กิจกรรม “เรียน แบบ พ่อ” ที่ทางอุทยานการเรียนรู้ TK park จัดขึ้นเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อร่วมสรรค์สร้างสายใยความผูกพันพ่อลูกให้แน่นแฟ้นขึ้น ซึ่งกิจกรรมภายในงาน เด็กๆ สามารถร่วมสร้างสรรค์ อาทิ “เข็มกลัดสื่อรักจากหัวใจ” มอบให้คุณพ่อคนดีที่หนึ่งของตนเองได้ โดยมีให้เลือก 2 แบบคือ ซุปเปอร์ Dad และรูปดอกพุทธรักษา (ดอกไม้สัญญาลักษณ์ประจำวันพ่อ) ให้ระบายสีได้ตามใจชอบ ซึ่งก็ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยตลอดทั้งวันมีเด็กๆ ผลัดกันเข้าร่วมทำเข็มกลัด หรือทำเป็นแมกเนทนำไปติดตู้เย็นเพื่อบอกรักคุณพ่อ นอกจากนี้ยังมี “เพลงตามสั่ง” เป็นการสร้างสรรค์บทเพลงเฉพาะตัวให้กับคุณพ่อโดยกลุ่มเยาวชนคนดนตรี TK Band และยังได้จัดฉายภาพยนตร์ 4 เรื่องสั้นเฉลิมพระเกียรติ “ร้อยดวงใจให้พ่อ” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
ภายในงาน ด.ช.ปัณณ์ ศรีอำไพ อายุ 5 ปี เจ้าของฉายาเด็กรักในหลวง ได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความรักของพ่อโดย นายถเกิงเดช ศรีอำไพ คุณพ่อน้องปัณณ์บอกว่า “ฉายานี้ ได้มาจากการที่น้องปัณณ์มีความสนใจเรื่องราวของในหลวงมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เวลาที่เห็นรูปในหลวง ก็มักจะชอบเปิดและชี้ให้ดูทุกครั้ง อย่างเวลาพาไปดูพลุเฉลิมพระเกียรติ แม้น้องจะยังพูดไม่ได้ แต่จะชี้ไปยังรูปในหลวง และคำแรกที่น้องพูดได้ คือ “ในหลวง” สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ครอบครัว แม้ตอนแรกจะรู้สึกแปลกใจ ทุกวันนี้น้องปัณณ์มีของสะสมที่เกี่ยวกับในหลวงเป็นจำนวนมาก ทั้งรูปพระฉายาลักษณ์ หนังสือ หรือตราสัญญาลักษณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับในหลวง ทั้งที่ห้องนอนและในรถ”
ปัจจุบัน แม้น้องปัณณ์ จะยังอ่านหนังสือเองไม่ได้ แต่สามารถจดจำทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับในหลวงได้เป็นอย่างดี เมื่อน้องปัณณ์ให้ความสนใจอะไร เราในฐานะพ่อแม่ก็จะให้การสนับสนุน หาข้อมูลมาเล่าให้ฟัง ซึ่งบางอย่างพ่อและแม่อาจลืมไปแล้ว แต่น้องปัณณ์ยังจำได้ดี และสามารถถ่ายทอดให้คนอื่นฟังได้ เช่น ฉลองพระองค์ หรือ เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์มีอะไรบ้าง รวมถึงตราสัญญาลักษณ์ หรือ โครงการเกี่ยวกับพระราชดำรัส เช่น เศรษฐกิจพอเพียง ก็สามารถบอกได้หมด
อีกกิจกรรมหนึ่งที่น้องปัณณ์ว่างเมื่อไหร่จะต้องทำ คือ วาดรูปในหลวง ซึ่งทุกครั้งที่โรงเรียนมีกิจกรรมไม่ว่าจะจัดกิจกรรมอะไร น้องปัณณ์จะเลือกวาดรูปในหลวงเท่านั้น สร้างความแปลกใจให้กับคุณครูถึงความรักของน้องปัณณ์ที่มีต่อในหลวง ทำให้เมื่อใดที่โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับในหลวง คุณครูก็จะขอให้น้องปัณณ์ออกมาเล่าเรื่องของในหลวง พร้อมนำภาพวาดและของสะสมมาแสดง ซึ่งเพื่อนๆ ในชั้นต่างก็ชื่นชอบ
แม้แต่ของเล่น น้องปัณณ์ก็ไม่ได้สนใจของเล่นทั่วไปเหมือนกับเด็กในช่วงวัยเดียวกัน แต่กลับชอบจำลองขบวนรถพระที่นั่ง ชอบให้พ่อแม่พาไปเที่ยวชมพระราชวัง หรือ พระที่นั่งต่างๆ เช่น พระที่นั่งอนันตสมาคม แม้จะไปมาหลายครั้งแต่ก็เป็นสถานที่ที่น้องชอบไปมากที่สุด ขณะที่เด็กคนอื่นชอบที่จะไปสวนสัตว์หรือสวนสนุก นอกจากนี้น้องปัณณ์จะขอให้พ่อแม่พาไปโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งครอบครัวเราจะไปกันแทบทุกเดือน
ด้านน้องปัณณ์ ยังได้บอกอย่างภูมิใจว่า ตอนนี้มีของสะสมของในหลวงมีเยอะมาก มีทั้งการ์ตูนและหนังสือด้วย จึงอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้ดู หรือเข้ามาอ่านหนังสือ และเมื่อไหร่ที่อ่านหนังสือเองได้แล้ว ตนก็จะอ่านหนังสือของในหลวงให้เพื่อนๆ ฟังเหมือนที่พ่ออ่านให้ฟัง อย่างไรก็ดีความหวังสูงสุดของน้องปัณณ์ในเวลานี้ คือ ขอให้ได้เจอในหลวงสักครั้ง จึงขอให้พ่อแม่พาไป รพ.ศิริราช “ผมอยากให้ในหลวงมีความสุข เพราะผมรักในหลวงมากครับ” เสียงใสๆ อันบริสุทธิ์ จากเด็กน้อยวัย 5 ปี ผู้ที่รักในหลวงจากก้นบึ้งของหัวใจ
ด้านนายอนิราช มิ่งขวัญ คุณพ่อน้องอิ๊นท์ - ด.ญ.อินท์นรี มิ่งขวัญ แชมป์หนูน้อยนักเล่านิทานประจำปี 2554 ประเภทเดี่ยวอายุ 4-6 ปี กล่าวถึงบทบาทในการส่งเสริมการอ่านว่า “ในฐานะพ่อแม่เราต้องทำให้ลูกเห็นเป็นแบบอย่างก่อน เช่นวิธีการพูดคุยกัน หรือการอ่านออกเสียง ต้องใช้คำที่ถูกต้อง พูดชัดเจน มีหางเสียง ลูกก็จะซึมซับและพูดตาม ถ้าพูดผิดหรือสำเนียงใดไม่ถูกต้อง เราก็คอยให้คำแนะนำ
น้องอิ๊นท์เป็นเด็กที่ชอบอ่านหนังสือมากแม้ตอนเล็กๆ จะยังอ่านเองไม่ได้ ก็จะชอบให้พ่อแม่อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนทุกคืน ตอนนี้เราไม่ต้องการให้เขาฟังแล้ว กลับกันเขาจะอ่านให้เราฟัง และด้วยความเป็นเด็กชอบอ่านหนังสือ จึงชอบมาห้องสมุดเด็กใน TK park ซึ่งมีหนังสือสำหรับเด็กมากมาย หรือพาไปร้านหนังสือบ่อยๆ เจอหนังสือที่ชอบก็จะขอให้พ่อแม่ซื้อให้ ตอนนี้ที่บ้านมีหนังสือเป็นพันเล่มเหมือนเป็นห้องสมุดย่อยๆ และช่วงนี้น้องอิ๊นท์กำลังติดหนังสือเล่มจิ๋ว เป็นเรื่องความรู้ทั่วไป หรือเกร็ดน่ารู้ ที่มีเนื้อหาสั้นๆ จดจำง่าย”
นายอนิราช กล่าวว่า ปัจจัยในการส่งเสริมการอ่านที่ดี คือ ให้เด็กทำในสิ่งที่เขาชอบ ที่สำคัญต้องเลือกสภาพแวดล้อมที่ดีที่เหมาะสม และปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่ชอบ ตามจินตนาการของเขาเอง โดยเราให้การสนับสนุน ไม่เพียงการเล่านิทานหรือการอ่านเท่านั้น ยังรวมถึงกิจกรรมอื่นๆ เช่น การร้องเพลง ซึ่งช่วยด้านการฟังและการออกเสียงได้เช่นกัน ล่าสุดน้องอิ๊นซ์ มีพัฒนาการขึ้นสามารถแต่งนิทานเองได้โดยนำสิ่งที่เห็นรอบๆ ตัวมาจินตนาการ เช่น เรื่องแชมพูผจญภัย โดยใช้การวาดภาพเป็นการเล่าเรื่องและมีคำอธิบายสั้นๆ ประกอบ
นายอนิราช ย้ำว่า “การอ่านเป็นเรื่องของใช้จินตนาการได้มากกว่าการดูภาพการ์ตูนหรือสารคดี เพราะจะเป็นการจำกัดจินตนาการของเด็ก โดยเด็กจะจดจำภาพเหล่านั้นไว้ทำให้เด็กจินตนาการถึงภาพอื่นๆ ไม่ออก ซึ่งเรื่องของจินตนาการนั้น สามารถเห็นต่างกันได้ ดังนั้นจึงมองว่าเด็กในวัย 4-6 ปี เป็นวัยที่ควรจะส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กรักการอ่านได้ดีที่สุด”
ด้านน้องอิ๊นท์ บอกว่า ชอบเล่านิทาน เพราะสนุกดี และวันนี้ได้มาเล่านิทานเกี่ยวกับพ่อเรื่อง “รักพ่อนั้น นิรันดร” ให้เพื่อนๆ ฟังด้วย ซึ่งเรื่องนี้น้องอิ๊นท์บอกว่าใช้เวลาฝึกซ้อม 5 วันๆ ละไม่นานก็จำได้ พร้อมฝากเทคนิคเล็กๆ ที่ทำให้จำได้ดีว่า ต้องอ่านบ่ายๆ แล้วจะชินค่ะ และในโอกาสวันพ่อปีนี้ น้องอิ๊นท์ได้เตรียมของเซอร์ไพรส์คุณพ่อด้วย เป็นแมกเนทดอกพุทธรักษาที่ได้ทำขึ้นด้วยฝีมือตนเอง พร้อมเขียนการ์ดเล็กๆ บอกพ่อว่า “หนูจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ... หนูรักพ่อค่ะ”