อย่ามัวแต่ ‘ดู’ หัด ‘อ่าน’ กันบ้าง!

ในโลกยุคการสื่อสารฉับไวด้วยอินเตอร์เน็ต เราจะมัวอ่านหนังสืออยู่ทำไม ในเมื่อหาดูในเน็ตก็ได้ แต่ตอนนี้เราอยากจะขอยกตัวอย่างให้ดูว่า ทำไมเรายังต้องอ่านหนังสือ
โดย ลอเรน ดุซบาว (Lauren Duzbow)
ในเมื่อคุณหาหนังเรื่อง Atonement มาดูจนจบได้ภายในเวลาแค่ 2 ชั่วโมง 10 นาที (แสดงโดย James McAvoy สุดหล่อ) หรือจะหาเทปมาฟังก็ได้ แล้วทำไมต้องมาทนอ่านนิยายที่หนาถึง 371 หน้ากันด้วย และทำไมต้องเสียเวลาอ่านหนังสือพิมพ์ ในขณะที่เปิดดูซีเอ็นเอ็นแทนก็ได้ หรือจะมาเสียเวลาอ่านคู่มือทำไม ในเมื่อเปิด Youtube หาวิธีใช้ก็ได้แล้ว ทั้งๆ ที่เรารู้กันดีว่าหนังสือมักจะดีกว่าภาพยนตร์ แต่นอกเหนือจากนี้หนังสือจุดเด่นมากกว่าการให้ข้อมูลจากการอ่านอีกหรือไม่
มีแน่นอนเพราะจากผลการวิจัยทางด้านประสาทวิทยาพบว่า การอ่านมีผลต่อจิตใจของคุณในด้านบวก
เช่นเดียวกับกล้ามเนื้อที่ต้องการการออกกำลัง ซึ่งสมองก็เช่นกัน การอ่านเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ระบบประสาทมาช่วยมากกว่าการดูภาพหรือการพูด ยกตัวอย่างในขณะที่คุณอ่านบทความนี้ “ส่วนต่างๆ ของสมองที่ถูกพัฒนามาเพื่อทำหน้าที่ต่างๆ เช่น การมองเห็น ภาษา และการเรียนรู้ร่วม จะสอดประสานกันเป็นวงจรทางประสาทเพื่อการอ่านโดยเฉพาะได้อย่างน่าพิศวง,” ศาสตราจารย์เค็น พิวจ์ (Ken Pugh) ประธานและผู้อำนวยการเพื่อการวิจัยของห้องปฏิบัติการฮาสคินส์ (Haskins Laboratories) ซึ่งมุ่งศึกษาศาสตร์ด้านภาษาด้วยความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเยลกล่าวว่า “สมองจะทำการราวกับการจดชวเลข เมื่ออ่านแต่ละประโยคในหนังสือ” โดยทั่วไปแล้วจะกระตุ้นสติปัญญาให้ทำงาน และสร้างสมาธิให้ดีขึ้น“เหมือนเป็นการบังคับให้เราคิด แต่งเรื่องขึ้น และจินตนาการ” แมรีแอน วูฟ (Maryanne Wolf) ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการวิจัยด้านการอ่านและภาษา ณ. มหาวิทยาลัยทัฟส์ (Tufts University) และผู้เขียนหนังสือเรื่อง Proust and the Squid: The Story and Science of the Reading Brain กล่าว “ปกติเมื่อคุณอ่าน คุณจะมีเวลาพอให้คิดตาม การอ่านจึงเหมือนมีปุ่มที่มองไม่เห็นให้คุณกดหยุด เพื่อทำความเข้าใจและเข้าถึงเนื้อหา แต่สำหรับการรับรู้ภาษาทางเสียง เช่นการดูภาพยนตร์หรือฟังเทป จะไม่มีปุ่มหยุดให้มีเวลาคิด”
ประโยชน์ที่ได้รับจากจากการอ่านจะรวมถึงการลับสมอง ทำให้คุณมีความจำที่ดี เรียนรู้ในฉับไว และจิตใจมั่นคงตามอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องจะโยนเครื่องเล่นดีวีดีหรือเทปทิ้งไปซะ เพราะพิวจ์แนะนำว่า การทำงานของสมองต้องทำงานหนัก เมื่อคุณอ่านหนังสือมากกว่าดูภาพยนตร์ จึงควรจะมีหนังสือไว้อ่านเพื่อลับสมองในยามว่าง หัวใจของการอ่านเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อน “ที่แน่ๆการอ่านให้ประโยชน์แก่คุณ” วูฟกล่าว “เปิดโอกาสให้เราได้เข้าถึงได้มากกว่าสัมผัสด้านอื่น การอ่านจึงเป็นสิ่งที่มีมากกว่าการอ่านข้อความที่เขียนบนกระดาษ” แม้แต่เรื่องราวที่ไร้สาระ (จะมีตัวอย่างใดดีที่เท่ากับการอ่านข่าวบันเทิงซุบซิบเรื่องดาราอีก) ที่ทำให้เราติดอ่านย่งกว่าดูทีวีเสียอีก เห็นได้ชัดว่าข้อความต่างๆ ช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานมีประสิทธิภาพ “ถ้าคุณเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้” พิวจ์กล่าวต่อ “เลือกอ่านหนังสือดีกว่า”
แปลและเรียบเรียงจาก : Watch This. No. Read It!
ภาพประกอบจาก : Oprah.com