10 วิธีที่ทำให้อ่านได้เยอะและอ่านอย่างมีความสุข
1.อ่าน: แน่ นอนอยู่แล้วว่าการจะอ่านให้ได้มากและมีความสุขก็ต้องเริ่มจากการอ่านก่อน ถ้าคุณอยากอ่านแต่ดันรู้ตัวว่าการอ่านไม่ใช่สิ่งน่าอภิรมย์ที่สุดในชีวิต การบังคับตัวเองในช่วงแรกๆ ถือว่าจำเป็น ลองตั้งเป้าหมายว่าสัปดาห์นี้หรือเดือนนี้จะอ่านกี่เล่มดี การเลือกหนังสือที่มีหัวข้อน่าสนใจไปจนถึงปกที่ดึงดูดสายตาก็จะช่วยได้อีก ทางหนึ่ง เพราะปกสวยๆ ย่อมเรียกร้องให้เราเปิดอ่านข้างในอยู่ตลอดเวลา
2.อ่านให้กว้าง: เหตุผล หนึ่งที่คนอ่านหนังสือน้อยเพราะอ่านไม่กว้างพอ ไม่ว่าคุณจะสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากแค่ไหน สักวันมันก็ต้องหมดความท้าทายอยู่ดี ดังนั้น จึงควรอ่านให้กว้างขวาง ครอบคลุมหัวข้อหลากหลาย เรื่องจริง เรื่องแต่ง ศาสนา ชีววิทยา เหตุการณ์ปัจจุบัน ไปจนถึงประวัติศาสตร์ มันสำคัญมากที่คุณจะโฟกัสเรื่องที่สนใจจริงๆ แต่การเพิ่มความหลากหลายให้อาหารสมองก็สำคัญไม่แพ้กัน
3.รู้จักเลือกหนังสือ: คล้ายๆ กับข้อข้างบน คือเลือกอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ พยายามแบ่งหนังสือที่คุณคิดว่าตัวเองควรอ่านออกเป็นประเภทๆ แต่ต้องตรวจสอบตัวเองว่าอ่านครบทุกประเภทอย่างสม่ำเสมอตามที่แบ่งไว้หรือไม่ ในหนังสือแต่ละประเภทที่แบ่งไว้ คุณควรวางแผนว่าอ่านเล่มนี้จบจะอ่านเล่มไหนต่อด้วย เพราะการทำแบบนี้จะช่วยกระตุ้นให้คุณอ่านเล่มเก่าจบเร็วขึ้นไปอีก
4.ตอบโต้กับนักเขียน: หากมีคำถามที่ไม่เข้าใจนักเขียน คุณอาจจะโน้ตไว้ และหากอ่านจบแล้วยังไม่ได้คำตอบที่น่าพึงพอใจก็ควรอ่านอีกรอบ หรือแม้แต่ติดต่อนักเขียนโดยตรงเลยก็ได้
5.รู้ทันเล่ห์กลหนังสือ: หนังสือมีพลังในด้านบวกเยอะ แต่ก็สามารถกระตุ้นให้ผู้อ่านทำสิ่งเลวร้ายได้เช่นกัน คนมากมายชีวิตเปลี่ยนเพราะหนังสือ และอีกมากที่ชีวิตพังเพราะหนังสือ เพราะฉะนั้น คุณต้องอ่านอย่างรู้เท่าทันมัน โดยเฉพาะหนังสือที่ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม ลองหาข้อมูลอ้างอิงเปรียบเทียบกับสิ่งที่อยู่ในหนังสือเสมอ อย่างไรเสีย คุณก็ไม่ควรกลัวการอ่านหนังสือแย่ๆ ไปเลย แต่ควรอ่านมันอย่างมีเหตุผลมากกว่า
6.อ่านหนังสือหนัก: การอ่านหนังสือเล่มหนาเตอะหรือหนังสือที่มีหลายตอนต่อกันดูเป็นเรื่องน่า กลัว แต่จงจำไว้ว่าคุณจะเติบโตได้ก็เพราะหนังสือพวกนี้นี่แหละ ลองหาหนังสือหนาๆ เนื้อหาหนักๆ อย่างเชิงเทววิทยามาอ่านเป็นระยะๆ นานเข้าคุณจะเริ่มเห็นผลเองว่ามันมีประโยชน์
7.อ่านหนังสือเบา: หนังสือเล่มหนาคือของโปรดสำหรับนักอ่านที่เอาจริงเอาจัง แต่การอ่านหนังสือเนื้อหาเบาก็สำคัญมากเช่นกัน หลังจากอ่านหนังสือเนื้อหาหนักได้ 2-3 เล่มแล้ว คุณก็ลองหานิยายเบาสมองหรืออะไรก็ได้ที่ไม่มีผลต่อชีวิตมาอ่านคั่นเล็กน้อย เพราะมันจะทำให้คุณสดชื่นอีกครั้งและพร้อมสำหรับหนังสือหนักเล่มต่อไป
8.อ่านหนังสือใหม่: ติดตามเทรนด์หนังสือเป็นประจำ เล่มไหนมาใหม่ เล่มไหนกำลังดัง และคนใกล้ตัวกำลังอ่านอะไรกันบ้าง การอ่านหนังสือขายดีทำให้คุณได้พยายามทำความเข้าใจว่าทำไมผู้คนในสังคมถึง ชื่นชอบ ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถเอาเรื่องที่อ่านไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นได้อีกด้วย
9.อ่านหนังสือเก่า: กฎ เหล็กข้อหนึ่งคือคุณต้องไม่อ่านแค่เฉพาะหนังสือใหม่ แม้จะต้องตามเทรนด์หนังสือตลอด แต่ก็อย่าปล่อยให้ตัวเองอ่านหนังสือใหม่ไปเรื่อยๆ โดยไม่อ่านหนังสือเก่าคั่นเลย โดยหนังสือเก่าในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเล่มดังหรือคลาสสิกอะไรหรือเก่าแค่ ไหน เพราะหนังสือทุกยุคมีเอกลักษณ์ของตัวเอง และประวัติศาสตร์ย่อมทำให้เข้าใจอนาคตได้ดีขึ้น
10.อ่านตามไอดอล: หา บุคคลตัวอย่างที่เป็นแรงบันดาลใจของคุณ ลองสังเกตว่าเขาหรือเธออ่านอะไรแล้วอ่านตาม โดยเฉพาะหนังสือที่คุณคิดว่ามีอิทธิพลจนทำให้เขาหรือเธอกลายเป็นไอดอลของคุณ ได้ในวันนี้ หากไม่แน่ใจ การถามตรงๆ และพูดคุยกับพวกเขาเมื่อมีโอกาสก็ดูจะเป็นวิธีที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน
ดัดแปลงจากบทความของ Tim Challies
http://www.challies.com/articles/10-tips-to-read-more-and-read-better-0
ภาพประกอบจาก
http://whytoread.com/how-to-read-simple-reading-strategies-read-effectively/