
ในยุคนี้ หลายคนเริ่มคุ้นชินแล้วกับภาพนักแสดงรำไทยสวมใส่ชุดลำลอง บนเวทีที่ไม่มีการประกอบฉาก ไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีการบรรเลงปี่พาทย์ แต่เป็นการแสดงจริง ไม่ใช่การซ้อม มีผู้คนเฝ้ารอรับชม ซึมซับความประทับใจ และก่อเกิดบนสนทนาที่ลื่นไหลมาแล้วเกินกว่าทศวรรษ
ความพยายามของ พิเชษฐ กลั่นชื่น ศิลปินรางวัลศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดง ผู้ก่อตั้งพิเชษฐ กลั่นชื่น แดนซ์ คอมพานี ค่อย ๆ ปรับความเข้าใจ ชวนผู้คนกะเทาะเปลือกนอกและสำรวจแก่นแท้ของศิลปะการแสดงแบบไทยมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้เดินทางสู่เรื่องราวบทใหม่ ที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามาเรียนรู้และตอบสนอง ปรากฏเป็นภาพนักแสดงรำไทยสวมใส่ชุดลำลอง ขึ้นเวทีแสดงพร้อมจอภาพขนาดใหญ่เบื้องหลังที่ฉายภาพกราฟิกหุ่นจำลองเรียบง่าย เสียงบรรยายคล้ายหุ่นยนต์ในภาพยนตร์ไซไฟ (sci-fi) ที่หลายคนอาจเคยได้รับชมบนเวทีต่าง ๆ

งาน AI x Culture Symposium โดย MIT Media Lab, Creatorsgarten, พิเชษฐ กลั่นชื่น แดนซ์ คอมพานี (Pichet Klunchun Dance Company) และอุทยานการเรียนรู้ TK Park ซึ่งจัดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมาในวาระครบรอบ 20 ปีของ TK Park เปิดโอกาสให้ผู้คนได้สำรวจจุดตัดระหว่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) และวัฒนธรรม ผ่านการแสดง การสนทนา และกิจกรรมสาธิต เพื่อค้นหาความเป็นไปได้ของการอนุรักษ์และวิวัฒน์วัฒนธรรมไทยด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตั้งแต่นาฏศิลป์ไปจนถึงดนตรี ว่าเราจะใช้เทคโนโลยีและ AI ในการพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมให้ร่วมสมัยและส่งต่อสู่อนาคตได้อย่างไร
งานนี้ไม่เพียงแต่ลบภาพการอนุรักษ์ขนบประเพณีและความทรงจำเก่า ๆ ในวิธีเดิม ที่มักว่ายเวียนอยู่กับการรวบรวม ปิดผนึกไว้ในพิพิธภัณฑ์ ตรวจตราและเฝ้าระวังสิ่งที่บิดเบือน แต่ยังยื่นข้อเสนอและชวนจินตนาการถึงความเป็นไปได้ใหม่ด้วยว่า วัฒนธรรมสามารถเฉิดฉาย มีชีวิตชีวา เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในสังคมและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ เพราะการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมและเทคโนโลยีจะเป็นมากกว่าการเก็บรักษา มันอาจนำไปสู่จินตนาการใหม่ ๆ ที่เชื่อมต่ออดีตกับอนาคตในวิถีที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน

บนเวทีนี้ พัทน์ ภัทรานุธาพร จาก MIT Media Lab และพิเชษฐ กลั่นชื่น ศิลปินรางวัลศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดง ได้เสนอแนวคิดที่น่าท้าทายนี้ในการเสวนา โดยเน้นว่าวัฒนธรรมสามารถเคลื่อนไหว ปรับตัว และมีพลังสร้างสรรค์ที่ไม่สิ้นสุด การถอดรหัสอดีตและออกแบบอนาคตของศิลปะวัฒนธรรมไทยจึงไม่ใช่เพียงแค่การรักษารากเหง้า แต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้กับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่เทคโนโลยีสามารถเข้ามาขับเคลื่อนได้
K-pop ผลผลิตแห่งจินตนาการ
พัทน์มองว่าเกาหลีใต้คือตัวอย่างที่น่าสนใจในการใช้วัฒนธรรมเพื่อผลักดันสู่อนาคต ด้วยการผสมผสานรากฐานจากอดีตเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือดนตรีเคป๊อป (K-pop) ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการได้รับอิทธิพลจากดนตรีตะวันตก โดยเฉพาะแนวเพลงคอรัลมิวสิค (choral music) และแบล็คคัลเจอร์ (black culture) ในช่วงหลังสงครามเกาหลี ศิลปินเกาหลีได้ดัดแปลงและผสมผสานแนวทางดนตรีเหล่านี้เข้ากับกลิ่นอายและสุนทรียะแบบตะวันออก จนเกิดเป็นแนวดนตรีที่มีเอกลักษณ์และสามารถกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ส่งผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมทั่วโลก

ศิลปะ เครื่องมือเพื่อเปลี่ยนแปลงและปลดปล่อย
ในหัวข้อนี้ พัทน์ได้กล่าวถึงตัวอย่างจากวัฒนธรรมอื่นที่มีการใช้ศิลปะเพื่อสะท้อนและปลดปล่อยจากอดีตที่โหดร้าย วัฒนธรรมผิวสีในอเมริกา เช่น การพัฒนาดนตรีแจ๊ส บลูส์ และการเต้นฮิปฮอป เป็นการแสดงออกถึงจิตวิญญาณที่ได้รับการปลดปล่อยจากการกดขี่ และตัวอย่างล่าสุด ภาพยนตร์เรื่อง Black Panther ยังสะท้อนแนวคิด "Afrofuturism" ซึ่งเป็นการใช้วัฒนธรรมในการจินตนาการถึงอนาคตที่ผู้คนผิวสีมีบทบาทสำคัญในเทคโนโลยีและความเป็นผู้นำระดับโลก วัฒนธรรมจึงไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การเก็บรักษาประวัติศาสตร์ แต่เป็นเครื่องมือในการจำลองสถานการณ์อนาคตที่ดีกว่า โดยใช้ความทรงจำทางประวัติศาสตร์เป็นฐานให้กับจินตนาการถึงเส้นทางใหม่
เช่นเดียวกัน พิเชษฐยกตัวอย่างถึงศิลปะการแสดงลิเกของไทย ที่แม้ไม่ใช่วัฒนธรรมชั้นสูง แต่มีการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีและยุคสมัยมากขึ้น โดยการแสดงลิเกในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโรงละครเฉพาะทาง แต่สามารถจัดแสดงในวัดหรือสถานที่ชุมชนทั่วไปได้ โดยใช้อุปกรณ์เสียงและแสงที่ทันสมัย ซึ่งช่วยให้ลิเกสามารถคงอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนได้อย่างมีชีวิตชีวา

วัฒนธรรมท้องถิ่นและภูมิปัญญาในโลกเทคโนโลยี
พัทน์ยกตัวอย่างการสร้างสะพานในอินเดียที่น่าสนใจมาก สะพานนี้ไม่ใช่สิ่งที่สร้างจากวัสดุสังเคราะห์ แต่เกิดจากการใช้ต้นไม้ที่ยังมีชีวิตดัดให้เป็นโครงสร้าง สะพานนี้จะเติบโตไปตามธรรมชาติ กลายเป็นตัวอย่างเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Sustainable Architecture) ซึ่งสะท้อนถึงการเชื่อมโยงระหว่างภูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคโนโลยีร่วมสมัยอย่างลงตัว
สำหรับประเทศไทยเอง บ้านทรงไทยที่ยกพื้นสูงเพื่อรับมือกับน้ำท่วมและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการผสานภูมิปัญญาเข้ากับเทคโนโลยี แม้ว่าในปัจจุบันบ้านโมเดิร์นอาจเผชิญปัญหาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมมากขึ้น แต่ภูมิปัญญาเหล่านี้ยังคงมีคุณค่าในบริบทสมัยใหม่ เพียงแค่ยังต้องมีการรวบรวม ขบคิด และมองหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ จากภูมิปัญญาเดิม

บันทึกวัฒนธรรมด้วยเทคโนโลยี
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่พิเชฐได้กล่าวถึงคือ เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการบันทึกและถ่ายทอดวัฒนธรรมให้คงอยู่ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น กล้องถ่ายรูปและวิดีโอเป็นเครื่องมือที่ช่วยเก็บรักษาศิลปะการแสดงและวัฒนธรรมที่อาจสูญหายไปตามกาลเวลา
ย้อนกลับไปในยุครัชกาลที่ 6 การถ่ายภาพเริ่มเข้ามามีบทบาทในการบันทึกวัฒนธรรมไทย ภาพถ่ายการแสดงนาฏศิลป์และการแต่งกายแบบไทยในยุคนั้นเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยให้คนรุ่นหลังเข้าใจวัฒนธรรมได้อย่างลึกซึ้งขึ้น ก่อนหน้าที่จะมีกล้องถ่ายรูป การบันทึกท่ารำและศิลปะต่าง ๆ จะถูกจดไว้ในสมุดไม้ไผ่หรือสมุดใบลานที่อาจคลาดเคลื่อนและเลือนหาย แต่เมื่อเทคโนโลยีกล้องถ่ายรูปเข้ามา ศิลปะเหล่านี้ก็สามารถถูกเก็บรักษาและถ่ายทอดต่อไปอย่างมีมาตรฐานมากขึ้น ปัจจุบันการบันทึกแบบดิจิทัลยังช่วยให้การถ่ายทอดศิลปะวัฒนธรรมเป็นไปอย่างสะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการรวบรวมท่วงท่ารำไทยจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการทั้งหมดนี้ เพื่อทำให้ปัญญาประดิษฐ์ได้รู้จัก ประมวลผล และมองหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ มานำเสนอ และโต้ตอบกับมนุษย์เพื่อให้เกิดการวิวัฒน์ในการเคลื่อนไหว
นอกจากนี้ ระบบการศึกษาและสังคมยังต้องมีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้วัฒนธรรมและเทคโนโลยีเติบโตไปพร้อมกัน โดยไม่ควรมีข้อจำกัดที่ทำให้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูญหาย พัทน์ได้ชี้ให้เห็นว่า ระบบการศึกษาที่เข้มงวดเกินไปในประเทศไทยอาจทำให้ศิลปะและวัฒนธรรมบางส่วนไม่สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้ การปรับปรุงระบบการเรียนการสอนให้เปิดกว้างต่อความคิดสร้างสรรค์จึงจำเป็นมาก

วิวัฒน์วัฒนธรรมคือทางรอด
ท้ายที่สุดแล้ว วัฒนธรรมไม่ใช่แค่เรื่องของอดีต ไม่ใช่จุดสว่างไสวเรืองรองที่อยู่ดี ๆ ก็เกิดขึ้นจนกลายเป็นความดีงามที่ต้องรักษาไว้ในสภาพเดิม แต่เป็นสิ่งที่ปรับ เปลี่ยน แปลงร่างอย่างต่อเนื่องตามวิกฤตและโอกาส เช่นกัน เทคโนโลยีก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องตอบโจทย์เฉพาะอนาคต ทั้งสองอย่างสามารถเชื่อมโยงกันเพื่อสร้างจินตนาการใหม่ ๆ ที่จะกรุยทางให้เราไปข้างหน้าได้ การผสานนี้ทำให้เรามองเห็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลง โดยไม่ถูกจำกัดอยู่กับกรอบเดิมของประวัติศาสตร์และสภาพแวดล้อม การใช้เทคโนโลยีเพื่อเก็บรักษาและต่อยอดวัฒนธรรมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสังคมที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม
ติดตามบันทึกจากกิจกรรมน่าจดจำครึ่งปีแรกของอุทยานการเรียนรู้ TK Park ได้ที่เว็บไซต์ tkpark.or.th/tha/articles ได้ตลอดเดือนสิงหาคมนี้





