ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 9 เมื่อเดือนตุลาคม 2546 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ผู้นำอาเซียนได้ลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน (Declaration or ASEAN Concord ll หรือ Bali Concord) เห็นชอบให้มีการจัดตั้งประชาคมอาเซียนขึ้น (ASEAN Community) ภายในปี ค.ศ. 2020 ต่อมาในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 12 ที่เมืองเชบู ประเทศฟิลิปปินส์ ได้ตกลงให้มีการจัดตั้งประชาคมให้แล้วเสร็จเร็วขึ้นภายในปี ค.ศ. 2015 หรือ พ.ศ. 2558
จากการลงนามในปฏิญญาดังกล่าว จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงของ 10 ประเทศในอาเซียน ประกอบด้วย ไทย ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บูรไน และสิงคโปร์ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยมีกรอบความร่วมมือ 3 เสาหลัก ได้แก่ ประชาคมความมั่นคงอาเซียน, ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งทั้ง 3 ด้านนี้ เป็นสิ่งที่คนไทยควรเตรียมความพร้อมต่อผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
แม้ปัจจุบันประชาคมอาเซียนจะยังไม่เกิดขึ้น แต่กลุ่มประเทศในสมาชิกอาเซียนต่างมีการเตรียมความพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น คนไทยทุกคนจึงต้องเตรียมพร้อมและปรับตัวเพื่อเข้าสู่การเป็น “ประชาคมอาเซียน” หรือ “พลเมืองอาเซียน”
สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) สังกัดสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี จึงร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.), กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ, สมาคมอาเซียน-ประเทศไทย, การท่องเที่ยวมาเลเซีย ประจำประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพฯ และกลุ่มฟิล์มกาวาน จัด นิทรรศการ “พิพิธอาเซียน…A journey through ASEAN” ขึ้น ระหว่างวันที่ 27 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2554 ณ อุทยานการการเรียนรู้ TK park ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
นายปราโมทย์ วิทยาสุข ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) กล่าวว่า สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ OKMD เป็นหน่วยงานของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีบทบาทหน้าที่หลักในการพัฒนาความคิด เพิ่มความรู้ สร้างสรรค์ภูมิปัญญา ผ่านกระบวนการเรียนรู้สาธารณะ อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพความคิดของประชาชนและเยาวชน ให้เป็น “คนรุ่นใหม่” ที่พร้อมรับมือกับสถานการณ์โลกที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“การติดอาวุธทางปัญญาและพัฒนาศักยภาพให้แก่เด็กและเยาวชนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ หรือในปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมให้แก่เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติ ให้มีศักยภาพ และพร้อมสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของการเข้าเป็นส่วนหนึ่งในประชาคมอาเซียน ดังนั้นการจัดกิจกรรมนิทรรศการพิพิธอาเซียนในครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือนการกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มประเทศอาเซียน และเตรียมความพร้อมให้แก่ทรัพยากรบุคคลของไทย ให้มีศักยภาพที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยต่อไปในอนาคต”
ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) TK park กล่าวว่า TK park มีแนวทางการดำเนินงานเพื่อกระตุ้น ส่งเสริมและปลูกฝังนิสัยรักการอ่านการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในโอกาสที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การเป็นสมาชิกของประชาคมอาเซียนในอีก 4 ปีข้างหน้า จึงได้เล็งเห็นความสำคัญในการเตรียมความพร้อมเพื่อปูพื้นฐานความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้าน ให้แก่เด็กและเยาวชน ซึ่งในเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2554 นี้ TK park จึงได้จัดกิจกรรม “นิทรรศการ พิพิธอาเซียน…A journey through ASEAN” ขึ้น เพื่อให้สาธารณชนได้เรียนรู้และเข้าใจในความเป็น “อาเซียน” มากขึ้น
ด้าน ศ.ดร.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า สกว. เป็นองค์กรของรัฐภายใต้การกำกับของสำนักนายกรัฐมนตรี มีบทบาทสำคัญในการสร้างคน สร้างองค์ความรู้ผ่านกระบวนการสนับสนุนทุนการวิจัยและการบริหารจัดการงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ กรณีความร่วมมือกับสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) ที่ดำเนินงานร่วมกันมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ถึงปัจจุบัน เป็นช่องทางหนึ่งในการนำผลงานความรู้และผู้รู้ในเครือข่าย สกว. ไปสนับสนุนการสร้างระบบการเรียนรู้ให้คนและสังคม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเยาวชนที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ
“ตลอดระยะเวลาของความร่วมมือทางวิชาการกับสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ที่ผ่านมานั้น ได้นำเอาเนื้อหาข้อมูลจากงานวิจัยมานำเสนอจัดแสดงในรูปแบบนิทรรศการ พร้อมกับจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการในเรื่องราวต่างๆ เดือนละ 1 เรื่อง ณ อุทยานการเรียนรู้ต้นแบบและบริการ TK park และเชื่อมโยงเนื้อหาเหล่านั้นเข้าสู่หนังสือและการอ่าน โดยเน้นให้ความสำคัญกับกิจกรรมฝึกปฏิบัติ ภายใต้แนวคิดการเรียนรู้และค้นพบตนเองผ่านการปฏิบัติจริง จนถึงปัจจุบันมีผลงานวิจัยของ สกว. กว่า 56 เรื่องที่มีการเผยแพร่ร่วมกับสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.)”
สำหรับความร่วมมือในการจัดนิทรรศการ “พิพิธอาเซียน...A Journey through ASEAN” ในครั้งนี้ จะกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน และครอบครัว ได้เปิดโลกทัศน์หลากมิติกับประเทศเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการที่อาเซียนกำลังจะมุ่งพัฒนาไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี ค.ศ. 2015 เป็นการสร้างความพร้อม เพื่อให้เราอยู่ร่วมกันกับมิตรประเทศอย่างเข้าใจ เท่าทัน และมีความสุข
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่านิทรรศการพิพิธอาเซียนในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้สังคมไทยเกิดความตื่นตัวในการเตรียมตัวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนต่อไป