
เมื่อการบ้านของเด็ก กลายเป็นสิ่งที่โลกรอคอย
การบ้านจะหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าไม่ได้มีไว้แค่ทบทวนบทเรียน วัดความจำ และทดสอบความเข้าใจ แต่เป็นโจทย์ปลายเปิดที่ทำให้เด็กและเยาวชนคิดและทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น
อุทยานการเรียนรู้ TK Park พาไปดู "การบ้าน" ของเด็กทั่วโลก ที่ทำให้เราเห็นว่าเมื่อเด็ก ๆ พบแรงบันดาลใจ ได้โอกาสสำรวจปัญหา เข้าถึงแหล่งข้อมูล รู้จักวัสดุและเครื่องไม้เครื่องมือ ได้ใช้จินตนาการ และต่อยอดความรู้ด้วยตัวเอง พวกเขาก็สามารถทำการบ้านให้กลายเป็นโปรเจ็กต์น่าประทับใจแบบที่ผู้ใหญ่คาดไม่ถึง

BEACON เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อเพื่อนที่ห่างไกล
ไฟฟ้าช่วยอำนวยความสะดวกและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในหลาย ๆ ด้าน ทว่าบนโลกใบนี้ยังมีชุมชนห่างไกลอีกมากที่ผู้คนยังไม่มีไฟฟ้าใช้
แต่ ฮานนาห์ เฮิร์บส์ (Hannah Herbst) นักเรียนมัธยมจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ประเทศที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานได้ตามปกติ เพิ่งรู้เรื่องนี้ หลังจากที่เธอติดต่อกับเพื่อนทางจดหมายที่อยู่ประเทศเอธิโอเปียมานานหลายปี
เมื่อรู้ว่าครอบครัวของเพื่อนและอีกหลายล้านคนทั่วโลกต้องอยู่ท่ามกลางความมืดมิดในตอนกลางคืนเพราะไม่มีไฟฟ้าใช้ ฮานนาห์ที่สนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว จึงใช้เวลาหลายปีในการค้นคว้าและทดลอง จนได้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดพกพาที่มีชื่อว่า ‘BEACON’ ทำงานโดยการเปลี่ยนคลื่นและกระแสน้ำในมหาสมุทรให้กลายเป็นพลังงาน กักเก็บไว้ในอุปกรณ์ ก่อนจะแปลงเป็นไฟฟ้าที่เพียงพอสำหรับใช้งานในครัวเรือน
ชิ้นส่วนหลายอย่างใน BEACON ทำจากพลาสติกที่สร้างขึ้นด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ จึงทำให้ต้นทุนไม่สูงมาก ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนา หลังจากที่ฮานนาห์นำเสนอโครงงานของเธอในงานประกวดสิ่งประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ ผลงานชิ้นนี้ก็ทำให้เธอได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ และที่สำคัญไปกว่านั้น ผลงานของเธอก็ได้รับการผลิตจริง และถูกส่งไปให้ครอบครัวเพื่อนของเธอที่เอธิโอเปีย นำพาแสงแห่งความสุขให้คนมากมายไม่ต้องอยู่ท่ามกลางความมืดมิดอีกต่อไป

Braigo เครื่องพิมพ์อักษรเบรลล์จากตัวต่อเลโก้
ครั้งหนึ่ง ซุบฮัม บันเนอร์จี (Shubham Banerjee) เด็กชายวัย 12 ปี ที่อาศัยอยู่ในซานตา คลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา บังเอิญเห็นใบปลิวโครงการช่วยผู้พิการทางสายตา ทำให้เขาสงสัยขึ้นมาว่าคนตาบอดนั้นอ่านหนังสือกันอย่างไร หลังจากค้นคว้าจนได้รู้จักกับอักษรเบรลล์เขาก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าเครื่องพิมพ์สำหรับอักษรเบรลล์นั้นมีราคาแพงมาก คิดเป็นเงินหลายพันดอลลาร์!
ซุบฮัมใช้เวลานานนับเดือนในการทดลอง เพื่อค้นหาว่าเขาจะสามารถสร้างเครื่องพิมพ์อักษรเบรลล์ในราคาที่เป็นมิตรต่อผู้พิการทางสายตาได้อย่างไร จนกระทั่งเขาทดลองสร้างต้นแบบจากของเล่นชิ้นโปรดอย่างตัวต่อเลโก้ มาผสานเข้ากับมอเตอร์หุ่นยนต์ จนได้ ‘Braigo’ เครื่องพิมพ์อักษรเบรลล์จากตัวต่อเลโก้ราคาไม่แพงที่ใช้งานได้จริง ลดต้นทุนลงเกือบสิบเท่าเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ทั่วไป
ผลงานนี้ถูกนำเสนอในงานวิทยาศาสตร์และสร้างเสียงฮือฮาในแวดวงเทคโนโลยีอย่างมาก ต่อมาเขาตั้งบริษัทเล็ก ๆ ชื่อว่า Braigo Labs Inc. เพื่อพัฒนาต้นแบบเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ พร้อมเปิดเผยดีไซน์และซอฟต์แวร์แบบ Open Source ให้ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ฟรี เรียกว่าโครงงานวิทยาศาสตร์ชิ้นนี้ของเขา ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้นักประดิษฐ์รุ่นเยาว์คนอื่น ๆ แต่ยังมอบโอกาสให้ผู้พิการทางสายตาทั่วโลก สามารถเข้าถึงสื่อสิ่งพิมพ์อักษรเบรลล์ได้ง่ายขึ้นในราคาที่เป็นมิตรยิ่งกว่าเดิม

Easy-wrap Finger Plaster พลาสเตอร์ติดง่ายไม่ง้อใคร
มุมมองของเด็กนั้นเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเท่าผู้ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรละเลย เพราะบางครั้งความคิดเรียบง่ายนั้นเองก็ทำให้เด็ก ๆ สามารถคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยแก้ปัญหาเดิม ๆ ได้ง่ายดาย แบบที่ผู้ใหญ่นึกกันไม่ออก
โคโตเนะ อุกาโมจิ (Kotone Ugamochi) เด็กนักเรียนหญิงญี่ปุ่นวัย 10 ปี บังเอิญถูกมีดบาดนิ้วอยู่บ่อยครั้ง ด้วยเหตุนั้นเองทำให้เธอสังเกตว่าพลาสเตอร์ปิดแผลที่มีอยู่ในท้องตลาดช่างไม่ตอบโจทย์การใช้งานด้วยตนเองเอาเสียเลย ทั้งปลายพลาสเตอร์สองข้างที่เผลอทีไรก็จะแปะติดกันอยู่เรื่อย พอแกะออกมาแปะใหม่ พลาสเตอร์ก็ยับย่นไม่แนบสนิทไปกับนิ้ว หากจะติดได้อย่างสมบูรณ์แบบก็ต้องให้คนอื่นช่วยติดให้ ทำให้เด็ก ๆ อย่างเธอต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่อยู่เสมอ
ระหว่างที่โรงเรียนปิดเทอมฤดูร้อน เธอจึงได้ริเริ่มประดิษฐ์พลาสเตอร์ที่ใช้งานง่ายขึ้น สามารถแปะได้ด้วยตัวเอง แล้วเอาไปส่งเป็นการบ้านปิดเทอม โดยเธอได้แก้ปัญหานี้ง่าย ๆ ด้วยการย้ายแผ่นซับแผลสีขาวที่ปกติจะถูกจัดวางไว้กลางแผ่นพลาสเตอร์ ไปไว้ใกล้ปลายด้านหนึ่ง เมื่อแปะลงบนแผลแล้วก็สามารถพันปลายด้านยาวรอบนิ้วได้ง่าย ๆ ด้วยตัวคนเดียว
สิ่งประดิษฐ์นี้นอกจากจะได้รับรางวัลจากระดับจังหวัดและระดับนานาชาติแล้ว ยังไปเตะตาเครือบริษัทร้านขายยาชื่อดังอย่าง Matsumoto Kiyoshi จนได้รับการติดต่อซื้อสิทธิบัตรแล้วนำไปพัฒนาจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายได้จริงและได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ

KalamSat ดาวเทียมรุ่นจิ๋วที่เบาที่สุดในโลก
ริฟัท ชารุค (Rifath Shaarook) คือเด็กหนุ่มขี้อายจากเมืองเล็ก ๆ ในทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย ตอนอายุได้ 15 ปี เขาได้เข้าร่วมแข่งขันโครงการประกวดนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ และได้สร้างบอลลูนสำรวจอากาศที่บรรจุก๊าซฮีเลียมขึ้นมา นับแต่นั้นประตูสู่โลกแห่งการประดิษฐ์ของเขาก็ได้เปิดออก
ไม่กี่ปีต่อมาเขาและทีมนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์คนอื่น ๆ ก็ได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการเทคโนโลยีอวกาศ นั่นก็คือดาวเทียมขนาดเล็กที่มีน้ำหนักเบาที่สุดที่โลกเคยมีมา! โดยเขาได้ตั้งชื่อมันว่า ‘KalamSat’ ตามชื่อประธานาธิบดีคนที่ 11 ของอินเดีย อับดุล กลาม (Abdul Kalam) ผู้ส่งเสริมวงการวิทยาศาสตร์อินเดียมาโดยตลอด
KalamSat สร้างจากคาร์บอนไฟเบอร์จากงานพิมพ์ 3 มิติ มีน้ำหนักเพียง 65 กรัม และสามารถโคจรในอวกาศได้นานถึง 4 ชั่วโมง ผลงานนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศจากโครงการประกวด Cubes in Space แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ดาวเทียมจากนักประดิษฐ์รุ่นเยาว์ชิ้นนี้ได้รับความสนใจจากองค์การ NASA จนได้รับการพัฒนาและส่งออกไปโคจรรอบโลกได้จริง
ความสำเร็จของริฟัทนอกจากจะช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศบ้านเกิดแล้ว เรื่องราวของเขายังเป็นแรงบันดาลใจที่จุดประกายให้เด็กคนอื่น ๆ โดยเฉพาะในอินเดีย หันมาสนใจในการศึกษาสาขาเทคโนโลยีอวกาศมากขึ้นด้วย
ใครจะรู้ว่าการบ้านหรือโครงงานวิทยาศาสตร์ธรรมดา ที่เด็ก ๆ กำลังนั่งทำช่วงปิดเทอมนี้ หรือแม้แต่งานประดิษฐ์เล็ก ๆ น้อย ๆ จากกิจกรรมในวันหยุดที่ TK Park อาจกลายเป็นก้าวสำคัญของนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกได้จริงในอนาคตก็ได้
TK Park จริงจังกับเรื่องจินตนาการของเด็ก เพราะเรารู้ดีว่าความรู้ทั้งในห้องและนอกห้องเรียน สามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้ไม่รู้จบ ภารกิจของเราจึงเป็นการทำให้ความรู้และสื่อต่าง ๆ เข้าถึงได้ง่าย โดยไม่ลืมส่วนที่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจและจินตนาการ
สร้างสรรค์โดย Jaruwan C. และ TK Park
อ้างอิง [1], [2], [3], [4], [5], [6], [7]