทยาศาสตร์กาแฟให้ลึกซึ้งขึ้น สำหรับมือใหม่หัดชงกาแฟก็ไม่ต้องตกใจ เพราะทุกกรรมวิธีการชงในหนังสือมีคำอธิบายและภาพประกอบอย่างละเอียดชัดเจนสมชื่อหนังสือภาษาต้นฉบับว่า “ฮาวทู” ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ มือเก่า หรือมือเก๋าแบบไหนก็สามารถมาเริ่มต้นได้ที่เล่มนี้กันเลย
พจนานุกรมกาแฟ (The Coffee Dictionary)
ผู้เขียน: Maxwell Colonna-Dashwood
ผู้แปล: บลู สกาย บุ๊คส์ ทีม
ไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์พื้นฐานอย่างโรบัสตา อาราบิกา อเมริกาโน เอสเพรสโซ หรือคำศัพท์คุ้น ๆ หูอย่าง Cold Brew Moka Pot หรือแม้แต่คำศัพท์เฉพาะที่รู้จักแต่ในวงการนักชงอย่าง Brix Buffer หรือศัพท์คูล ๆ ในวัฒนธรรมกาแฟเช่นคำว่า Fika ทั้งหมดบรรจุอยู่ในพจนานุกรมกาแฟ (The Coffee Dictionary) ให้ผู้อ่านทั้งมือใหม่และมืออาชีพได้เปิดหาความหมายไล่เรียงกันไปตั้งแต่ตัวอักษร A-Z อย่างครบครัน
แม้จะตั้งชื่อว่าเป็นพจนานุกรม แต่แม็กเวล โคโลนนา แดชวูด ผู้เขียนซึ่งเป็นระดับแชมป์บาริสต้าและผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟก็ไม่ได้ใส่ไว้เพียงคำอธิบายแสนแห้งแล้งอย่างในพจนานุกรมทั่วไป แต่อัดแน่นด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมาของแต่ละคำ แถมด้วยความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ เนื้อหาแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่นับตั้งแต่การปลูกและเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการคั่ว บด ส่วนผสม และวิธีการชงอย่างละเอียด ยิ่งรู้มากขึ้นก็ยิ่งทำให้ซึมซับความหมายอันลึกซึ้งของกาแฟแก้วโปรดมากขึ้นตามไปด้วย
ทำกาแฟให้เป็นเรื่องง่าย (Le cafe c’est pas sorcier)
ผู้เขียน: เซบาสเตียน ราซีเนก, ชุงเลง ทรัน
ผู้แปล: นันท์นิชา ภัททิรา วิทยา
“คู่มือกาแฟพร้อมภาพประกอบที่ละเอียดและอ่านง่ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา” คำโปรยหน้าปกที่ดูเหมือนจะเป็นโฆษณาชวนเชื่อให้ซื้อไปอ่าน แต่หากใครได้สัมผัสเล่มนี้แล้วจะพบว่าเป็นคำจำกัดความที่เหมาะสมไม่น้อย เพราะ “ทำกาแฟให้เป็นเรื่องง่าย” ผลงานของเซบาสเตียน ราซีเนก และชุงเลง ทรัน บอกเล่าทุกเรื่องเกี่ยวกับกาแฟด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย แม้บางอย่างจะเป็นเรื่องยากก็สามารถอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ชัดเจน เนื้อหาครอบคลุมแทบทุกเรื่องที่คอกาแฟอยากรู้ไม่ว่าจะเป็นชนิดของกาแฟ การสกัดกาแฟ การคั่วกาแฟ การทำลาเต้อาร์ต การเลือกเครื่องชงกาแฟ ตลอดจนการตามหาและเก็บรักษาเมล็ดกาแฟสุดรัก แถมด้วยภาพประกอบสุดคิ้วต์จากยานนีส วารูต์ชิโกส ที่มีทั้งภาพอินโฟกราฟฟิกให้คนอ่านเข้าใจข้อมูลเปรียบเทียบต่าง ๆ ไปจนถึงภาพแอคชั่นการทำลาเต้อาร์ตว่าขยับข้อมือแบบไหนถึงจะได้รูปดอกทิวลิป (เอากับเขาสิ!) หนังสือเล่มนี้จึงน่าจะเป็นหนังสือสามัญประจำร้านกาแฟแน่นอน ส่วนคอกาแฟก็ควรมีไว้เพื่อเป็นคู่มือตามหากาแฟที่โดนใจและวิธีชงที่ใช่สำหรับตัวเอง
My Coffee Way with Bread กาแฟกับขนมปัง บนทางที่บรรจบกัน
ผู้เขียน: เอซาวะ คาโอริ และ โนริทาเคะ โทโมโกะ
ผู้แปล: มโนภาพ
กาแฟและขนมปัง สองสิ่งที่เหมือนเกิดมาคู่กันและช่วยเติมให้ชีวิตอิ่มเต็มสำหรับหลายคน ดังเช่นที่ผู้เขียนกล่าวไว้ในเรื่องว่า “ถ้าให้เลือกอาหารหรู ๆ ราคาแพงสัปดาห์ละครั้ง ฉันขอเลือกกินกาแฟกับขนมปังอร่อย ๆ ทุกวันดีกว่า” ซึ่งสะท้อนให้เห็นความหลงใหลในกลิ่นรสหอมเข้มของกาแฟซึ่งตัดกับความหวานละมุนของขนมอย่างลงตัวของผู้เขียนอย่างเอซาวะ คาโอริ และ โนริทาเคะ โทโมโกะ คู่หูที่จะพาผู้อ่านไปพบกับร้านกาแฟสุดชิคในญี่ปุ่น ซึ่งไม่เพียงแต่รสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่น แต่ยังมีเรื่องราวของความรักที่มีต่อกาแฟและขนมปังที่เต็มไปด้วยสีสัน บางร้านเป็นเรื่องราวของความมุ่งมั่นที่จะสร้างความสุขให้แก่ลูกค้า บางร้านก่อตัวขึ้นอย่างอบอุ่นหัวใจ บางร้านเต็มไปด้วยความบังเอิญและปาฏิหาริย์ แต่ไม่ว่าจะเป็นร้านไหนก็ล้วนแต่มีกาแฟและขนมปังที่สร้างความสุขให้แก่ลูกค้าได้เสมอ ใครที่คิดจะเปิดร้านกาแฟเปี่ยมสุข หรืออยากจะตามหาร้านกาแฟที่สุดแสนอบอุ่นในญี่ปุ่นไม่ควรพลาดเล่มนี้
ผู้เขียน: เอกศาสตร์ สรรพช่าง
สำหรับบางคน กาแฟเป็นเพียงเครื่องดื่มชนิดหนึ่งไม่ต่างจากน้ำอัดลมหรือนมสด ส่วนถุงกาแฟสดของแต่ละเบลนด์เมื่อชงเสร็จแล้วคือสิ่งที่จะนอนกองในก้นถังขยะ แต่สำหรับเอกศาสตร์ สรรพช่าง นักเดินทางผู้มีหัวใจหลงใหลในกาแฟแบบ “เข้าเส้น” พบว่ากว่าที่เมล็ดกาแฟจะเดินทางจากไร่ปลูกมาสู่กาแฟหนึ่งแก้วต้องผ่านเรื่องราวที่มีทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตา ดังนั้นกาแฟหนึ่งแก้วจึงอาจสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเอธิโอเปีย บราซิล คอสตาริกา โปรตุเกส ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน หรือแม้แต่ประเทศไทยที่พูดกันอย่างไม่อวยเลยว่าติดอันดับเมล็ดที่ดีที่สุดในโลกด้วยก็เช่นกัน
ถุงกาแฟสด 34 ถุง และภาพวาดของแต่ละเบลนด์ในแต่ละบทด้วยสไตล์ของตัวผู้เขียนคือตั๋วเดินทางที่จะพาผู้อ่านผจญภัยไปเสพรสชาติและเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังของกาแฟของแต่ละท้องถิ่น เกร็ดน่ารู้ของเกี่ยวกับกาแฟแต่ละถุง และเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟบางถุงที่พิเศษเกินคาดเดา เมื่ออ่านจบแล้วชวนให้เราอยากจะเดินเข้าไปหลังร้านกาแฟเจ้าประจำพร้อมกับถามที่มาของเมล็ดกาแฟที่ใช้ในร้านว่ามีเรื่องราวน่าสนใจแบบที่เล่าไว้ในหนังสือบ้างหรือเปล่า
ผู้เขียน: พลอย จริยะเวช
แม้อาจไม่ใช่ดินแดนต้นกำเนิดของเมล็ดกาแฟ แต่ก็ต้องยอมรับว่ายุโรปคือดินแดนที่ทำให้เครื่องดื่มรสเข้มนี้โด่งดังไปทั่วโลกมาตั้งแต่ยุคเรเนซองส์ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมืองชื่อคุ้นหูอย่างโรม ตูริน เวียนนา บรัสเซล และอัมสเตอร์ดัมจะอุดมไปด้วยร้านกาแฟทั้งเก่าแก่แบบคลาสสิกและเปิดใหม่แบบคลาสซี่ โดยมีไกด์อย่างพลอย จริยะเวช คอลัมนิสต์มากฝีมือที่จะพาผู้อ่านไปสัมผัสกลิ่นหอมและรสเข้มของกาแฟร้านเด็ด เรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับกาแฟที่น่าสนใจจากประสบการณ์ของเจ้าของร้านทั่วยุโรป 10 อันดับสภากาแฟประจำเมืองที่ถ้าไม่ได้แวะมาจิบกาแฟก็เหมือนมาไม่ถึงเมืองนั้น เพียบพร้อมด้วยข้อมูลที่พัก ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้งอย่างครบครัน นอกจากนี้ในตอนท้ายก็แต่ละบทก็แถมด้วยกลเม็ดเคล็ดลับการชงกาแฟที่คัดสรรมาจากประสบการณ์ของบาริสตาทั่วยุโรป หรือสูตรการทำเอสเพรสโซเค้กเมนูโปรดของผู้เขียนให้ผู้อ่านได้ลองกลับไปทำที่บ้านด้วย เรียกว่าอ่านเล่มเดียวเหมือนได้เที่ยวร้านกาแฟทั่วยุโรปไปพร้อมกับผู้เขียนเลยทีเดียว
วิธีขายของราคา 40 ล้านเยน ด้วยแก้วกาแฟราคา 400 เยน
ผู้เขียน: ทาคาอิ โยโกะ
ผู้แปล: ภัทรวรรณ ศรประพันธ์
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อซากุระโกะ ผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินแห่งหนึ่งเป็นลูกค้าประจำรอบดึกของร้าน “คาเฟ่บอตทอม” ร้านกาแฟใกล้บ้านที่มี “ซุปแกงกะหรี่” เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้าน ซากุระโกะคุยกับโยซุเกะเจ้าของร้านบ่อย ๆ จึงทราบว่าร้านคาเฟ่บอตทอมอยู่ในภาวะขาดทุนแล้วกว่าสองปี ด้วยความชื่นชอบรสชาติซุปแกงกะหรี่เมนูเด็ดของร้าน เธอจึงตัดสินใจให้คำปรึกษาแก่เจ้าของร้านเพราะไม่อยากให้ร้านต้องปิดตัวไป
ซากุระโกะพบว่าปัญหาการขาดทุนของร้านมีหลายอย่าง เช่น ลูกค้าบางคนสั่งกาแฟแล้วนั่งยาว ทำให้ลูกค้าคนอื่นไม่สามารถนั่งในร้านต่อได้ ซากุระโกะจึงยกตัวอย่างร้าน “โอเระ โนะ เฟรนซ์” เป็นร้านอาหารฝรั่งเศส ใช้เชฟมือหนึ่งทำอาหารด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ แถมยังเลือกเปิดร้านแต่ในย่านที่ค่าเช่าแพง ร้านจึงมีต้นทุนสูงมาก แต่สิ่งที่ทำให้ร้านสามารถมีกำไรและอยู่ได้เพราะเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสแบบ “ยืนกิน” เนื่องจากจุดเด่นของร้านคืออาหารอร่อยและราคาถูกกว่าอาหารฝรั่งเศสทั่วไป จึงทำให้มีลูกค้ามาอุดหนุนจำนวนมากแม้จะต้องยืนกิน การยืนกินกลับทำให้ลูกค้ารีบกินรีบกลับโดยอัตโนมัติ จนทำให้อัตราการหมุนเวียนของลูกค้าสูง จนร้านสามารถทำกำไรได้นั่นเอง
นี่คือหนึ่งในกลยุทธการเพิ่มกำไรที่เรียกว่า “การเพิ่มอัตราการหมุนเวียนของลูกค้า” ที่เป็นเรื่องราวแสนสนุกสนานในหนังสือ “วิธีขายของราคา 40 ล้านเยน ด้วยแก้วกาแฟราคา 400 เยน” ซึ่งเป็นเพียงกลยุทธเล็ก ๆ ในอีกหลายเรื่องเล่าที่ทาคาอิ โยโกะ ที่ปรึกษามือทองด้านการบริหารธุรกิจ ที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์และคำแนะนำที่เจ้าของธุรกิจมากมายอยากรู้ เช่น เทคนิคที่ทำให้ลูกค้ายอมจ่ายแบบไม่รู้ตัว กลวิธีขายสินค้าหลักโดยใช้ “เหยื่อล่อ” การปฏิบัติต่อลูกค้าแบบ “คนพิเศษ” ด้วยระบบสมาชิก หรือเคล็ดลับของแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์อย่าง “โดมิแนนต์” และ “แฟรนไชส์” ที่จะทำให้ธุรกิจขนาดเล็กเอาชนะบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ เป็นต้น
ส่วนเรื่องราวที่ว่าแก้วกาแฟ 400 เยน จะมาช่วยขายของราคา 40 ล้านเยนตามที่เห็นในชื่อเรื่องได้อย่างไร? ร้านคาเฟ่บอตทอมที่เป็นตัวจุดประกายของเรื่องเล่านี้จะอยู่รอดได้หรือไม่? ต้องมาติดตามต่อในเล่มกันแล้ว
เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น ตราบชั่วเวลาของคำโกหก
ผู้แต่ง: Toshikazu Kawaguchi
ผู้แปล: อภิวัฒน์ พวงไธสง
กลับมาอีกครั้งกับนวนิยายอบอุ่นหัวใจที่มาพร้อมกับคำถามในสิ่งที่ทุกคนอยากจะทำสักครั้งในชีวิตว่า “หากย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากจะกลับไปเจอใคร” ภาคต่อของ “เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น” ของผู้เขียนคนเดียวกันที่เคยสร้างปรากฏการณ์ยอดขายกว่า 850,000 เล่มในญี่ปุ่น และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ Café Funiculi Funicula ในปี 2019 มาแล้ว ครั้งนี้ผู้เขียนมาพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่า “คำโกหก” แม้ฟังเผิน ๆ เหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่จะมีสักคนไหมในโลกที่ไม่เคยพูดโกหกเลย แม้จะอยู่ต่อหน้าคนที่เรารักมากที่สุดก็ตาม บางครั้งในใจลึก ๆ เราอาจเสียใจที่ไม่ได้พูดความจริงออกไป หากย้อนเวลากลับไปได้ บางคนอาจจะอยากกลับไปเพื่อพูดความจริง หรือพบว่าสุดท้ายแล้วเราต้องการกลับไปเพื่อโกหกเหมือนเดิมอีกครั้ง
ผู้เขียนพาเราไปพบกับเรื่องราวอบอุ่นหัวใจชวนน้ำตารื้นทั้งหมดสี่เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นชายคนหนึ่งที่อยากย้อนเวลาไปหาเพื่อนสนิทของเขาที่เสียชีวิตเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ลูกชายที่ไม่สามารถไปงานศพแม่ได้ ชายหนุ่มผู้เดินทางไปพบแฟนสาวที่ไม่อาจแต่งงานด้วย และตำรวจสืบสวนสูงวัยผู้ไม่เคยมอบของขวัญใดให้กับภรรยา ทุกคนล้วนเก็บงำคำโกหกที่มีต่อใครคนหนึ่งในอดีต แม้จะรู้ว่ากฎของการย้อนเวลาคือ “แม้จะย้อนกลับไปในอดีต แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใด ความเป็นจริงก็จะไม่เปลี่ยนแปลง” แต่พวกเขาก็ยังตัดสินใจมาที่ร้านกาแฟแห่งนี้เพื่อกลับไปยังวันนั้น-วันที่พวกเขาโกหก เพื่อจะค้นพบบางสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ระหว่างที่อ่านก็อย่าลืมหยิบกาแฟมาจิบก่อนจะเย็นชืดล่ะ เพราะในชั่วเวลากาแฟยังอุ่นเท่านั้นที่จะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับคำโกหกเหล่านี้
ผู้เขียน: Kanae Minato
ผู้แปล: พลอยทับทิม ทับทิมทอง
ฟุคาเสะ คาสุฮิสะ มนุษย์เงินเดือนที่นับเป็นผู้แพ้เต็มรูปแบบ เว้นแต่พรสวรรค์ในด้านการชงกาแฟเท่านั้นที่นับว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ดีเป็นอันดับหนึ่งในชีวิต จุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาเริ่มขึ้นเมื่อก้าวเท้าเข้ามายังร้าน “โคลเวอร์คอฟฟี่” ร้านกาแฟเล็ก ๆ สุดแสนอบอุ่น เขาสนิทกับสามีภรรยาเจ้าของร้านอย่างรวดเร็ว แถมยังชักนำให้ได้คบหากับโอจิ มิโฮโกะ หญิงสาวแสนสวยผู้เป็นลูกค้าประจำของร้านเช่นกัน ดูเหมือนว่าชีวิตผู้พ่ายแพ้ของเขาจะจบลงเพียงแค่นี้
ทว่าไม่นาน มิโฮโกะกลับบอกเขาว่าเธอได้รับจดหมายที่กล่าวหาว่าฟุคาเสะเป็นฆาตกรจนทำให้เธอหวาดระแวงในตัวของชายหนุ่ม แม้ฟุคาเสะยืนยันหนักแน่นว่าทั้งชีวิตไม่เคยฆ่าใคร แต่ข้อความดังกล่าวกลับทำให้เขานึกถึงอุบัติเหตุที่ทำให้ฮิโรซาวะ เพื่อนสนิทของเขาเมื่อสมัยมหาวิทยาลัยต้องเสียชีวิตและกลายเป็นเหตุการณ์ที่ติดตรึงใจเขามาโดยตลอด เขาจึงตัดสินใจสืบหาความจริงถึงเบื้องหลังของอุบัติเหตุครั้งนั้นว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง หรือตัวฟุคาเสะเองนั่นแหละคือฆาตกร
“คุณนั่นแหละ...ฆาตกร” ผลงานเล่มล่าสุดของมินะโตะ คะนะเอะ นักเขียนที่ได้รับสมญาจากผู้อ่านว่าเป็น "เจ้าหญิงแห่งวงการนิยายสืบสวน" ที่มีผลงานสุดฮิตอย่าง "คำสารภาพ" และ "ชดใช้" ซึ่งมียอดขายรวมกันกว่า 2,895,000 เล่ม จุดเด่นของคะนะเอะคือการวางโครงเรื่องที่ซับซ้อนและผูกปมของเรื่องอย่างชาญฉลาด รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างทางอาจเป็นกุญแจสำคัญของคดีที่ชวนให้ผู้อ่านร้องว้าวเมื่อไปถึงบรรทัดสุดท้าย แถมด้วยบรรยากาศในร้านกาแฟและรายละเอียดเรื่องกาแฟจากตัวเอกที่ชวนให้ผ่อนคลายจากความตื่นเต้นระทึกใจของการสืบสวนในเรื่องได้อย่างพอเหมาะพอดี คอนวนิยายสืบสวนสอบสวนและคอกาแฟไม่ควรพลาด
เป็นอย่างไรบ้างกับ 9 เล่มเต็มรสกาแฟที่ TK Park คัดสรรมาให้ชาว TK ได้สนุกไปกับเรื่องราวของหนังสือและกาแฟอุ่น ๆ มีทั้งแบบเข้มเต็มความรู้แบบเอสเพรสโซ หรืออ่านง่ายผ่อนคลายยามเช้าแบบลาเต้ อบอุ่นลุ้นระทึกในแบบนวนิยายอเมริกาโน ใครชอบแบบไหนอย่าลืมมาพูดคุยแชร์ความรู้สึกกัน พวกเรารออยู่พร้อมกับจิบกาแฟอุ่น ๆ จากร้าน TK Café by ANOTHER DOT นะ