
ทั้งคำว่า "อ่าน" ในภาษาไทย และ "read" ในภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีความหมายจำกัดแค่การใช้สายตามองชุดอักษรให้รู้ความหมาย แต่ยังใช้ในบริบทที่ลุ่มลึกกว่านั้น เช่น อ่านปาก อ่านใจ อ่านสถานการณ์ ฯลฯ
อุทยานการเรียนรู้ TK Park เชื่อเสมอว่าการอ่านเป็นไปเพื่อการทำความเข้าใจ ทั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เราเข้าใจตนเอง แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมสู่การเข้าใจผู้อื่นและโลกกว้างได้อย่างลึกซึ้ง การอ่านจึงไม่ใช่กิจกรรมส่วนบุคคลเท่านั้น แต่เป็นช่องทางให้เราเรียนรู้ความหลากหลายทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต และแนวคิดของผู้คนจากหลายบริบท
ในปี 2568 นี้ TK Park ได้ริเริ่มจัดกิจกรรมเพื่อขยายขอบเขตการอ่าน และเปิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้วัฒนธรรมไร้พรมแดน ผ่านหนังสือ เรื่องเล่า ศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิต ทั้งจากประเทศใกล้ตัวและไกลออกไป จุดหมายปลายทางไม่ใช่เพียงการรู้จัก แต่คือการสัมผัสและซึมซับคุณค่าที่แท้จริงของวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเราอย่างลึกซึ้ง
บทความนี้เป็นการสรุปว่าช่วงปีที่ผ่านมา TK Park ออกแบบกิจกรรมและนำเสนออย่างไร เพื่อสะท้อนความตั้งใจว่า การเรียนรู้วัฒนธรรมไม่จำกัดเพียงการรับข้อมูลหรือชมสิ่งที่สวยงาม แต่เป็นการเปิดประสบการณ์ตรง เรียนรู้เชิงลึกทั้งบริบททางสังคม ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิต โดยไม่จำกัดขอบเขตของประเทศหรือภาษา

Read Iran: มากกว่าหนังสือคือชีวิต
งาน Read Iran: มากกว่าหนังสือคือชีวิต จัดโดยอุทยานการเรียนรู้ TK Park ร่วมกับ ศูนย์วัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–อิหร่าน กิจกรรมจัดขึ้นที่บริเวณ Idea Space ตลอดช่วงงาน (7–15 มิถุนายน 2568) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย


ส่วนนิทรรศการ นำเสนอทั้งหนังสือและงานศิลปะร่วมสมัยที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวเปอร์เซีย ตั้งแต่หนังสือหายากที่เก็บรักษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จนถึงงานศิลปกรรมร่วมสมัยที่สะท้อนเรื่องราวชีวิตประจำวัน ความเชื่อ และความงดงามของลวดลายดั้งเดิม กิจกรรมนี้เน้นการเปิดประสบการณ์ที่เข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน โดยไม่ได้จำกัดเพียงผู้ที่สนใจด้านวรรณกรรมหรือศิลปะเท่านั้น


กิจกรรมเวิร์กช็อประบายสีลวดลายเปอร์เซีย (7–8 มิถุนายน 2568) โดยศิลปิน ออราช เกรโรอิยาน เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ทดลองสร้างสรรค์ลวดลายแบบดั้งเดิมด้วยมือ ขณะที่กิจกรรม "รสชาติเปอร์เซีย" ในวันที่ 15 มิถุนายน 2568 นำเสนอชาและขนมแบบดั้งเดิม พร้อมเรื่องเล่าวัฒนธรรมอาหาร ช่วยให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจรากวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของอิหร่านในบริบทไทย
ภาพยนตร์อิหร่านคัดสรร 4 เรื่อง จัดฉายในวันที่ 7–8 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่ Dolphin Boys ภาพยนตร์แอนิเมชันสำหรับครอบครัวเรื่องราวเด็กชายที่รอดชีวิตจากเครื่องบินตกและเติบโตมากับฝูงปลาโลมา, Twenty One Days Later ดราม่าที่สะท้อนความพยายามของเด็กหนุ่มในการหาเงินรักษาแม่, Goodbye Shirazi Girl โรแมนติกคอเมดี้ของหญิงสาวในเมืองชีราซที่ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่หลังความรักพังทลาย และ In the Arms of the Tree ภาพยนตร์ดราม่าครอบครัวที่สะท้อนวิกฤตครอบครัวในหมู่บ้านเล็ก ๆ ของอิหร่าน

China Xperience: ยุคใหม่ มุมมองใหม่
งาน China Xperience: ยุคใหม่ มุมมองใหม่ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12–17 สิงหาคม 2568 เพื่อเฉลิมฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน เป็นเทศกาลที่นำเสนอวัฒนธรรมจีนร่วมสมัยในหลายมิติ กิจกรรมครอบคลุมทั้งงานเสวนา นิทรรศการ หนังสือ เวิร์กช็อป และบอร์ดเกม

งานเสวนาตลอดกิจกรรมนี้ นำเสนอโดยผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา และครอบคลุมทั้งด้านธุรกิจ ศิลปะ การศึกษา และสังคม วงเสวนาเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้เรื่องราวประสบการณ์ตรงของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับจีนร่วมสมัย ส่วนนิทรรศการ “China Xperience 50 Stories: Quiz Exhibition” ช่วยให้ผู้เข้าชมตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนร่วมสมัย และมุมจัดแสดงหนังสือ 50 เล่มที่เล่าความสัมพันธ์ไทย–จีน สะท้อนทั้งปรัชญา วรรณกรรม และประวัติศาสตร์การอยู่ร่วมกันของทั้งสองประเทศ

กิจกรรมแบบลงมือปฏิบัติ เช่น Chinese Tea Brewing Workshop และมุมบอร์ดเกม 10 เกมที่สมาคมบอร์ดเกมประเทศไทยคัดสรรมา ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสวัฒนธรรมจีนแบบหลากมิติ ทั้งผ่านการเรียนรู้การชงชาอย่างละเอียด และเกมที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์และแนวคิดแบบจีนร่วมสมัย

หนังสือจีน 3 เล่มสำคัญจากวงเสวนา
บนเวทีเสวนาของ China Xperience: ยุคใหม่ มุมมองใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริวรรณ วรชัยยุทธ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ รัชกฤช วงษ์วิลาศ อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดวงเสวนาเรื่อง “หนังสือจีน 3 เล่มสำคัญ ที่ส่งอิทธิพลต่อนักอ่านไทย” พาผู้เข้าร่วมเดินทางผ่านโลกหนังสือจีนที่ไม่เพียงเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมด้านวรรณกรรมและปรัชญา แต่ยังสะท้อนสังคม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตข้ามยุคสมัย บางเล่มเก่าแก่ บางเล่มเป็นหนังสือประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์การหลอมรวมวัฒนธรรมจีนในสังคมไทย
หนังสือสามเล่มที่ถูกยกขึ้นมา ได้แก่
1) เรื่องสั้นของหลู่ซวิ่น ผลงานสำคัญของวรรณกรรมสมัยใหม่จีน แปลโดยนักศึกษาสาขาภาษาจีน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 7 ถ่ายทอดชีวิตและเสียงของหลู่ซวิ่น นักเขียนคนสำคัญที่เติบโตในช่วงการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การต้องเห็นพ่อป่วยและต้องพึ่งพาการแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิม ทำให้เขาตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อในการรักษา วรรณกรรมของเขาเปรียบเปรยสังคมจีนยุคนั้นว่าเป็น “สังคมคนกินคน” เต็มไปด้วยความรุนแรงและความตายที่ไร้ความปราณี แม้อ่านยาก แต่เมื่อผู้อ่านเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จะสัมผัสถึงพลังและความลึกซึ้งของผลงาน

2) คัมภีร์เต้าเต๋อจิง โดย เหล่าจื่อ เป็นคัมภีร์ปรัชญาที่มีอิทธิพลต่อกษัตริย์ ขุนนาง นักปราชญ์ นักธุรกิจ และนักศึกษา หลายคนใช้เรียนรู้ ฝึกฝน และประยุกต์กับชีวิตประจำวันและการปกครองผู้อื่น เป็นหนึ่งในหนังสือที่ถูกแปลเป็นภาษาต่างประเทศมากที่สุด
เวอร์ชันที่วิทยากรทั้งสองแนะนำคือ เต้าเต๋อจิง วิถีแห่งเต๋า แปลโดย พจนา จันทรสันติ สำนักพิมพ์ Openbooks
3) สังคมจีนในประเทศไทย: ประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ โดย G. William Skinner เป็นหนังสือประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ที่เล่าการอพยพของชาวจีน การปรับตัวต่อบริบทการเมือง กฎหมาย และสังคมในไทย เป็นภาพสะท้อนของการเรียนรู้ ปรับตัว และความสัมพันธ์หลังจากการหลอมรวมวัฒนธรรมจีนเข้ากับสังคมไทย


TK Chat Walk: เรียนรู้จากชุมชน
TK Park ยังต่อยอดการเรียนรู้สู่พื้นที่ชุมชน ผ่าน TK Chat Walk กิจกรรมเรียนรู้รูปแบบทัวร์เดินเท้าที่ชวนทุกคนเดินไปคุยไป ที่ในปีนี้ ทีมงานของเราได้ออกแบบเส้นทางและเนื้อหาให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมจีนและเปอร์เซีย กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สำรวจชุมชน ศาสนสถาน และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างใกล้ชิด

ตัวอย่างเส้นทางเช่น เดินเยาวราชเวอร์ชันนักอ่านจีน (10 พฤษภาคม 2568) เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชาวจีน การผลิตหนังสือพิมพ์ภาษาจีน โรงเจบุญสมาคม โรงเรียนเผยอิง และตรอกต่าง ๆ ที่สะท้อนวิถีชีวิตชุมชน

เส้นทาง Following the Rose ตามรอยกุหลาบ (14 มิถุนายน 2568) ผู้เข้าร่วมได้สำรวจชุมชนเปอร์เซีย ตั้งแต่มัสยิดต้นสน กะดีใหญ่ กะดีเจริญพาศน์ เรือนพระยาราชานุประดิษฐ์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็น "ศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์ชุมชนธนบุรี" และสถานที่ฝังศพบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพื่อเรียนรู้รากวัฒนธรรมเปอร์เซียในไทย

และสำหรับเส้นทาง เดินตรอกร้อยชื่อ (16 สิงหาคม 2568) และ สารทจีน หลากจีน (กำหนดจัด 13 กันยายน 2568) ทีมงานพาผู้เข้าร่วมชมศาลเจ้ากวางตุ้ง ศาลเจ้าไต้ฮงกง วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) และตรอกตงเฮงโกย ตลอดจนโรงโสเภณีและแหล่งค้ากระดาษไหว้เจ้า เพื่อนำเสนอทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และพิธีกรรมของชุมชนจีนในไทย ตั้งแต่ศาลเจ้า โรงโสเภณี สถานที่ค้ากระดาษไหว้เจ้า วัด และพิธีไหว้บรรพบุรุษในเทศกาลสารทจีน กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมเห็นภาพรวมของวิถีชีวิตชุมชนและการปรับตัวของผู้คนต่อบริบททางสังคม

บทเรียนและแนวคิดเบื้องหลัง
กิจกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการเรียนรู้วัฒนธรรมไม่ใช่เพียงการรับข้อมูล แต่เป็นการเข้าใจเชิงลึกทั้งประวัติศาสตร์ สังคม และวิถีชีวิต วัฒนธรรมเปอร์เซียฝังรากลึกในไทยผ่านอาหาร ชื่อย่าน และวิถีชีวิต ขณะที่วัฒนธรรมจีนปรากฏชัดเจนผ่านชุมชนและการอพยพ ทั้งสองวัฒนธรรมมีเอกลักษณ์ด้านวรรณกรรม ปรัชญา และความรู้ที่สะท้อนรากฐานเชิงลึก จนส่งผลสืบมาถึงความเป็นไปในโลกร่วมสมัย

เมื่อความรู้ถือกำเนิดขึ้นโดยมนุษย์ และส่งต่อผ่านมนุษย์ที่พบเจอเรื่องราวและประสบการณ์ต่างกัน การเรียนรู้แบบเชื่อมผ่านหลากหลายสื่อ ศาสตร์ ศิลป์ และก้าวข้ามพรมแดนประเทศ จึงมีความสำคัญ กิจกรรมทั้งหมดจึงเน้นให้ผู้เข้าร่วมสัมผัสวัฒนธรรมด้วยตัวเอง เรียนรู้ผ่านหนังสือ งานศิลป์ ภาพยนตร์ เวิร์กช็อป และการเดินชุมชน ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจต่อผู้อื่น สังคม และโลกกว้างอย่างแท้จริง
ทั้งหมดนี้สะท้อนความตั้งใจของ TK Park ที่มุ่งให้การอ่านเป็นสะพานสู่ความเข้าใจข้ามวัฒนธรรม เปิดโลกทัศน์ และสร้างความเข้าใจต่อผู้อื่นและสังคมอย่างลึกซึ้ง



