อุทยานการเรียนรู้ TK park ร่วมกับ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) จัดฉายภาพยนตร์ไทยเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งในสัปดาห์นี้ปิดท้ายโปรแกรมหนังในเดือนแห่งความรักด้วยภาพยนตร์ไทยเรื่อง “หวานมันส์...ฉันคือเธอ” และยังได้รับเกียรติจาก คุณชาญชนะ หอมทรัพย์ คอลัมนิสต์จากนิตยสาร Bioscope และ Red Carpet มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นที่น่าสนใจในภาพยนตร์เรื่อง
หวานมันส์...ฉันคือเธอ (พ.ศ. 2530) เป็นหนังวัยรุ่นที่กำกับโดย คุณสักกะ จารุจินดา ผู้กำกับรุ่นคุณปู่ และยังได้ คุณเก้ง - จิระ มะลิกุล มาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ซึ่งถือเป็นการช่วยกำกับหนังเรื่องแรกของคุณจิระ แห่ง GTH ด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้หวนนึกถึงวัยกระโปรงบานขาสั้น ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องแรกที่โครงเรื่องหลักกล่าวถึงการสลับร่างของตัวละครเอก ทำให้ผู้หญิงและผู้ชายเรียนรู้การใช้ชีวิตของเพศตรงข้ามและเข้าใจอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น
“ต้น” (สันติสุข พรหมศิริ) และ “นับดาว” (จินตหรา สุขพัฒน์) เด็กหนุ่มสาววัยมัธยมปลายสองคนเคยเป็นเพื่อนกันสมัยเด็กๆ ต่อมาได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แต่แล้วเรื่องราววุ่นๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุจนต้องมาสลับร่างกัน ชายหนุ่มนักกีฬาสุดเท่กลับต้องมาอยู่ในร่างบอบบาง ส่วนสาวน้อยที่แสนจะเรียบร้อยและเป็นกุลสตรีก็กลับต้องมาอยู่ในร่างกายกำยำ ทั้งคู่ต้องช่วยกันปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและหาทางกลับคืนร่างเดิมของตน พร้อมกับต้องปรับตัวและทำความเข้าใจถึงการเป็นเพศตรงข้ามเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายไว้ กว่าที่ทั้งคู่จะได้กลับมาอยู่ในร่างของตนต่างคนก็ต่างได้เรียนรู้และเข้าใจถึงการใช้ชีวิตในสังคมของเพศตรงข้าม อีกทั้งยังได้รับประสบการณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตในแบบผู้ชายหรือผู้หญิง การวางตัวในสังคม หรือแม้แต่ทัศนคติของเพศตรงข้ามที่มีต่อผู้คนและสังคม
สมัยก่อนผู้ชมจะคุ้นเคยกับเอกลักษณ์ในผลงานการกำกับของผู้กำกับแต่ละคน เช่น “ฉลอง ภักดีวิจิตร” จะทำหนังแนวแอ๊กชั่น หรือ “เปี๊ยก โปสเตอร์” ผู้นำเทรนด์หนังวัยรุ่นในยุคแรกๆ แต่คุณสักกะ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ถือเป็นผู้กำกับที่ทำหนังหลากหลายแนว แตกต่างไปจากผู้กำกับคนอื่นๆ ในยุคนั้น กอปรกับวัยวุฒิและประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาให้คุณสักกะถ่ายทอดเรื่องราวของต้นและนับดาวในมุมของผู้ใหญ่ ที่มองเห็นปัญหาและหาทางแก้ไขด้วยวิธีการพยายามเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น แทนที่จะหลีกหนีปัญหาไปเรื่อยๆ
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเสมือนบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เก็บรายละเอียดของบรรยากาศและสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกยุคสมัยของภาพยนตร์ได้อย่างชัดเจน เช่น “ตันตราภัณฑ์” ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของเชียงใหม่ในยุคนั้น, การตีนักเรียนด้วยไม้เรียว, การสอบเอนทรานซ์ หรือแม้แต่ตู้โทรศัพท์ ก็เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่บ่งบอกถึงยุคสมัยของภาพยนตร์ได้
หนังรักโรแมนติกส่วนใหญ่นิยมไปถ่ายทำที่จังหวัดเชียงใหม่หรือจังหวัดอื่นๆ ในแถบภาคเหนือ เพราะองค์ประกอบของฉากและบรรยากาศทั้งแสง-สีของธรรมชาติสื่ออารมณ์ความรู้สึกอันโรแมนติกได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะในฤดูหนาว ซึ่งเรื่องนี้ก็ถ่ายทำที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้มุขตลกที่ใช้ในภาพยนตร์ก็เน้นสร้างความตลกขบขันจากการเจ็บตัวของตัวละคร ต่างจากภาพยนตร์ในปัจจุบันที่มักเรียกเสียงหัวเราะด้วยมุขหยาบโลน
ในยุคนั้นยังมีการปั้นดาราคู่ขวัญในวงการบันเทิง ซึ่ง “หวานมันส์...ฉันคือเธอ” ยังเป็นเรื่องแรกๆ ของดาราคู่ขวัญอย่าง“สันติสุข - จินตหรา” ก่อนจะมีชื่อเสียงโด่งดังในภาพยนตร์ชุดเรื่อง “บุญชู”
ประเด็นสำคัญที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้คือการกล่าวถึงเรื่องเพศอย่างชัดเจน โดยกำหนดโครงเรื่องให้ตัวละครเอกสองตัวต้องสลับร่างไปอยู่ในร่างของเพศตรงข้าม การดำเนินเรื่องจึงให้ความสำคัญกับฉากทุกฉากตั้งแต่การปูพื้นเพชีวิต กิจวัตรประจำวัน รวมไปถึงครอบครัวของตัวละครเอกทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เพื่อให้ผู้ชมเห็นตัวตนและความแตกต่างระหว่าง “ต้น” เด็กหนุ่มที่มีความเป็นลูกผู้ชายอยู่เต็มตัว ทั้งบุคลิกลักษณะนิสัยที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ใจร้อนไม่ค่อยยอมคน เป็นนักกีฬาโรงเรียน ไม่กลัวการมีเรื่องชกต่อย ไปโรงเรียนสาย ฯลฯ กับ “นับดาว” เด็กสาวที่สุภาพอ่อนหวาน มีความเป็นกุลสตรีขยันเรียน แต่เมื่อทั้งคู่ต้องไปอยู่ในร่างของอีกฝ่ายจึงต้องเรียนรู้นิสัยใจคอและปรับตัวเพื่อไม่ให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวผิดสังเกต
“ต้น” ได้เรียนรู้ถึงความยากลำบากของผู้หญิงที่ต้องคอยสงวนท่าที วางตัวเป็นกุลสตรี ต้องยอมให้ผู้ชายกดขี่โดยที่ไม่สามารถโต้ตอบได้ ดังเช่นฉากที่โดนเพื่อนผู้ชายแกล้งเปิดกระโปรง ต้องคอยดูแลรักษาผิวพรรณ แม้แต่เรื่องการมีประจำเดือนก็ยังปรากฏในภาพยนตร์เพื่อแสดงถึงรายละเอียดจิปาถะของการเป็นผู้หญิง ซึ่งในตอนท้ายของเรื่อง “ต้น” ถึงกับออกปากต่อหน้าครูและเพื่อนนักเรียนในการแข่งขันโต้วาทีว่า “ใครที่ไม่เคยลองมาเป็นผู้หญิงไม่รู้หรอกว่า เป็นผู้หญิงนั้นลำบากขนาดไหน”
นอกจากจะถกถึงประเด็นของเพศหญิง - ชายแล้ว ยังแฝงเรื่องของเพศที่สามอย่าง “กระเทย” หรือ “ทอม” ไว้ด้วย ซึ่งในช่วงเวลาที่ต้นและนับดาวสลับร่างกันนั้น ทั้งคู่ต่างมีบุคลิกท่าทางและลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนไปราวกับว่า ต้นเป็นกระเทยส่วนนับดาวเป็นทอม ซึ่งเรื่องของเพศที่สามยังเป็นเรื่องที่เปราะบางสำหรับสังคมในยุคนั้น เพศที่สามยังถูกสังคมกดไว้และยังไม่เป็นที่ยอมรับ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังนำเสนอการเปลี่ยนผ่านของช่วงวัยจากวัยรุ่นไปสู่วัยผู้ใหญ่ ซึ่งนอกจากตัวละครจะต้องปรับตัวให้เข้าสังคมของเพศตรงข้ามแล้ว ต่างคนก็ต่างต้องรับผิดชอบหน้าที่ในการเรียนของตน ต้องวางแผนอนาคต การสอบเพื่อไปศึกษาต่อในสาขาอาชีพที่ตนใฝ่ฝันและมีความถนัด และเรื่องของความรักที่มักเริ่มต้นในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
“หวานมันส์...ฉันคือเธอ” จึงเป็นเสมือนภาพยนตร์ที่เปิดพื้นที่ในการวิพากษ์ถึงประเด็นเรื่องเพศอย่างชัดเจน ซึ่งให้ความสำคัญกับการสอนด้วยการสร้างความเข้าใจให้แก่วัยรุ่นมากกว่าใช้วิธีสอนโดยข่มขู่ให้กลัว นับว่าแตกต่างไปจากภาพยนตร์ไทยเรื่องอื่นๆ เช่น “กว่าจะรู้เดียงสา” ที่สอนโดยยกตัวอย่างพร้อมกับการข่มขู่ให้เห็นว่า หากประพฤติตัวเช่นเดียวกับตัวละครเอกในเรื่องนี้ จุดจบก็คือความตาย
ผู้ชมวัยใสท่านหนึ่งกล่าวถึงความประทับใจที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า หนังเรื่องนี้มีความน่ารัก สดใส และได้เห็นบรรยากาศในยุคสมัยเก่าๆ ซึ่งเด็กรุ่นหลังๆ ไม่ได้เห็นแล้ว และผู้ชมวัยคุณลุงคุณป้าอีกท่านยังกล่าวเสริมว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอประเด็นดังกล่าวได้ดี และอยากให้วัยรุ่นสมัยนี้ได้ดูกัน
ในเดือนมีนาคมพบกับภาพยนตร์เรื่อง “โรงแรมผี” ฉบับปี พ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นหนังผีตามแนวขนบที่หาดูได้ยาก และภาพยนตร์เรื่อง “มหา’ลัยเหมืองแร่” คู่มือการใช้ชีวิตนอกสถาบันการศึกษา
ผู้ใช้บริการสามารถติดตามกิจกรรม TK Movie ได้ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-17.00 น. ที่ห้องมินิเธียเตอร์ 1 หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ ของ TK park ได้ที่ www.tkpark.or.th หรือ www.facebook.com/tkparkclub
...อรวันดา..