
การเลี้ยงดูเด็กหนึ่งคนให้เติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจไม่เคยเป็นเรื่องง่าย พ่อแม่หรือผู้ดูแลเด็กต่างต้องผ่านบทเรียนจากการลองผิดลองถูกไม่น้อย กว่าจะค้นพบวิธีที่เหมาะสมในการเลี้ยงดูเจ้าตัวเล็กของบ้านในแต่ละช่วงวัย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวทางการเลี้ยงลูกแบบหนึ่งมีที่ชื่อว่า ‘Lighthouse Parenting’ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในหมู่พ่อแม่ยุคใหม่ รูปแบบการเลี้ยงดูนี้มีอะไรที่น่าสนใจ และทำไมถึงกลายเป็นเทรนด์ขึ้นมาได้ ลองมาหาคำตอบและเรียนรู้วิธีปรับตัวตามเทรนด์นี้ไปด้วยกัน

Lighthouse Parenting ประภาคารแห่งความเข้าใจ
แนวคิด Lighthouse Parenting มีจุดเริ่มต้นมาจาก ดร.เคนเนธ กินสเบิร์ก (Dr. Kenneth Ginsburg) กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์วัยรุ่น เจ้าของผลงานหนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กหลายเล่ม และวิทยากรที่ได้รับเชิญให้เดินทางไปบรรยายเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกทั่วสหรัฐอเมริกา
หากเปรียบการเติบโตของเด็กเป็นความกว้างขวางและยากจะคาดเดาของท้องทะเล ดร.เคนเนธเสนอว่าพ่อแม่ไม่ควรทำหน้าที่เป็น ‘กัปตันเรือ’ ที่คอยควบคุมทุกอย่าง แต่ควรเป็น ‘ประภาคาร’ ที่คอยส่องแสงนำทาง สนับสนุน ให้คำแนะนำและกำลังใจแก่ลูกมากกว่า เพราะประภาคารกลางทะเลคอยให้ความสว่างไสวยามค่ำคืนแก่นักเดินเรือ ชี้เส้นทางที่ปลอดภัย คอยเตือนภัยยามมีอันตราย ทำให้ผู้สัญจรในท้องทะเลสามารถเดินทางกลับฝั่งได้อย่างราบรื่น
การเลี้ยงลูกแบบ Lighthouse Parenting เล่าอย่างง่ายก็คือ พ่อแม่อาจปล่อยให้ลูกได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองก่อน ให้โอกาสเขาในการตัดสินใจเองไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ โดยคอยเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ พร้อมเตือนเมื่อมีอุปสรรค ให้คำแนะนำเมื่อเกิดปัญหา และไม่เข้าไปจัดการให้โดยพลการ เป็นประภาคารที่ยืนหยัดอยู่ข้าง ๆ อย่างมั่นคง ทำให้ลูกรู้สึกมั่นใจและอุ่นใจ ว่าไม่ว่าจะหันกลับมาเมื่อไรก็จะยังมีที่พึ่งในเวลาที่ต้องการ โดยไม่รู้สึกว่ากำลังถูกบังคับหรือควบคุม

ลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้น หากพ่อแม่สังเกตเห็นว่าลูกเริ่มเครียดเมื่อการสอบใกล้เข้ามา พ่อแม่บางคนอาจตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการจองคอร์สเรียนพิเศษทันที เพราะเชื่อว่าเป็นทางออกที่ช่วยให้ลูกได้คะแนนดี แต่สำหรับแนวทาง Lighthouse Parenting พ่อแม่จะเลือกหยุดฟังลูกก่อน ฟังว่าลูกรู้สึกอย่างไร กังวลเรื่องไหน ต้องการความช่วยเหลือแบบใด แล้วจึงค่อยสนับสนุนตามสิ่งที่ลูกรู้สึกว่าต้องการจริง ๆ
เพราะสำหรับเด็กบางคน การเรียนพิเศษอาจเป็นทางออก แต่เด็กบางคนอาจแค่อยากได้เวลาพักใจ ขณะที่บางคนก็อาจต้องการเพียงคำพูดให้กำลังใจสั้น ๆ ก่อนรวบรวมพลังใจลุกขึ้นมาอ่านหนังสือด้วยตัวเอง ซึ่งในเหตุการณ์แบบนี้ พ่อแม่ต้องนึกไว้เสมอว่า แม้ทุกคนในครอบครัวกำลังล่องเรือในน่านน้ำเดียวกัน แต่ทุกคนมีชีวิตของตัวเอง เรือแต่ละลำจึงล้วนมี ‘เส้นทาง’ ที่ต้องการจะไปไม่เหมือนกัน และ ‘จังหวะ’ ในการเดินทางก็ไม่พร้อมกัน

เตรียมตัวเลี้ยงลูกแบบ Lighthouse Parenting
แนวคิดการเลี้ยงลูกแบบประภาคารนี้แม้จะฟังดูเหมือนเรียบง่าย เพราะบทบาทของพ่อแม่เน้นการสนับสนุนมากกว่าควบคุม แต่ในความเป็นจริง การเป็นแสงนำทางให้ลูกโดยไม่หลงทิศเสียเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป ดังนั้น ก่อนจะรับบทเป็นประภาคาร พ่อแม่ควรเรียนรู้และเข้าถึงหัวใจสำคัญของ Lighthouse Parenting เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจก่อน
1. เชื่อมั่นและเคารพการตัดสินใจของลูก
เมื่อพ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญคือการเชื่อใจ เชื่อมั่น และเคารพในสิ่งที่ลูกเลือก เพราะไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ก็ล้วนเป็นประสบการณ์อันมีค่าที่ช่วยให้ลูกได้เรียนรู้และเติบโต พ่อแม่สามารถให้คำแนะนำหรือชี้แนะแนวทางได้ แต่ไม่ควรเข้าไปควบคุมหรือตัดสินใจแทน เพราะอาจทำให้ลูกรู้สึกสับสน ไม่มั่นใจ และหวาดกลัวที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองในอนาคต

2. เป็นพื้นที่ปลอดภัยในวงสนทนา
การเลี้ยงลูกแบบ Lighthouse Parenting เน้นความยืดหยุ่น การสื่อสารที่ดีระหว่างกันจึงเป็นหัวใจสำคัญ พ่อแม่ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ลูก คอยรับฟังอย่างตั้งใจ ไม่รีบตัดสินหรือตำหนิเมื่อเกิดปัญหา การเปิดใจรับฟังเช่นนี้จะช่วยให้ลูกกล้าเอ่ยปากปรึกษาและขอคำแนะนำเมื่อต้องการ ทั้งยังทำให้ลูกรู้สึกอุ่นใจว่ามีคนที่พร้อมเข้าใจและเดินฝ่าปัญหานั้นไปด้วยกัน

3. พร้อมโอบรับในความผิดพลาด
ไม่มีใครสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องเสมอไป เพราะแม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ยังทำผิดพลาดได้ การปล่อยให้ลูกได้ลองผิดลองถูกจึงเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และเมื่อวันหนึ่งเขาตัดสินใจพลาด พ่อแม่ไม่ควรเอ่ยคำว่า “เห็นไหม แม่บอกแล้ว...” แต่ควรชวนลูกมาทบทวนร่วมกันว่า เขาได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดครั้งนี้ เพื่อให้เขาได้เติบโตโดยไม่เดินซ้ำรอยเดิมในวันข้างหน้า

4. ให้อิสระอย่างมีขอบเขต
การเป็นประภาคารไม่ได้แปลว่าปล่อยให้ลูกควบคุมเรือชีวิตอย่างไร้ทิศทาง แต่คือการให้อิสระในพื้นที่ที่พ่อแม่ยังมองเห็นและพร้อมช่วยเหลือเมื่อจำเป็น การสอนให้ลูกเคารพกฎเกณฑ์ ตักเตือนเมื่อทำผิด หรือวางขอบเขตการอยู่ร่วมกันอย่างชัดเจนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อเขาโตขึ้น เขาก็ต้องใช้ทักษะชีวิตและต้องเคารพกฎกติกาทางสังคมในลักษณะเดียวกัน

5. พร้อมก้าวเข้าเมื่อเขาต้องการ
ความท้าทายหนึ่งของ Lighthouse Parenting คือการอ่านสถานการณ์ให้ออก ว่าเมื่อไรที่ลูกต้องการความช่วยเหลือ พ่อแม่จึงต้องหมั่นสังเกตสัญญาณจากลูกอยู่เสมอ เพื่อพร้อมก้าวเข้าไปสนับสนุนอย่างทันท่วงที และในบางครั้งหากเจอสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือจิตใจของลูก พ่อแม่ก็ต้องพร้อมเข้าจัดการสถานการณ์ เพราะด้วยประสบการณ์ที่จำกัด เด็กอาจยังไม่พร้อมจัดการเรื่องเหล่านั้นด้วยตัวเอง

จะเห็นได้ว่าการเลี้ยงลูกแบบ Lighthouse Parenting นี้ ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้โลกกว้างตามจังหวะของตัวเอง ค้นหาความชอบและตัวตนโดยไม่มีการบังคับชี้นำ แต่ยังช่วยให้เขาได้ฝึกคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ และรับมือกับผลลัพธ์จากการเลือกของตัวเองไม่ว่าการเลือกนั้นจะถูกหรือผิด ทำให้ลูกเติบโตเป็นคนที่เข้มแข็งและมีภูมิคุ้มกัน พร้อมเผชิญโลกในอนาคตได้อย่างมั่นใจมากกว่าการเลี้ยงดูแบบดูแลปกป้องเพียงอย่างเดียว
ในยุคที่เด็กเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ได้รวดเร็ว มีความคิดเป็นอิสระสูง การเลี้ยงดูที่ยืดหยุ่น เข้าใจ และพร้อมสนับสนุนในแบบที่เขาเป็น จึงนับเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ตอบโจทย์พ่อแม่ยุคใหม่ไม่น้อย
สร้างสรรค์โดย Jaruwan C. และ TK Park
อ้างอิง [1], [2], [3], [4], [5]