TK Mobile Library หนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง กิจกรรมส่งมอบความสุขไปยังนอกสถานที่ ณ ชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม ได้เดินทางมาสู่สัปดาห์สุดท้ายแล้ว กับหัวข้อกิจกรรม “หนังสือมีชีวิต สร้างชีวิตให้หนังสือ” โดยความร่วมมืออันดีมาตลอดทุกสัปดาห์ระหว่างอุทยานการเรียนรู้ TK park และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันนี้เป็นวันที่ 2 กรกฎาคม 2554 ซึ่งเป็นวันกิจกรรมวันสุดท้าย เรียกได้ว่าใจหายกันทั้งพี่ๆ ทีมงานและน้องๆ กันเลยทีเดียว บรรยากาศในวันนี้จึงอบอุ่นมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้หวนไปนึกถึงสัปดาห์แรกๆ เมื่อเริ่มทำความรู้จักกันใหม่ๆ ที่น้องๆ มีอาการขวยเขินบ้างเป็นธรรมดา แต่ในสัปดาห์สุดท้ายนี้ อาการเหล่านั้นแทบไม่มีให้เห็นเลย มีแต่ความสนิทสนมใกล้ชิดเป็นกันเอง
![WatPathum-D1.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/00091e.jpg)
นกเปลี่ยนรัง
เริ่มต้นกิจกรรมแรกด้วยเกมนกเปลี่ยนรัง ที่ช่วยฝึกทักษะให้น้องๆ มีไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า กติกาคือให้น้องๆ กลุ่มหนึ่งจับมือกันเป็นรัง ส่วนน้องๆ อีกกลุ่มเป็นนก เมื่อพี่ๆ สั่งว่ารังหนึ่งรังจะมีนกกี่ตัว หรือให้เปลี่ยนจากรังกลายเป็นนก หรือนกกลายเป็นรัง ก็ปฏิบัติตามนั้น หากใครไม่มีรังจะอยู่ก็ต้องออกไปนั่งพักข้างๆ ทำอย่างนี้เรื่อยไปจนเหลือน้องคนสุดท้าย ก็ได้รับรางวัลจากพี่ๆ ไป หลังเล่นเกมนี้จบน้องๆ จึงได้ทั้งเหงื่อและความสนุกสนานแบบเต็มเปี่ยมจริงๆ
กิจกรรมต่อมาจึงชวนน้องๆ มาพักเหนื่อยด้วยการฟังนิทานจากพี่ๆ ถึง 5 เรื่องรวด เรื่องแรกคือเรื่อง กระดุ๊กกระดิ๊ก กระด๊อกกระแด๊ก เรื่องโดย เกริก ยุ้นพันธ์ ภาพโดย ปรีดา ปัญญาจันทร์ และ ชีวัน วิสาสะ เล่าเรื่องราวของยายเช้าที่เวลาหาวชอบอ้าปากกว้าง ตั๊กแตนตัวหนึ่งจึงบินเข้าไปในปาก ยายเช้าจึงกลืนนก แมว หมา เสือ และ ช้าง เข้าไปเป็นทอดๆ เพื่อจะได้ทำให้ตั๊กแตนตาย แต่สัตว์ทั้งหลายก็ไม่ตาย สุดท้ายยายเช้าจึงดื่มน้ำเข้าไป สัตว์ทั้งหลายจึงออกมาจากท้องของยายเช้า นิทานเรื่องนี้สอนให้น้องๆ รู้จักปิดปากเวลาหาว มิเช่นนั้นตั๊กแตนอาจเข้าไปอยู่ในท้องเหมือนยายเช้า
![WatPathum-D2.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/00091f.jpg)
พาเหรดเล่านิทาน 5 เรื่อง
เรื่องที่สองคือเรื่อง พ่อแม่มือใหม่กับไข่ 5 ฟอง เรื่องและภาพโดย วิภาวี ฉกาจทรงศักดิ์ เล่าเรื่องราวของคุณพ่อคุณแม่จระเข้มือใหม่ที่กำลังเตรียมตัวเลี้ยงลูกๆ ที่กำลังเกิดมาทั้ง 5 ตัว ทั้งสองต้องคอยเลี้ยงดูลูกๆ ที่กำลังเกิดมาที่ละตัวๆ จนกระทั่งตัวสุดท้าย เพื่อให้ลูกๆ ทั้งหมดที่เกิดมามีความสุข นิทานเรื่องให้ความรู้สึกยามที่คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูน้องๆ ด้วยความรักและความห่วงใย
เรื่องที่สามคือเรื่อง กระต่ายน้อยแสนซนบนดวงจันทร์ เรื่องโดย รศ.กุลวรา ชูพงศ์ไพโรจน์ ภาพโดย ชาตรี ศรีพลแผ้ว เล่าเรื่องราวของดินสอสีรุ้งที่พาสัตว์ตัวน้อยออกไปเที่ยวบนท้องฟ้าอย่างสนุกสนาน แต่เมื่อถึงเวลากลับกระต่ายน้อยไปเล่นไกลเกินไป จึงไม่ได้ยินเสียงนกหวีดของดินสอสีรุ้ง ทำให้ต้องค้างอยู่บนท้องฟ้า พระจันทร์จึงชวนกระต่ายน้อยไปพักอยู่บนนั้นหนึ่งคืน ก่อนจะกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น นิทานเรื่องนี้เป็นข้อคิดเตือนใจให้น้องๆ รู้จักเล่นให้อยู่ในขอบเขต ไม่ดื้อเล่นไกลเกินไป เพราะอาจทำให้หลงทางได้
เรื่องที่สี่คือเรื่อง จระเข้ยิ้มแฉ่ง เรื่องและภาพโดย อัน วรอมเบาต์ เล่าเรื่องราวของจระเข้คลาราเบลล่าที่มัวแต่แปรงฟันทีละซี่ๆ เพราะแปรงสีฟันมีขนาดเล็ก ทำให้เพื่อนๆ สัตว์ตัวอื่นเล่นกันจนจะเข้านอนแล้ว คลาราเบลล่าเพิ่งจะแปรงฟันเสร็จ เพื่อนๆ จึงมอบแปรงสีฟันจระเข้อันใหญ่ให้เธอ จะได้มีเวลามาเล่นกัน นิทานเรื่องนี้สอนให้น้องๆ รู้จักทำภารกิจส่วนตัวให้เสร็จก่อนจึงจะสามารถออกไปเล่นได้
เรื่องสุดท้ายคือเรื่อง พระจันทร์อยากมีเพื่อน เรื่องและภาพโดย ปรีดา ปัญญาจันทร์ เล่าเรื่องราวของพระจันทร์ที่อยากมีเพื่อน เพราะเมื่อถึงเวลากลางคืนสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกก็หลับใหลกันหมดแล้ว พระอาทิตย์จึงบอกให้พระจันทร์มาทำงานทุกวัน พระจันทร์จึงขับยานอวกาศมาบนโลกเพื่อหาคำตอบ แต่ก็ถูกสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่พอใจและทำลายยานอวกาศแหว่งไปเรื่อยๆ จนในที่สุดยานอวกาศจึงกลายเป็นรูปดาว ปลาดาวเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพื่อนเล่น พระจันทร์จึงชวนปลาดาวขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า พระจันทร์จึงไม่เหงาอีกต่อไป นิทานเรื่องนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นของมิตรภาพระหว่างเพื่อน ซึ่งหาไม่ยากเลย หากลองสังเกตหาสักนิด
![WatPathum-D3.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/000920.jpg)
แย่งกันตอบคำถาม
หลังจากที่ฟังจบในแต่ละเรื่อง พี่ๆ ก็มีคำถามมาถามน้องๆ กันอีกด้วย ถ้าใครตอบได้ถูกต้องและเร็วที่สุดก็จะได้รับสติ๊กเกอร์ความดี และน้องๆ ก็ไม่ทำให้พี่ๆ ผิดหวัง เพราะตอบกันได้ทุกคำถาม ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วในการสะสมสติ๊กเกอร์ความดี ต้องมาร่วมลุ้นในช่วงสุดท้ายของกิจกรรมในวันนี้ว่าน้องคนเก่งคนไหนจะได้รับรางวัลไป
![WatPathum-D4.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/000921.jpg)
ร่วมกันแต่งนิทาน
คั่นเวลากิจกรรมด้วยการพักดื่มน้ำและขนมแสนอร่อย ก่อนจะมาต่อด้วยกิจกรรมสุดท้ายจริงๆ กันแล้ว พี่ๆ ได้แบ่งน้องๆ ออกเป็นกลุ่มเด็กเล็กกับเด็กโตเช่นเคย เพื่อความเหมาะสมของกิจกรรมที่ทำ ซึ่งกลุ่มเด็กโตก็ได้รับมอบหมายให้แต่งนิทานกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้แต่งกันเฉยๆ น้องๆ ยังต้องแต่งบทสนทนาเพื่อนำมาแสดงเป็นละครนิทานกันอีกด้วย ความสามารถในทุกๆ ด้านที่สะสมมาตั้งแต่สัปดาห์แรกก็ได้นำมาแสดงผลงานกันในวันสุดท้ายของกิจกรรม ทันทีที่ได้รับคำสั่งน้องๆ จึงแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่เพื่อรวมกันเสนอความคิดกันอย่างตั้งใจ
![WatPathum-D5.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/000922.jpg)
เล่านิทานให้ฟังแบบตัวต่อตัว
ทางด้านกลุ่มเด็กเล็กๆ ก็ได้รับฟังนิทานตามใจอยาก พี่ๆ ทีมงานก็เลือกเล่าให้น้องๆ ฟังกันแบบตัวต่อตัวเลยทีเดียว ในเวลาเดียวกันกลุ่มเด็กโตก็กำลังเค้นความคิดในการแต่งนิทานกันอย่างขะมักเขม้น บางกลุ่มก็เริ่มแต่งได้เป็นเรื่องแล้ว แต่บางกลุ่มก็ยังพยายามวางโครงเรื่องอยู่ แต่เวลาอีกไม่นานต่อมาน้องๆ ทุกกลุ่มก็เริ่มซ้อมละครกันแล้ว ที่ทำให้พี่ๆ ได้เห็นถึงความตั้งใจในการทำกิจกรรมครั้งนี้สุดท้ายนี้
เมื่อถึงกำหนดเวลา น้องๆ แต่ละกลุ่มก็พร้อมกันแล้ว เริ่มต้นด้วยกลุ่มแรกกับนิทานเรื่อง เจ้าหญิงกับเจ้าชาย บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าหญิงองค์หนึ่งที่หลงทางอยู่ในป่า จึงร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าชาย พอดีแม่มดมาเห็นเข้าจึงเสกให้เจ้าหญิงกลายเป็นแมว และตนเองก็แปลงกายเป็นเจ้าหญิงเพื่อไปหาเจ้าชาย แต่เจ้าชายรู้ทันจึงจับแมวตัวนั้นมาจูบ เจ้าหญิงจึงกลับร่างมาดังเดิม ส่วนเจ้าหญิงตัวปลอมก็กลายเป็นกบไป นิทานเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของน้องๆ ที่นำนิทานดั้งเดิมมาดัดแปลงได้อย่างสนุกสนาน การแสดงก็แสดงได้อย่างสมบทบาทไม่มีการเคอะเขินกันเลย
![WatPathum-D6.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/000923.jpg)
แสดงกันถึงบทบาท
กลุ่มที่สองออกมาแสดงนิทานเรื่อง สโนวไวท์ บอกเล่าเรื่องราวของแม่มดนางหนึ่งที่อิจฉาความสวยของสโนวไวท์จึงแปลงร่างเป็นคนแก่เพื่อกำจัดเธอที่บ้าน แต่บังเอิญคนแคระตัวจริงกลับมาพอดีแม่มดจึงไม่มีโอกาส และพยายามจะหาโอกาสกำจัดเธออีกหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุดสโนวไวท์ก็ได้แต่งงานกับเจ้าชาย แม่มดจึงเป็นบ้าและตายไปในที่สุด นิทานเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น้องๆ รู้จักนำต้นฉบับที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงให้เป็นรูปแบบของตนเองได้อย่างสร้างสรรค์ แสดงให้ถึงการคิดวิเคราะห์ตีความใจความสำคัญของเรื่องและหยิบประเด็นต่างๆ มาเรียบเรียงใหม่ การแสดงก็ทำได้อย่างสนุกสนานเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนได้ดี
![WatPathum-D7.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/000924.jpg)
สวมบทบาทเป็นนก
กลุ่มที่สามมากับนิทานเรื่อง นกเจ้าปัญญา บอกเล่าเรื่องราวของนกอ๋องเชนที่พยายามจะซื้อต้นไม้ที่เป็นรังของนกเจี๊ยบ แต่มันไม่ยอมขายให้ นกอ๋องเชนจึงไม่พอใจอย่างมาก วันรุ่งขึ้นจึงได้พานกตุ้มตุ่ยไปทำลายรังของนกเจี๊ยบ ระหว่างที่ทั้งสองบินไปอยู่นั้น นกเจี๊ยบเห็นเข้าพอดีจึงรีบบินกลับรังและเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง มันจึงเขียนชื่อไว้ว่าเป็นรังของตนเอง นกอ๋องเชนและนกตุ้มตุ่ยเข้าใจผิดจึงเข้าไปทำลายรังนกนั้น นกอินทรีเจ้าของรังมาเห็นเข้าจึงบินไล่จิกทั้งสองหนีไป นกเจี๊ยบจึงกลับมาอยู่ที่รังของตนเองอย่างมีความสุข ต้องปรบมือดังๆ ให้กับนิทานเรื่องนี้ที่ถึงแม้การแสดงจะแข็งๆ ไปบ้างก็ตาม แต่น้องกลุ่มนี้สามารถแต่งนิทานขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทั้งแง่คิดและการดำเนินเรื่องมีความสมบูรณ์แบบ แสดงความสามารถด้านการประพันธ์ได้ไม่น้อยหน้านักแต่งนิทานมืออาชีพเลยทีเดียว
กลุ่มสุดท้ายมาแสดงปิดท้ายด้วยนิทานเรื่อง นางฟ้าผู้แสนใจดี บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าหญิงสององค์ที่อยู่ในวังด้วยความเบื่อหน่าย ทันใดนั้นก็มีนางฟ้าองค์หนึ่งมาชวนไปเที่ยวบนท้องฟ้า พอขึ้นไปข้างบนทั้งสองก็กลัวความสูง นางฟ้าจึงพาลงไปเดินข้างล่าง ปรากฏว่ามีแต่คนเดินชนอีก ทั้งสองจึงขอร้องให้นางฟ้าพากลับวังเหมือนเดิม นิทานเรื่องนี้ดูเหมือนจะมีพล็อตง่ายๆ แต่กลับให้แง่คิดดีทีเดียว ที่กล่าวถึงความไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี สุดท้ายสิ่งที่มีอยู่แล้วก็ให้ความสุขกับเราได้มากที่สุด เมื่อมองข้ามการแสดงที่อาจตะกุกตะกักไปบ้าง ก็ต้องยกนิ้วให้กับการแต่งเรื่องที่เรียบง่ายแต่ยอดเยี่ยมจริงๆ
![WatPathum-D8.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/000925.jpg)
โฉมหน้าน้องผู้ได้รางวัลสติ๊กเกอร์ความดีมากที่สุด
หลังการแสดงอันแสนประทับใจจบลง เพื่อนๆ แต่ละกลุ่มก็มีคำถามมากันเช่นเคย ใครตอบได้ก็รับสติ๊กเกอร์ความดีไปสะสมในช่วงสุดท้าย และพี่ๆ ก็มีรางวัลที่มอบให้กับกลุ่มที่มีมารยาทดีตั้งแต่ตอนฝึกซ้อมไปจนถึงการแสดง ซึ่งรางวัลก็ตกเป็นของกลุ่ม สโนวไวท์ นั่นเอง โดยรางวัลก็คือบัตรสมาชิก TK park ให้น้องๆ ได้ไปเรียนรู้กับต่อยังอุทยานการเรียนรู้ TK park ถึงหนึ่งปีเต็ม นอกจากนั้นยังมีรางวัลป๊อปปูล่าร์โหวตจากพี่ๆ ทีมงาน ที่มอบให้กับน้องๆ ที่มีความประพฤติดีตั้งแต่สัปดาห์แรกจนถึงสัปดาห์สุดท้าย ซึ่งก็ได้น้องคนดีคนเก่งมาถึง 3 คนเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีรางวัลพิเศษให้กับน้องที่เก็บเงินได้และนำไปคืนเจ้าของอีกด้วย และก็มาถึงรางวัลที่น้องๆ หลายคนรอคอยนั่นคือรางวัลสติ๊กเกอร์ความดีที่เก็บสะสมในป้ายชื่อมาตั้งแต่สัปดาห์แรก ใครทำดีอย่างไรก็สะสมมาเรื่อยๆ จนได้ผู้ที่เก็บได้มากที่สุดถึง 2 อันดับ ซึ่งมีจำนวนถึง 21 และ 23 ดวง ก็ได้รับของรางวัลเป็นชุดเครื่องเขียนน่ารักๆ พร้อมด้วยบัตรสมาชิก TK park กลับบ้านไปเลย
![WatPathum-D9.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/000926.jpg)
บอกเล่าความทรงจำดีๆ ก่อนจาก
เสร็จสิ้นจากการมอบรางวัลก็มาถึงช่วงสุดท้ายของกิจกรรมการเดินทางมอบความรู้นอกสถานที่ของพลพรรคความรู้กันแล้ว พี่ๆ ได้ถามความรู้สึกของน้องๆ ว่าได้อะไรกลับไปบ้างจากกิจกรรมทั้งหมดที่ทำกันมา เมื่อรวมๆ จากเสียงหลายเสียงของน้องๆ ก็ได้ใจความเดียวกันว่าทำให้รักหนังสือและรักการอ่านมากขึ้น ซึ่งนิทานที่พี่ๆ เล่าให้ฟังและให้ยืมกลับไปบ้านนั้นมีส่วนอย่างมาก กิจกรรมประดิษฐ์ของเล่นต่างๆ ก็ทำให้น้องๆ เห็นคุณค่าของสิ่งเหลือใช้มากขึ้น และการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ ก็ได้เรียนรู้จักคำว่าสามัคคี ได้ฟังความคิดเห็นของเพื่อน ได้แสดงความสามารถของตนเองทั้งการคิดและการลงมือทำอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นก็คือช่วงเวลาดีๆ ที่พี่ๆ มอบความสุขให้กับน้องๆ ด้วยความเต็มใจ
ก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจการมอบความสุขของพลพรรคความรู้ TK Mobile Library หนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง ที่เดินทางไปยังชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม เมื่อถึงเวลาจากกันไปในวันนี้ ความผูกพันที่เกิดขึ้นตลอด 5 สัปดาห์เต็มก็ได้กลายเป็นความทรงดีๆ ที่เชื่อว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีทางลืมเลือนได้อย่างแน่นอน
วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย