การกลับมา Play อีกครั้งของวง Pause
หลายครั้งที่การสูญเสียบุคคลในวงการเพลง เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับแฟนเพลงและสมาชิกในวงที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะนั่นหมายถึงเส้นทางดนตรีของวงต้อง ‘หยุด’ ลงชั่วคราวหรือต้องหยุดไปถาวรก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน
และหนึ่งในการสูญเสียครั้งสำคัญของวงการเพลงไทย คือการสูญเสีย โจ้ - อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ นักร้องนำวง Pause แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 15 ปี เจ้าของเสียงร้องในเพลง ‘ที่ว่าง’ ที่ยังคงอยู่ในใจของแฟนเพลงทุกคนมาโดยตลอด ซึ่งหลังจากที่สูญเสียนักร้องนำของวงไป สมาชิกคนอื่นๆ ของวงทั้ง เอ - พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ (กีตาร์), นอ - นรเทพ มาแสง (เบส), บอส - นิรุจ เดชบุญ (กลอง) ต่างแยกย้ายไปตามเส้นทางของตนเอง แต่ก็ยังคงสร้างผลงานดีๆ อยู่ในวงการเพลงและยังคงมีโปรเจกต์ชั่วคราวต่างๆ ในชื่อวงเดิมอยู่เสมอ
จนกระทั่งเมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม วง Pause ก็กลับมาพร้อมกับนักร้องนำคนใหม่อย่าง เฟ้นท์ - ประภาพ ตันเจริญ ที่ทำให้ลมหายใจในบทเพลงของวง Pause กลับมาบรรเลงขึ้นอีกครั้ง
อุทยานการเรียนรู้ TK park จึงได้จัดกิจกรรม TK park music Ed. ส่งท้ายเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ด้วยการกลับมา Play อีกครั้งของวง Pause พร้อมด้วยการพูดคุยถึงเรื่องราวความหลังของวงให้แฟนเพลงหายคิดถึง
จุดเริ่มต้นของวง Pause มาจากการรวมกลุ่มกันเพี่อทำวิทยานิพนธ์ของเอและนอ ที่ทำให้ได้รวมกลุ่มกันเพื่อทำเพลง ซึ่งขณะนั้นนิตยสารบันเทิงคดีมีคอลัมน์ Collage Artists ที่รวบรวมศิลปินวัยเรียนที่ทำเพลงกันเองมาแสดงโชว์บนเวทีเดียวกัน ทำให้ทั้งสองคนได้พบกับโจ้เป็นครั้งแรก และได้สมาชิกคนสุดท้ายอย่างบอสมาสมทบในภายหลัง
“ตอนนั้นงานของบันเทิงคดีเขารวมคนที่ได้ลงหนังสือมาเล่นด้วยกัน เราก็ได้รวมกลุ่มกัน ตอนนั้นเอก็แต่งเพลงไว้อยู่ประมาณ 4-5 เพลง ก็เลยเอาเพลงพวกนี้มาเล่นกัน จริงๆ ตอนนั้นเราทำเพลงส่งค่ายเพลงด้วย แต่ก็ยังไม่ได้เสียงตอบรับอะไร จนพี่สุกี้ (กมล สุโกศล แคลปป์) ได้ไปดูพวกเราที่งานบันเทิงคดี เขาก็เลยติดต่อมา” นอเล่าถึงจุดเริ่มต้นของวง ก่อนที่เอจะช่วยเสริมว่า “หลังจากนั้นค่ายเบเกอรี่ก็ไปเห็นพวกเราอีกครั้งที่งานคอนเสิร์ตของคลื่นวิทยุ Pirate Radio เขาก็ชวนให้มาเซ็นสัญญา ซึ่งตอนนั้นเดโมที่ส่งไปก็เงียบ แสดงให้เห็นว่าการที่ส่งเดโมไปไม่มีผล อยู่ที่เราไปเล่นให้เห็นมากกว่า”
ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีวง Pause สามารถออกอัลบั้มได้มากถึง 3 อัลบั้มคือ Push (Me) Again (2539), Evo&Nova (2541), Mild (2542) ภายใต้ค่ายเบเกอรี่ มิวสิก ซึ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ โดยมีเพลงที่ยังคงติดหูมาจนถึงทุกวันนี้อย่างเพลง ‘ข้อความ’, ‘ความลับ’, ‘รักเธอทั้งหมดของหัวใจ’ เรียกได้ว่าเป็นวงดนตรีวงหนึ่งที่ประสบความสำเร็จของวงการเพลงไทยในขณะนั้นเลยทีเดียว
แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจากการสูญเสียโจ้ไปอย่างไม่มีวันกลับ ทำให้วง Pause ต้องพักวงไป สมาชิกที่เหลือก็แยกย้ายไปอยู่วงต่างๆ โดยเอไปร่วมวงกับ ฮิวโก้ - จุลจักร จักรพงษ์ ในนามวงสิบล้อ ส่วนนอก็กระโดดไปร่วมวงกับทีโบน และตั้งวงใหม่ที่รวมหัวกะทิในวงการเพลงในชื่อ Crescendo ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ก่อนที่บอสจะเข้ามาร่วมสมทบในภายหลัง
และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมสมาชิกทั้งหมดก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในชื่อวง Pause เช่นเดิม เมื่อ ฟองเบียร์ - ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม นักแต่งเพลงชื่อดังได้ชักชวนให้พวกเขากลับมารวมตัวกันเพื่อทำเพลงประกอบละคร โดยมี เอ๊ะ - จิรากร สมพิทักษ์ เป็นนักร้องนำในชื่อเพลง ‘สิ่งที่มันกำลังเกิด’ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้วง Pause กลับมาอย่างเป็นทางการ
“ตอนแรกที่เราเซ็นสัญญากับทางคุณฟองเบียร์ เรามีกันแค่ 3 คน คือร้อง featuring กับนักร้องคนอื่น ทำให้วงเราเลยกลายเป็นวงแบ็กอัพเข้าไปทุกที คนก็จำไม่ได้ว่าใครร้องจนเริ่มงง กระทั่งเรามีมีทติ้งกับแฟนเพลง แล้วเรามีเพลงที่โจ้เคยทำไว้แบบสั้นๆ กับเพื่อน เราก็เอามาเติมให้มันเป็นวง Pause กะจะให้เป็นของขวัญแฟนคลับในวันนั้น” นอหมายถึงเพลง ‘รักอยู่รอบกาย’ ที่ทำให้แฟนเพลงได้ยินเสียงร้องจริงๆ ของโจ้อีกครั้งในรอบ 14 ปี ปลุกกระแสให้วง Pause กลับมาอยู่ในความสนใจของวงการเพลงไทย
“หลังจากที่ปล่อยเพลงนั้นไป เริ่มมีกระแสที่คนถามมาว่าขออนุญาตร้องโคเวอร์ได้ไหม พี่เอก็เลยตอบไปว่าส่งมาเลย ไม่แน่อาจจะได้ร่วมงานกัน คนก็ส่งมาเยอะมาก ฟองเบียร์ก็เลยบอกว่าทำให้เป็นเรื่องเป็นราวดีไหม อย่างน้อยก็มีเด็กเลือดใหม่เข้ามา เราสามคนก็เลยคุยกัน ดูน้องๆ แล้วต่างคนต่างเลือกมา” นอเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้ตัวแทนของนักร้องใหม่ 3 คนที่สมาชิกทั้ง 3 คนคัดเลือกมาจากคลิปโคเวอร์ที่ส่งเข้ามา
โดยนักร้องทั้ง 3 คนก็ได้มาร้องโชว์ในงาน PAUSE PLAY AGAIN มินิคอนเสิร์ตที่เป็นทั้งแฟนมีตติ้งต้อนรับการกลับมาของวง “งานวันนั้นเราก็ให้น้องออกมาโชว์ทีละคนเลยว่าแต่ละคนเป็นยังไง ตอนนั้นเราก็ยังไม่ตัดสินใจอะไร ยังมีงานอื่นๆ อีก เลยให้ 3 คนนี้ไปร้องด้วยกันประมาณสามสี่งานได้ จนมีอยู่งานหนึ่งที่เล่นแถวเอกมัย ซึ่งวันนั้นอีก 2 คนไม่ว่างพอดี เลยเหลือเฟ้นท์คนเดียว แล้วต้องเล่นยาวเลย เราก็ถามจะไหวหรือเปล่า เฟ้นท์บอกว่าไหว เราก็ได้เฟ้นท์มาโดยปริยาย จนประกาศว่าเฟ้นท์เป็นนักร้องอีกคนหนึ่งของวง Pause” บอสเล่าถึงเหตุผลที่ได้เฟ้นท์มาเป็นนักร้องนำคนใหม่
แม้จะมีกระแสว่าเสียงร้องรวมไปถึงหน้าตาของเฟ้นท์จะมีความคล้ายกับโจ้อยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความเป็นตำนานที่นักร้องคนเก่าได้สร้างไว้ดีมากๆ ทำให้การเข้ามาของเฟ้นท์ต้องประสบกับปัญหาไม่ได้การยอมรับจากแฟนเพลงในช่วงแรกไม่น้อย “ตอนแรกๆ ที่ผมเข้ามาร้อง ก็มีกระแสในเฟซบุ๊ก มีโดนว่าบ้าง แต่ก็โชคดีที่มีพี่ๆ ให้กำลังใจตลอด” เฟ้นท์เล่าถึงความรู้สึก ก่อนที่นอจะช่วยให้กำลังใจว่า “เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ตอนที่คุณโจ้ออกซิงเกิลเมื่อ 20 ปีก่อน ก็โดนด่าเหมือนกัน คือมันเป็นกระแสที่ห้ามไม่ได้ ในเมื่อคนจะแสดงความเห็น ผมก็บอกเขาว่าให้สนใจแค่พวกพี่สามคนก็พอ เพราะมันไม่ได้หมายความว่าจะต้องสำเร็จเลย ต้องมีการพัฒนา ต้องใช้เวลาจูนเข้าหากัน”
ด้วยการกลับมาของวงที่อยู่ในยุคนี้ ทำให้พวกเขาต้องปรับตัวให้เข้ากับการทำงานใหม่ๆ มากขึ้น “แต่ก่อนเราเป็นวงนักศึกษาก็ทำงานกันเอง แต่มาตอนนี้ Pause ใหญ่กว่าตอนนั้นเยอะ มันเป็นวงที่มีคนสนับสนุน มีคนรอฟัง มีทีมงานมากมายที่มาดูแลพวกเรา มีคนแต่งเพลงที่กำลังฮอตสุดในตอนนี้มาแต่งเพลงให้ วิธีการทำงานก็เปลี่ยนไปหมด ตอนแรกที่ทำซิงเกิลก็พยายามที่จะเอาตัวอย่างของ Pause ในยุคก่อนมาดู ยกเว้นเพลงล่าสุดที่ทำด้วยตัวเองมันเองแล้ว” มือเบสพูดถึงเพลง ‘รักจริงจัง’ ที่เพิ่งปล่อยไปไม่นานก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนเพลง
คงไม่มีใครคิดว่า วง Pause จะกลับมาได้อีกครั้ง ถ้าวัดด้วยความรู้สึกของแฟนเพลงแล้ว เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาได้หมด ซึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับแฟนเพลงที่ยังคงรอคอยอยู่เสมอ “ผมเคยเป็นนักวางแผนให้วงเป็นแบบนี้ๆ แต่ปัจจุบันมันไม่ได้เลย ธุรกิจดนตรีเปลี่ยนไปทำให้อยู่ยากจริงๆ ทุกวันนี้ต้องมีคนลงทุน มีคนสนับสนุน มีคนรอฟัง เราถึงจะทำงานได้ อนาคตจะเป็นอย่างไร ทุกวันนี้ผมบอกเลยว่าเราวางแผนไม่ได้ ต้องแล้วแต่ว่ามีแรงสนับสนุนไหม ถ้ายังมีแสดงว่าเรายังมีโอกาส แล้วเราจะไปต่อได้ แต่ถ้าไม่มีแรงสนับสนุน วงดนตรีก็ต้องเลิก ตอนนี้ที่เรามีตรงนี้ได้ก็ต้องขอบคุณแฟนเพลงจริงๆ” นอกล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อแฟนเพลง
“หลังจากที่พี่โจ้เสียไป วง Pause ก็ไม่ได้มีวี่แววจะกลับมา ใกล้จะเลิกแล้ว อย่างดีก็มีแค่รวมตัวกันสักทีเพื่อจัดคอนเสิร์ตให้หายคิดถึงกัน ไม่มีใครคิดว่าวงจะกลับมาใหม่ หานักร้องมาใหม่ ออกอัลบั้มใหม่ ต้องปรบมือให้แฟนเพลงรุ่นเก่าๆ ที่ยังคงรออย่างคาดหวังว่า Pause จะกลับมาให้ฟังอีกครั้ง และขอบคุณแฟนเพลงรุ่นใหม่ๆ ที่ติดตามตั้งแต่เฟ้นท์มา คิดซะว่าพวกเราเป็นศิลปินหน้าใหม่ ขอบคุณมากครับ” บอสทิ้งทายถึงความรู้สึกให้การกลับมา Play อีกครั้งของวง Pause มีความหมาย
วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย