ใครหลายคนพูดถึงเขาว่าเป็น เจ้าพ่อเพลงรักเพื่อชีวิต ผู้มีสุ้มเสียงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นเจ้าของบทเพลงที่สะท้อนความจริงของชีวิต ไม่ว่าจะเป็น เพลงคิดถึง โรงเรียนของหนู ตลอดเวลา ล้วนถูกถ่ายทอดโดย ‘ปู’ พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษสุดๆ ที่ศิลปินเพื่อชีวิตรุ่นใหญ่คนนี้มาร่วมพูดคุยถึงชีวิตคนดนตรีที่ไม่เคยหยุดนิ่งมาตลอด 28 ปี พร้อมถ่ายทอดบทเพลงอันไพเราะ ในกิจกรรม TK park Music Ed. 2015 ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา
เปิดรายการ TK park Music Ed. 2015 โดยคุณอัมพร จักกะพาก และดีเจโด๋ว มรกต โกมลบุตร เป็นผู้ดำเนินรายการ ด้วยการถามถึงจุดเริ่มต้นบนถนนสายดนตรีของ ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ โดยพี่ปูเล่าให้ฟังว่า
“จุดเริ่มก็แค่อยากเป็นนักดนตรี ความฝันสูงสุดก็คือการเป็นนักดนตรีตามโรงแรม มีอาชีพที่มั่นคงเพียงแค่นั้น แต่จับพลัดจับผลู คือผมว่าผมโชคดีได้เจอแต่รุ่นพี่ดีๆ ทั้งนั้น มีโอกาสได้มาร่วมวงกับคาราวานโดยเป็นนักดนตรีแบ็คอัพ ได้รู้จักพี่หงา (สุรชัย จันทิมาธร) พี่เล็ก (ปรีชา ชนะภัย) ได้คลุกคลี เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากพี่ๆ แล้วทีนี้ก็ทำให้ได้รู้จักคนโน้น คนนี้ต่อไปเป็นทอดๆ ทีนี้โอกาสการทำงานเพลงก็เริ่มเข้ามา”
ปู พงษ์สิทธิ์ เริ่มเล่นดนตรีอย่างจริงจังในตำแหน่งมือเบส เป็นแบ็คอัพให้กับวงคาราวาน มีโอกาสได้เล่นดนตรีกลางคืนตามร้านอาหารต่างๆ และมีโอกาสได้ทัวร์ คอนเสริต์สันติภาพในประเทศกัมพูชา จนกระทั่งในที่สุดก็ได้ออกอัลบั้มชุดแรก ‘ถึงเพื่อน’ ในปี พ.ศ. 2530 ที่ได้สมาชิกของวงดนตรีคาราบาวเป็นผู้ดูแล และได้ สุเทพ ปานอำพัน มาช่วยสมทบอีกแรง
ช่วงอัลบั้มแรกชื่อของเขายังไม่เป็นรู้จักมากนัก แต่เมื่อปี พ.ศ.2533 บทเพลง ตลอดเวลา ที่อยู่ในอัลบั้ม ‘เสือตัวที่ 11’ และเพลงประกอบละคร ‘ตะวันชิงพลบ’ ทำให้ชื่อ พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมา กลายเป็นนักร้องคนหนึ่งที่หลายคนรู้จักว่าเป็นนักร้องผู้มีลูกคอ โทนเสียงไพเราะเฉพาะตัว แต่นอกจากเสียงร้อง ใครอีกหลายคนก็ยังประทับใจในฝีไม้ลายมือกับการเขียนเพลงของเขา ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งกินใจ สะท้อนสังคมได้บาดลึก
สำหรับบทเพลงรักส่วนใหญ่ เจ้าพ่อเพลงรักเพื่อชีวิตเล่าว่า เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แต่งให้มาจากคนรักของตัวเอง แต่ก็มีบ้างที่แต่งมาจากหนังสือ หรือการเรียนรู้ในชีวิต ซึ่งล่าสุดเพลงรักเดียว ที่มีเนื้อร้องว่า "บอกให้รู้ไว้ หัวใจรักจริง ไม่เคยทอดทิ้ง ให้ใครเสียใจ ตัวผู้พันธุ์นี้ เขาเรียกหลายใจจะให้ทำไง โอ๊ย..." กลับกลายเป็นบทเพลงหนึ่งที่ในตอนนี้วัยรุ่นทั่วบ้านทั่วเมืองร้องได้เกือบทุกคน แต่กลับเคยเป็นเพลงที่เจ้าของเพลงลืมไปเสียสนิท
“เพลงรักเดียว ตอนออกเป็นอัลบั้มไม่เคยเล่นเลย ไม่มีใครปรารถนาจะฟังมัน ไม่มีใครขอ แต่ช่วงปีหลังๆ ผมจำได้ว่ามีคนขอครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผมก็มองหน้านึกว่ามันกวน สักพักมาขออีกแล้ว คิดตอนแรกนึกว่าเป็นเพลงของคาราบาว พอผ่านไปเริ่มโดนขอบ่อย เลยให้น้องในวงไปหามาว่าอยู่อัลบั้มอะไร แล้วผมก็หัดเล่น หัดร้องกัน คือเพลงนี้ไมได้มาจากคอนเสิร์ต มาจากคนขอ ก็เริ่มได้ร้องมาเรื่อย เริ่มมีคนรู้จัก” เขาเล่าด้วยน้ำเสียงสนุกสนานปนแปลกใจกับปรากฏการณ์เพลงรักเดียวที่กลับมาดังอีกครั้ง
ตลอดชีวิตบนเส้นทางสายดนตรี พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เล่นดนตรีทุกวัน ยกเว้นวันไหนป่วยหรือหมดสภาพจริงๆ ซึ่งเขาถือว่าการร้องเพลงเป็นหนึ่งในหน้าที่ประจำวันของเขาไปแล้ว หน้าที่ที่ได้หยิบยื่นความสุขแก่ผู้ชมผู้ฟัง
หลังจากสิ้นสุดการพูดคุย ในช่วงสุดท้าย ‘ปู’ พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ไม่ลืมที่จะมอบความสุข ถ่ายทอดบทเพลงเพื่อชีวิต เพราะๆ ซึ้งๆ เริ่มจากเพลงคิดถึง ตลอดเวลา ยังคอย ตะวันชิงพลบ สุดใจ ด.ช.รามี่ ใจบงการ รักเดียวก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลงมาตามสัญญา
เรียกได้ว่าเป็นมินิคอนเสิร์ตที่ช่วยเติมไฟชีวิตให้กับผู้ชม ผู้ฟังได้อย่างเต็มอิ่ม ตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม และสำหรับท่านไหนที่สนใจอยากร่วมกิจกรรมดนตรีดีๆ แบบครั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม TK park Music Ed. 2015 ได้ที่เว็บไซต์ www.tkpark.or.th และ www.facebook.com/tkparkclub