
หนึ่งในประเภทหนังสือที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ติดอันดับหนังสือขายดี Best Seller ในร้านหนังสืออยู่เสมอ นั่นก็คือ หนังสือพัฒนาตนเอง หรือหนังสือ HOW TO และบทความนี้เราก็มีหนังสือพัฒนาตนเองที่เกี่ยวข้องกับปรัชญการใช้ชีวิตในการทำงาน มาให้ทุกคนได้ลองเลือกอ่านกัน มีทั้งแนวคิดเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน วิธีการปรับตัวในที่ทำงาน ไปจนถึงศิลปะการอยู่ร่วมกันกับเพื่อนร่วมงาน ที่รับรองว่าทุกเล่มมีเนื้อหาสาระให้สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง
เพราะการเป็นมนุษย์ออฟฟิศมันไม่ง่าย ฉะนั้นถึงเวลาหาทางออกแล้ว จะมีหนังสือเล่มไหนบ้าง เลื่อนไปบรรทัดด้านล่างนี้ได้เลย!

1. ที่ (น่า) ทำงาน : ศาสตร์และศิลป์แห่งการสร้างที่ทำงานชั้นยอด
ผู้เขียน : Ron Friedman ผู้แปล : นรา ภัคโรจน์
เชื่อเลยว่าเหล่ามนุษย์ทำงานที่เจอชื่อหนังสือเล่มนี้ ต้องอยากหยิบมาอ่านกันแน่ๆ ฉะนั้นเราเลยนำมารีวิวสั้นๆ เป็นออเดิร์ฟสักเล็กน้อย เล่มนี้เขียนโดย รอน ฟรีดแมน นักจิตวิทยาสังคม ผู้สนใจศึกษาแรงจูงใจของมนุษย์และพฤติกรรมองค์การ ความหนาอยู่ที่ 416 หน้า แต่อ่านสนุกมากจนความหนาไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด เพราะเล่มนี้ใช้ภาษากระชับ อ่านง่ายไม่น่าเบื่อเลย มีทั้งแหล่งอ้างอิงทฤษฎี บทวิจัย ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจอยู่หลายบท โดยเฉพาะศาสตร์และศิลป์แห่งการสร้างที่ทำงานชั้นยอดในโลกยุคใหม่ อาทิ ทำไมที่ทำงานชั้นยอดถึงยอมจ้างคุณมา ‘เล่น’ เรา, จะออกแบบออฟฟิศอย่างไรให้ ‘ใส่ใจทุกรายละเอียด’ และ ‘ส่งเสริมพลังสร้างสรรค์’ ไปพร้อมกัน ทำไมบริษัทที่ประสบ ‘ความสำเร็จ’ ถึงให้รางวัลกับ ‘ความล้มเหลว’ ไปจนถึงที่ทำงานสมัยใหม่ก้าวข้ามปัญหา ‘work-life balance’ แล้วผสมผสานงาน ชีวิตส่วนตัว และครอบครัว เข้าด้วยกันอย่างลงตัวได้อย่างไร และมากไปกว่านั้นหนังสือเล่มนี้ยังมีเคล็ดลับจากบริษัทชั้นนำ อย่าง กูเกิล แอมะซอน และสตาร์บัคส์ ให้กับเหล่าผู้บริหารและว่าที่ผู้นำแห่งอนาคต เพื่อออกแบบ ‘ที่ (น่า) ทำงาน’ ในฝัน ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนทำงานทุกคนแบบจุกๆ

2. ที่ทำงานไม่ใช่ที่ตาย ทำยังไงให้อยู่รอด
ผู้เขียน : แดน รัสต์ ผู้แปล : พอหทัย อภิรัชฎาพร
หนังสือเล่มนี้โปรยข้อความเด็ดๆ ไว้บนปกว่า หนังสือที่จะช่วยให้คุณรอดพ้นจากความวายป่วงทุกรูปแบบในที่ทำงาน ฉะนั้นใครกำลังคิดว่าตัวเองเจอความวายป่วงอยู่ไม่ควรพลาด ที่ทำงานไม่ใช่ที่ตาย ทำยังไงให้อยู่รอด เป็นผลงานของแดน รัสต์ นักพูดผู้เชี่ยวชาญด้าน career management ที่สะสมประสบการณ์กว่า 30 ปี กับการทำงานในธุรกิจที่หลากหลายทั่วโลก มารวบรวมเป็นกลเม็ดเคล็ดลับในการรับมือกับทุกโจทย์ยากในที่ทำงาน ที่เขาเรียกว่า “ทักษะโป๊กเกอร์ในที่ทำงาน” วิธีการตอบสนองโจทย์ยากต่างๆ ในที่ทำงาน ได้อย่างรวดเร็ว มีชั้นเชิง และท่าทีที่เป็นบวก เมื่อต้องพบเจอสถานการณ์ยุ่งยากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในโลกที่มีคนทำงานเก่งเต็มไปหมด แต่ทำงานเก่งอย่างเดียวไม่พออีกต่อไปแล้ว คุณจำเป็นต้องเก่งเรื่องการอ่านใจคน และสถานการณ์ ตามกฏการทำงานแบบ PO+K+ER หรือ Power + King + Error ซึ่งหากอยากรู้ว่าทำงานเหมือนเล่นโป๊กเกอร์จะดีอย่างไร และจะพาให้พวกเราเหล่าคนทำงานมีชีวิตรอดในที่ทำงานแบบไหน หยิบเล่มนี้เข้าชั้นโลด

3. ไม่ต้องชอบขี้หน้า ก็ทำงานด้วยกันได้
ผู้เขียน : Hiromi Yamasaki ผู้แปล : สกล โสภิตอาชาศักดิ์
เคยไหม? ไปทำงานแล้วต้องเจอะเจอกับคนที่เราไม่ชอบหน้า เล่มนี้จะมาช่วยเผยวิธีคิดให้เราสามารถร่วมทำงานกับทุกคนได้ ไม่ว่าคุณจะกำลังมีความคิดย้ายงาน เพราะเหนื่อยกับความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน หงุดหงิดกับลูกน้องที่ทำงานไม่เป็น หรืออื่นใด ฮิโรมิ ยามาซากิ โค้ชชิ่งการสื่อสารชื่อดังของญี่ปุ่นหรือผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีวิธีแก้ พร้อมบอกเคล็ดลับที่จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นกับคนที่คุณไม่ชอบหน้าในที่ทำงาน โดยคุณจะได้รู้วิธีการรับมือกับพฤติกรรมของคนที่มีรูปแบบต่างกัน และนำไปใช้จริงได้อย่างเหมาะสม ด้วยภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย อีกทั้งภายในเล่มยังมีรูปประกอบเป็นการ์ตูนช่องสนุกๆ ให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นด้วย เป็นเสมือนคู่มือแนะนำในการปฏิบัติตัวต่อผู้ร่วมงานสุดแสนน่ารัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับตัว การเป็นผู้ให้ การทำความเข้าใจ การเรียนรู้ ไปจนถึงการอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกให้เป็น ซึ่งหากอยากเข้าใจสิ่งที่กล่าวไปข้างต้น เปิดอ่านเล่มนี้ไม่ผิดหวัง

4. ทำงานกับคนต้องใช้อารมณ์ให้เป็น
ผู้เขียน : ลิซ ฟอสเลียน และมอลลี่ เวสต์ ดัฟฟี่ ผู้แปล : อริสา บุญช่วย
การทำงานในแต่ละวัน แน่นอนว่าเราทุกคนย่อมต้องติดต่อสื่อสารกับคนมากมาย เจออารมรณ์หลากหลายรูปแบบในโลกการทำงาน ซึ่งหนังสือเล่มนี้ ลิซและมอลลี่ ได้นำประสบการณ์เชิงลึกในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมการทำงานยุคใหม่ ผสานหลักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมและจิตวิทยา มารวมไว้เป็นแนวทางให้คุณเหล่าคนทำงาน ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกน้องหรือเจ้านาย ทำงานที่ออฟฟิศใดก็ตามได้เข้มแข็งให้ถูกวิธีและอ่อนไหวให้ถูกเรื่อง หรือใช้อารมณ์อย่างถูกจังหวะ แยกอารมณ์ที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ได้ รู้ว่าอารมณ์แบบไหนควรเก็บงำไว้หรือโยนทิ้งไปไกลๆ โดยในหนังสือจะมีการลำดับเรื่องที่อ่านง่าย อ่านสนุก ตั้งแต่บทที่ 1 ไปจนถึงบทที่ 8 พร้อมภาพประกอบลายเส้นการ์ตูนน่ารักๆ นอกจากนี้สิ่งที่หนังสือเล่มนี้สอดแทรก ล้วนเขียนขึ้นมาจากประสบการณ์จริงของผู้เขียนเอง ที่ได้ยกตัวอย่างจากบริษัทที่ตัวเองเคยทำ รวมถึงหยิบยกข้อคิดดีๆ จากบุคคลที่มีชื่อเสียง ให้ได้เห็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย และสามารถนำเอามาปรับใช้ในชีวิตจริงได้ เอาเป็นว่าถ้าคุณได้แนวทางขีดเส้นแบ่งระหว่างตัวเองกับงานและคนที่ทำงานได้อย่างสมดุลขึ้น เล่มนี้จะเป็นอีกคำตอบได้แน่นอน

5. ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย
ผู้เขียน : โรเบิร์ต ไอ ซัตตัน ผู้แปล : ไอริสา ชั้นศิริ
"อุปสรรคใหญ่หลวงที่สุดอย่างหนึ่งของการก้าวขึ้นเป็นองค์กรที่ยอดเยี่ยมคือ คนเฮงซวยพฤติกรรมของคนพวกนี้สร้างภาพแวดล้อมการทำงานที่มีแต่ความมุ่งร้ายต่อกัน ทำให้การร่วมมือร่วมใจ ประสิทธิผลของงาน และความภักดีของพนักงานลดถอยลง โรเบิร์ต ซัตตัน ได้เขียนหนังสือเล่มเยี่ยมที่อธิบายความร้ายแรงของปัญหาดังกล่าว และมอบกลยุทธ์รับมือที่เป็นประโยชน์" พอล เพอร์เซลล์ - ประธานและอดีตซีอีโอของ Baird บริษัทซึ่งโด่งดังด้านนโยบาย "ปลอดคนเฮงซวย" และติด 100 อันดับขององค์กรที่น่าทำงานด้วยของนิตยสาร Fortune นี่คือ 1 ในคำนิยมของเล่มที่เรากำลังรีวิวนี้ และหากพูดกันตรงๆ ในออฟฟิศส่วนใหญ่มีคนสักหนึ่งคน ที่เราไม่ถูกชะตาด้วยอุปนิสัยของพวกเขาเหล่านั้น ที่คอยแต่จะจิกกัด ข่มขวัญและดูถูกดูแคลนคนอื่น และถ้าคุณกำลังเจอคนแบบนั้น เล่มนี้เหมาะมาก ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย จะช่วยคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างสงบสุข ด้วยการตัดปัญหาคนเฮงซวย ทั้งแบบชั่วคราวและเรื้อรังอย่างชาญฉลาด มีชั้นเชิง เจ็บปวดน้อยที่สุด เริ่มตั้งแต่วิเคราะห์สถานการณ์ความเฮงซวย หลากหลายวิธีหลบหลีกไปจนถึงวิธีตอบโต้ เช่น จับไต๋ ปลดอาวุธ ผลักไสไปให้พ้น ทำตัวล่องหน ทำร้ายพวกเขากลับด้วยความดี ไปจนถึงหาพวกพ้อง

6. Honjok ความสุขจากการอยู่กับตัวเอง
ผู้เขียน : ฟรานซี่ ฮีลลีย์, คริสตัล ทาอิ ผู้แปล : เขมลักขณ์ ดีประวัติ
Honjok ความสุขจากการอยู่กับตัวเอง แปลจากหนังสือ Honjok: The Art of Living Alone ซึ่งคำว่า Honjok อ่านว่า "ฮน จก" คือคำสแลงและเป็นปรัชญาการใช้ชีวิตของชาวเกาหลีใต้ ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เป็นการดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว เพื่อครุ่นคิด ตั้งคำถาม ทบทวน จนค้นพบความต้องการและตระหนักรู้ถึงตัวตนจิตวิญญาณตัวเองอย่างแท้จริง เล่มนี้มีความหนาเพียง 156 หน้า อ่านได้แบบสบายๆ โดยลำดับเรื่องเป็น 4 บทใหญ่ๆ อาทิ เผ่าหนึ่งคน (ใครคือฮนจกแห่งเกาหลีใต้), สภาวะจิตใจ (เดียวดายหรือคนเดียว), ศิลปะแห่งการรู้จักตนเอง (เวลาสำหรับคิด ทำความรู้จักตนเอง) และการอยู่อย่างสันโดด (น้อมรับช่วงเวลาของการอยู่คนเดียว) ฯลฯ ซึ่งเล่มนี้จะสะท้อนให้คุณเห็นภาพสังคมหนุ่มสาวเกาหลีใต้ ที่เต็มไปด้วยค่านิยมความสำเร็จ ว่าต้องตั้งใจเรียน มีงานทำ แต่งงาน ซื้อบ้าน มีลูก แต่ก็อาจไม่ใช่ทุกคนที่จะไปถึงเป้าหมายต่างๆ นั้นได้ จนทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความเครียด ไม่มีความสุข กดดัน หลักแนวคิด "ฮน จก" ในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นเสมือนแนวคิดที่อยู่นอกบรรทัดฐานทางสังคมและวัฒนธรรมเหล่านั้น ลงลึกไปการเข้าใจตนเองและตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง ซึ่งนำไปสู่การเลือกทำสิ่งที่ชุบชูใจ และสร้างความสุขตัวเองได้อย่างแท้จริง

7. Put the Right Me Right Job กี่ดราม่าก็ฆ่ามนุษย์ออฟฟิศไม่ได้
ผู้เขียน : ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
เล่มนี้เขียนโดย ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ หรือ ชญาน์ทัต วงศ์มณี นักเขียนฝีมือดี จัดจ้าน และเป็นคออลัมนิสต์ผู้เป็นที่พึ่งพาทางใจของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศจากคอลัมน์ "GAME ON, BITCH!" บทความตอบปัญหาดราม่าในที่ทำงานสุดร้อนแรงทาง THE STANDARD ก่อนหน้านี้ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ มีหนังสือชื่อ I hate my job เกี่ยวกับปัญหาการทำงานออกมาแล้วเล่มหนึ่ง แต่สำหรับ กี่ดราม่าก็ฆ่ามนุษย์ออฟฟิศไม่ได้ เล่มนี้จะเป็นปัญหาที่ดุเดือดกว่า เต็มไปด้วยสารพัดปัญหาดราม่าในที่ทำงาน ที่เหล่ามนุษย์ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำหรือเป็นฟรีแลนซ์ ต้องได้ลองอ่าน โดยเฉพาะผู้ที่กำลังเจอกับปัญหาดราม่าต่างๆ เป็นต้นว่า เมื่อคนอื่นดราม่ากับฉัน หรือเมื่อสิ่งแวดอล้อมดราม่ากับฉันไปจนถึงเมื่อฉันดราม่ากับตัวฉันเอง อ่านเล่มนี้แล้ว คุณจะได้สกิลการรับมือกับปัญหาในที่ทำงาน เพื่อชีวิตการทำงานที่มีความสุขและการเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในแบบที่เราจะไม่เกลียดตัวเองในอนาคต

8. ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั่นแหละที่ทำเกินไป
ผู้เขียน : ยูอึนจ็อง ผู้แปล : สุมาลี สูนจันทร์
ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั่นแหละที่ทำเกินไป เป็นอีกหนึ่งเล่มที่เหมาะกับคนทำงานเอามากๆ หรือจริงๆ หากไม่ใช่มนุษย์ทำงานก็เหมาะเหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่ถูกล้ำเส้นอารมณ์ความรู้สึก ต้องเจอะเจอคำพูดแรงๆ และการกระทำที่ไม่เพียงละเมิดขอบเขตของคนอื่น แต่ยังไม่พยายามเข้าใจ และด้อยค่าความรู้สึกของคนอื่น หนังสือเล่มนี้มีวิธีฝึกสร้างพลังปกป้องตัวเองจากบุคคลที่มีพฤติกรรมอย่างที่กล่าวไปข้างต้นได้ รวมถึงช่วยให้เราทำความเข้าใจตัวเองยามรู้สึกแย่จากบรรดาคำพูดของคนอื่น และยังทำให้เราเข้าใจคนเหล่านั้นมากขึ้น ผ่านเคสตัวอย่างต่างๆ ที่ผู้เขียนยูอึนจ็อง จิตแพทย์หญิงชาวเกาหลีใต้ ได้หยิบยกมานำเสนอ โดยไม่ได้โฟกัสเพียงความรู้สึกแย่ ความรู้สึกเสียใจเท่านั้น แต่ยังแตะไปถึงประเด็นอื่นๆ ที่แวดล้อมชีวิตประจำวันของผู้คน เช่น คนที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของพ่อแม่ คนที่ทำร้ายร่างกายของตัวเอง เพื่อลดความเจ็บปวดทางจิตใจ ฯลฯ ซึ่งหากได้อ่านเล่มนี้ รับรองได้เลยว่าจะได้เรียนรู้ว่าการปกป้องขอบเขตอารมณ์ของตัวเอง วิธีรับมือกับบรรดาผู้ที่ล้ำเส้น ที่สำคัญได้เข้าใจตัวเองและยืนหยัดอารมณ์ตัวเองได้ชัดเจนว่า ‘ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั่นแหละที่ทำเกินไป’