
หลายเมืองบนโลกซ่อนพลังแห่งแรงบันดาลใจเอาไว้ บางเมืองโด่งดังจากสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ บางเมืองมีชื่อเสียงจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง แต่ก็มีไม่น้อยที่กลายเป็นที่รู้จักเพราะได้กลายเป็น “ฉากในจินตนาการ” ที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์มหรือในแอนิเมชัน โดยเฉพาะภาพยนตร์แอนิเมชันที่เป็นผลงานของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) อันเลื่องชื่อ
โลกของจิบลิหลบเร้นอยู่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเมืองริมทะเล บ้านบนเนินเขา หรือย่านเก่าที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งอดีต เมื่อมีดวงตาของนักสร้างสรรค์มองมา เมืองที่มีเสน่ห์เหล่านี้ก็ถูกต่อยอดกลายเป็นฉากหลังให้กับจินตนาการอันโลดโผนจนแฟน ๆ ทั่วโลกจดจำได้ และเมื่อผู้คนออกเดินทางตามรอยเหล่านั้น เมืองก็ได้กลายเป็นพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ การท่องเที่ยว และอัตลักษณ์ท้องถิ่นอย่างงดงาม
มาเถิดเหล่าแฟน ๆ จิบลิผู้หลงใหลในเวทมนตร์ ก้าวเท้าขึ้นไม้กวาดของแม่มดน้อยกิกิ แล้วออกเดินทางผจญภัยไปยังจุดหมายทั้ง 5 แห่งจากภาพยนตร์แอนิเมชันที่เรารักไปด้วยกัน

จุดหมายที่ 1 เมือง Colmar ประเทศฝรั่งเศส บ้านเกิดของโซฟีใน Howl’s Moving Castle
เยื้องไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส ติดกับพรมแดนเยอรมนี มีเมืองเล็ก ๆ ที่น่ารักราวกับหลุดมาจากเทพนิยายซ่อนตัวอยู่ ตัวเมืองยังคงไว้ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโบราณที่เน้นไม้และหิน ทาผนังด้วยสีสันสดใสราวกับลูกกวาด มีคลองเล็ก ๆ น้ำพุ และดอกไม้สีสันสดใสประดับตามหน้าต่างรั้วเรือน
เมืองนี้มีชื่อว่า Colmar เป็นต้นกำเนิดเมืองบ้านเกิดที่ ‘โซฟี’ ได้พบกับ ‘ท่านฮาวล์’ ในแอนิเมชั่นเรื่อง Howl’s Moving Castle เป็นครั้งแรก
หนึ่งสถานที่ที่พลาดไม่ได้ของเมือง Colmar ที่ไม่ว่าใครก็ต้องแวะถ่ายภาพ ก็คืออาคารเก่าแก่กว่า 500 ปี ที่มีชื่อว่าบ้าน Pfister เป็นอาคารโครงสร้างไม้ที่มีเอกลักษณ์ คือหอคอยทรงแปดเหลี่ยม ศิลปะเรเนซองส์อาคารแรก ๆ ของเมือง โดยอาคารหลังนี้ได้ปรากฏตัวในช่วงเปิดเรื่อง ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นตอนโซฟีวิ่งผ่านอาคารหลังนี้ด้วยนะ!
ใครที่เป็นแฟนแอนิเมชั่นเรื่องนี้ แนะนำให้แวะไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อน ตอนที่ทั้งเมืองเต็มไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่งท่ามกลางแสงแดดสดใส ใครจะรู้ว่าในเมืองแสนโรแมนติกแบบนี้อาจจะมีท่านฮาวล์สุดหล่อซ่อนตัวอยู่ก็เป็นได้!

จุดหมายที่ 2 หุบเขา Rhondda ในเวลส์ เหมืองแร่ของปาซูใน Castle in the Sky
ในปี 1984 ฮายาโอะ มิยาซากิ มือกำกับภาพยนตร์ผู้เป็นดั่งกระดูกสันหลังของสตูดิโอจิบลิได้เดินทางมายังเวลส์เป็นครั้งแรก บังเอิญเหลือเกินที่ช่วงนั้นตรงกับตอนที่คนงานเหมืองกำลังพากันหยุดงานประท้วง เพื่อต่อสู้กับรัฐบาลอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรี มาร์กาเร็ต แทตเชอร์
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของชาวเหมืองที่นั่นทำให้มิยาซากิรู้สึกประทับใจ และทำให้เขาย้อนนึกถึงคนงานเหมืองถ่านหินในญี่ปุ่นซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เช่นกัน ทำให้ในปี 1986 หรืออีก 2 ปีต่อมา Castle in the Sky ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องแรกที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้การเขียนบทและอำนวยการสร้างทั้งหมดโดยสตูดิโอจิบลิ ได้ถือกำเนิดสู่สายตาชาวโลก
เรื่องราวการต่อสู้ของชาวเหมืองในเวลส์จุดประกายแรงบันดาลใจให้มิยาซากิสร้างฉากหลังของเหมือง ที่ ‘ปาซู’ เด็กกำพร้าตัวละครหลักของเรื่องทำงานอยู่ ทั้งภาพของหุบเขา Rhondda และวิถีชีวิตของคนเหมืองที่เขาได้พบ ล้วนกลายมาเป็นฉากและเรื่องราวภายในภาพยนตร์
สำหรับใครที่เป็นแฟน Castle in the Sky หากมีโอกาสได้ไปเยือนเวลส์สักครั้ง ไม่ควรพลาดเมืองเล็ก ๆ ที่บรรจุประวัติศาสตร์การต่อสู้อันโชกโชนนี้ เพราะคุณจะได้สัมผัสถึงจิตวิญญาณของชาวเหมืองเหมือนที่ปาซูเคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง

จุดหมายที่ 3 Sayama Hills ประเทศญี่ปุ่น ป่าของโทโทโร่ ใน My Neighbor Totoro
ภาพยนตร์ชิ้นโบแดงของสตูดิโอจิบลิเรื่องนี้ไม่หลุดโผแน่นอน เพราะที่นี่คือป่าไม้สีเขียวชอุ่ม บ้านเกิดของเจ้า ‘โทโทโร่’ ตัวอ้วนกลม ขวัญใจใครหลาย ๆ คนนั่นเอง
My Neighbor Totoro บอกเล่าเรื่องราวของสองสาวน้อย ‘ซัทสึกิ’ และ ‘เมย์’ ที่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ในแถบชนบทกับพ่อ เพื่อให้ใกล้กับโรงพยาบาลที่แม่ของเด็กทั้งสองรักษาตัวอยู่
ทว่า ท่ามกลางสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เด็กทั้งสองกลับพบว่าในป่าข้างบ้านนั้นมีสัตว์วิเศษผู้พิทักษ์ป่าอาศัยอยู่ ทำให้ทั้งคู่ได้เข้าไปผจญภัยและพบกับเรื่องราวมหัศจรรย์สนุก ๆ มากมายในโลกแห่งธรรมชาติและผืนป่า
สำหรับใครที่อยากก้าวเท้าเข้าไปในโลกแห่งความมหัศจรรย์นี้บ้าง ลองเดินทางไปเยี่ยมเยียนป่า Sayama Hills ที่เมืองโทโคโรซาว่า จังหวัดไซตามะ เพราะที่นี่คือสถานที่ที่ผู้กำกับ ฮายาโอะ มิยาซากิ เคยอาศัยอยู่กับภรรยาในช่วงปี 1960s และจุดประกายแรงบันดาลใจให้เขานำมาใช้เป็นฉากหลังของป่าโทโทโร่นั่นเอง
ทุกวันนี้ป่าผืนนั้นยังคงเขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ราวกับได้รับการพิทักษ์จากเจ้าโทโทโร่ นั่นเป็นเพราะหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างกระแสความนิยมไปทั่วโลก จนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยจุดกระแสการอนุรักษ์ผืนป่าจากรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อให้แฟน ๆ ที่หลงรักในภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถมาตามรอยเจ้าโทโทโร่ได้นั่นเอง

จุดหมายที่ 4 เมือง Stockholm และ Visby ประเทศสวีเดน เมืองริมทะเลโคริโกะ ใน Kiki’s Delivery Service
ในปีที่แม่มดน้อย ‘กิกิ’ อายุได้ 13 ปี ตามธรรมเนียมปฏิบัติของเหล่าแม่มด เธอต้องออกเดินทางจากบ้านเกิดไปใช้ชีวิตในเมืองอื่นเพื่อฝึกความสามารถและสร้างประโยชน์ให้กับเมืองนั้น ๆ จนกระทั่งเธอได้เลือกลงหลักปักฐานในเมืองริมทะเลที่สวยงามเมืองหนึ่ง เมืองที่แฟน ๆ Kiki’s Delivery Service รู้จักกันดีในชื่อเมืองโคริโกะ ที่ซึ่งเธอได้เรียนรู้วิธีการเป็นแม่มดที่ดีนั่นเอง
แต่แม้เราจะไม่ได้ขี่ไม้กวาดบินขึ้นท้องฟ้าแบบกิกิและเจ้าแมวดำจิจิคู่ใจ เราก็สามารถไปชื่นชมเมืองที่สวยงามราวเทพนิยายนี้ได้ เพียงแค่บินลัดฟ้าไปยังประเทศสวีเดน
ในปี 1971 ฮายาโอะ มิยาซากิ เคยเดินทางมายังสวีเดนเพื่อติดต่อขอซื้อบทประพันธ์จากนักเขียนดังท่านหนึ่ง แม้จะคว้าน้ำเหลว แต่ภาพของเมือง Stockholm และ Visby ก็ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของเขา ในอีกหลายปีหลังจากนั้นเขาจึงพาทีมงานกลับมาเยี่ยมเยียนเมืองที่เหมือนหลุดมาจากยุคยุโรปกลางสองเมืองนี้อีกครั้ง พร้อมเก็บภาพด้วยฟิล์มกว่า 80 ม้วน เพื่อใช้เป็นฉากหลังในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องใหม่ Kiki’s Delivery Service
ใครที่อยากสัมผัสถึงเมืองโคริโกะในชีวิตจริง เมืองที่ยังคงกลิ่นอายของศูนย์กลางการค้าสำคัญในอดีต รายล้อมไปด้วยกำแพงโบราณ ถนนหนทางปูด้วยอิฐ มีหอนาฬิกาตั้งตระหง่าน และสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ต้นแบบเมืองที่แม่มดน้อยกิกิเคยอาศัยอยู่ หากมีโอกาสได้มายุโรป อย่าลืมแวะมาเที่ยวสองเมืองนี้นะ!

จุดหมายที่ 5 เมืองโบราณ Jiufen ไต้หวัน โรงอาบน้ำลี้ลับ ใน Spirited Away
แม้ฮายาโอะ มิยาซากิ จะปฏิเสธว่าเมืองโบราณ Jiufen ในไต้หวันไม่ได้เป็นต้นแบบเมืองในมิติวิญญาณจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นชิ้นสำคัญอีกเรื่องของสตูดิโอจิบลิอย่าง Spirited Away แต่ความคล้ายคลึงกันของสถาปัตยกรรม ก็ทำให้คนส่วนใหญ่เห็นแล้วเชื่อทันที ว่าเมืองนี้แหละคือต้นแบบเมืองที่ ‘จิฮิโระ’ ตัวเอกของเรื่องหลุดเข้าไปผจญภัย
เมือง Juifen ตั้งอยู่บนภูเขาในเขตจีหลง บริเวณตอนเหนือของไต้หวัน ตัวเมืองกินอาณาเขตเกือบทั้งภูเขา ทำให้เส้นทางในเมืองมีลักษณะเป็นขั้นบันไดวกวนขึ้นไปตามแนวเขา ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ ชวนให้นึกถึงฉากที่พ่อแม่ของจิฮิโระหลงใหลไปกับอาหารจนกลายร่างเป็นสุกรเลยทีเดียว
และมุมไฮไลต์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องแวะมาเก็บภาพเป็นที่ระลึก คือโรงน้ำชาหลังใหญ่อายุนานนับศตวรรษที่ประดับด้วยโคมสีแดงตลอดแนว สถานที่ที่เหมือนกับโรงอาบน้ำในภาพยนตร์ราวกับถอดแบบกันออกมา
ในช่วงฤดูฝนที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื้น ถนนปูหินภายในเมืองจะเต็มไปด้วยหมอกสีขาว เมื่อความมืดมาสมทบ และถนนที่ถูกอาบไล้ไปด้วยสีแดงจากโคมไฟตลอดเส้น ก็ทำให้ได้บรรยากาศลึกลับชวนพิศวง หากใครอยากลองสัมผัสบรรยากาศเหมือนในภาพยนตร์ ลองแวะไปเที่ยว Juifen ในยามวิกาลดู แต่ระวังไว้นะ! อย่าเผลอหลุดเข้าไปในมิติวิญญาณเสียล่ะ เพราะงานนี้คงไม่มี ‘ฮาคุ’ โผล่มาช่วยแน่นอน
การเดินทางตามรอยแรงบันดาลใจเหล่านี้ไม่เพียงพาเราไปพบกับสถานที่จริงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวอันงดงาม แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ให้เห็นว่าทุกเมือง ทุกผู้คน และทุกภาพจำ ล้วนสามารถกลายเป็นต้นทางของความคิดสร้างสรรค์ได้เสมอ
ขอให้ทุกการเดินทางของคุณเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความสุข.
สร้างสรรค์โดย Jaruwan C. และ TK Park
อ้างอิง [1], [2], [3]