เวียนมาบรรจบครบอีกครั้งในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 กับวันที่สำคัญมากที่สุดวันหนึ่งในรอบปี ‘วันพ่อแห่งชาติ’ ซึ่งในปีนี้ ไม่เป็นเพียงวันครอบครัวที่คุณพ่อจะได้คำบอกรักจากลูกๆ แล้ว ยังเป็นวันที่พสกนิกรชาวไทยจะได้รวมกันเฉลิมฉลอง เนื่องในวันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 อีกด้วย
เนื่องในโอกาสอันพิเศษนี้เองทางอุทยานการเรียนรู้ TK park จึงได้จัดกิจกรรมพิเศษขึ้นในหัวข้อ ‘เรียนแบบพ่อ’ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวในพระราชกรณียกิจและพระราชดำริต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องตั้งแต่วันเสาร์ที่ 3 ถึงวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2554 ซึ่งในวันที่ 4 ธันวาคม ก่อนวันพ่อหนึ่งวัน ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่มีกิจกรรมอันหลากหลายให้พ่อและลูกได้เรียนรู้ร่วมกัน
โต๊ะลงนามถวายพระพรออนไลน์
ทันทีที่คุณพ่อจูงมือลูกเข้ามาถึงด้านของลานสานฝันก็พบกับโต๊ะลงนามถวายพระพรออนไลน์ ซึ่งทุกๆ ถ้อยคำที่เราพิมพ์ลงไปจะไปปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์ www.tkpark.or.th
ลูกกำลังทำเพลงเป็นของขวัญแด่พ่อ
เมื่อเดินถัดไปด้านข้างที่ห้อง VR จะพบกับ ‘ห้องบรรเลงเพลงเพื่อพ่อ’ จัดฉายมิวสิกวิดีโอทุกเพลงที่เกี่ยวกับพ่อให้ได้ชมได้ฟังกันแบบไม่มีค่ายไม่มีสังกัด เพื่อซึมซับความหมายของคำว่าพ่อผ่านบทเพลงกันอย่างเต็มอิ่ม และเมื่อฟังเพลงของคนอื่นกันไปแล้ว ลูกๆ เกิดนึกอยากจะแต่งเพลงให้พ่อเองบ้าง ก็มีบูธกิจกรรม ‘เพลงตามสั่ง’ ให้ลูกๆ ได้แต่งเพลงเองและร้องเอง โดยการดูแลของกลุ่มเยาวชนคนดนตรี TK Band ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นโปรดิวเซอร์ เพราะถ้าหากใครไม่ถนัดแต่งหรือร้องเอง ทาง TK Band ก็สามารถจัดให้ได้ทั้งคอนเซปต์ เนื้อหา แนวเพลง หรือแม้กระทั่งเสียงร้อง และเมื่อทำเพลงเสร็จแล้วก็มีการจัดส่งให้ทางอีเมล พร้อมให้ลูกมอบเป็นของขวัญสุดพิเศษเพลงเดียวในโลกสำหรับพ่อได้ทันที
อีกหนึ่งความตั้งใจแด่พ่อ
และสำหรับลูกคนไหนที่อยากลงมือประดิษฐ์ของขวัญให้พ่อ ก็มีบูธกิจกรรมสร้างสรรค์ ‘เข็มกลัดสื่อรักจากหัวใจ’ ที่ให้ลูกๆ ได้ลงมือระบายสีทำลายเข็มกลัดที่ระลึกด้วยตนเอง เพื่อให้พ่อได้ติดเข็มกลัดโชว์ฝีมือลูกแบบไม่ต้องอายใคร มีลูกๆ ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ส่วนทางด้านหน้าห้อง Mind Room ก็มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ลูกบอกรักพ่อผ่านจอคอมพิวเตอร์ โดยการเขียนข้อความบอกรักพ่อบนกระดานและถ่ายรูปเพื่ออัพโหลดขึ้นหน้าจอคอมพิวเตอร์ ให้ภาพน่ารักๆ เป็นสิ่งบันทึกความสุขในวันพ่อปีนี้
เรียนแบบพ่อหลวงผ่านนิทรรศการ
พักจากกิจกรรมชั่วคราว หันไปเรียนรู้เรื่องราวของพ่อหลวงผ่านนิทรรศการกันบ้าง กับนิทรรศการพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายเพื่อพสกนิกรชาวไทย จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่าพันโครงการ ทั้ง โครงการฝนหลวง การเกษตรทฤษฎีใหม่ และที่สำคัญคือโครงการแก้มลิงที่ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วม นอกจากนั้นนิทรรศการที่ตั้งอยู่ด้านข้างก็ได้แสดงถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ในการประพันธ์ดนตรี ผ่านสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ ‘คีตมหาราช’ ที่เปิดโอกาสให้ได้ทดลองฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ทุกเพลง พร้อมทั้งพระราชประวัติเกี่ยวกับพระปรีชาสามารถของพระองค์ในด้านดนตรีอีกด้วย และถ้าคุณพ่อคุณคู่ไหนยังไม่เต็มอีกกับการเรียนรู้เรื่องราวของพ่อหลวง ที่ด้านในห้องสมุดยังมีการจัดชั้นหนังสือพิเศษที่รวบรวมหนังสือดีกว่า 84 เล่ม ชวนอ่านในวันพ่อแห่งชาติปีนี้ ซึ่งคัดมาจากหนังสือหมวด 900 เป็นหมวดหนังสือเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเอง
เต็มอิ่มกับความรู้ทั้งนิทรรศการและหนังสือไปแล้ว คุณพ่อจึงชวนลูกมาเปลี่ยนบรรยากาศซึมซับแรงบันดาลใจจากพ่อหลวงผ่านภาพเคลื่อนไหวกันบ้าง ณ ห้องมินิเธียเตอร์ 1 กับการฉายภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติ ‘ร้อยดวงใจให้พ่อ’ โดยสํานักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ที่มาฉายถึง 4 เรื่องด้วยกัน จากฝีมือของผู้กำกับชื่อดัง อาทิ เรื่อง เกษตร...ตะกอน กำกับโดย นนทรีย์ นิมิบุตร, สุดสะแนน กำกับโดย พิมพกา โตวิระ, เพลงชาติไทย กำกับโดย อาทิตย์ อัสสรัตน์ และ รักที่ยิ่งใหญ่ กำกับโดย ศิริศักด์ คชพัชรินทร์ และ พรรณปพร ศรีสุมานันท์ ซึ่งทุกเรื่องสร้างขึ้นจากแนวคิดสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ โดยตีความผ่านศิลปะภาพยนตร์อันแตกต่างกันไปตามสไตล์ของผู้กำกับแต่ละท่าน
ลีลาการเล่านิทานของน้องข้าวปุ้น
ในช่วงเวลาเดียวกัน ลานสานฝันก็เริ่มต้นกิจกรรมที่หลายพ่อลูกหลายคู่กำลังรอคอย กับการเล่านิทานแสนสนุก โดยน้องๆ ที่ได้รับรางวัลจากโครงการลับสมอง ประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน เริ่มต้นที่คนแรก ด.ญ.อาเมลี ฟลอเรนซ์ ฟอน ลีสเฮาท์ หรือ น้องข้าวปุ้น ผู้คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ประเภทเดี่ยว 4-6 ปี จากโครงการลับสมองประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทานมาเล่าเรื่องราวอันน่าประทับในชื่อเรื่องว่า คุณพ่อฝรั่งของหนู เป็นเรื่องจริงของคุณพ่อฝรั่งของน้องข้าวปุ้นเอง ซึ่งถ่ายทอดออกมาได้อย่างจริงใจและน่ารักมากๆ เล่าถึงสิ่งที่พ่อของเธอทำได้และสิ่งที่เธอจะทำให้กับพ่อ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยพระราชดำรัสของในหลวง สะกิดให้ลูกๆ หลายคนที่กำลังฟังอยู่รู้สึกอินตามไปด้วยเลยทีเดียว ต่อด้วยการเล่านิทานของ ด.ญ.อเลเซีย ฟลอเรนซ์ ฟอน ลีสเฮาท์ หรือ น้องอเลเซีย น้องสาวแท้ๆ ของน้องข้าวปุ้นนั่นเอง มาเล่านิทานเรื่อง อุ้มคุณพ่อใส่ตะกร้าไปทิ้งในป่า เล่าเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่มีพ่อพิการและอายุมาก เขาจึงคิดว่าควรจะเอาพ่อไปใส่ตะกร้าไปทิ้ง เพราะพ่อแก่แล้ว พ่อเสียใจมาก แต่สุดท้ายเด็กชายก็คิดได้จึงไปพาพ่อกลับมา เป็นนิทานสะเทือนใจที่ให้แง่คิดเรื่องความกตัญญูได้เป็นอย่างดี
สุนทรพจน์กินใจของน้องหนูนา
ปิดท้ายด้วยการกล่าวสุนทรพจน์ของ ด.ญ.ศุภิสรา แซ่เฮา หรือ น้องหนูนา ผู้คว้ารางวัลชนะเลิศ ประเภทเดี่ยว 6-9 ปี จากโครงการลับสมองประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ในหัวข้อ คำสอนของพ่อ แต่งโดย พระอาจารย์สุเทพ สุเทโว ซึ่งน้องหนูนาสามารถกล่าวได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งน้ำเสียงและลีลาอันหนักแน่น ปลุกใจให้ลูกๆ ที่ฟังอยู่เข้าใจในความหมายของคำว่าพ่อมากขึ้น
คุณเอกบรรเลงเพลงของพ่อด้วยอูคูเลเล่
เดินทางมาถึงกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้กันแล้ว ในกิจกรรม ‘อูคูเลเล่ บรรเลงเพลงของพ่อ’ ที่นำเครื่องดนตรียอดนิยมอย่าง อูคูเลเล่ มาบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยฝีมือของ คุณเอก ศิริวงศ์ ณ อยุธยา หรือ เอก วงชะเอม ซึ่งการบรรเลงจะคล้ายการใช้กีตาร์คลาสสิก แต่เมื่อใช้อูคูเลเล่จะให้เสียงที่เล็กแหลมกว่า สร้างทัศนะใหม่ในการฟังเพลงพระราชนิพนธ์ที่หาฟังได้ยาก คุณเอกได้เลือกบทเพลงอย่าง H.M.Blues, ยามเย็น, แสงเทียน และ ดวงใจกับความรัก มาบรรเลงอย่างไพเราะและต่อเนื่อง พร้อมทั้งแทรกเกร็ดเกี่ยวกับเพลงแต่ละเพลงให้คุณพ่อและลูกๆ ได้ทราบกันด้วย คุณเอกยังได้กล่าวอีกว่าบทเพลงพระราชนิพนธ์ทุกเพลงล้วนฟังง่ายและไพเราะมาก แต่เล่นยากมาก เพราะมีทางคอร์ดที่แตกต่างจากเพลงทั่วไป แสดงออกถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีของพระองค์
พ่อลูกเรียนรู้ร่วมกัน
จากกิจกรรมทั้งหลายที่คุณพ่อและลูกๆ ได้เรียนรู้จากพ่อหลวงร่วมกันในวันนี้ไปแล้ว ก็หวังว่าในอนาคตข้างหน้าคำสอนของพ่อหลวงจะกลายเป็นต้นทางในการดำเนินชีวิตและการเรียนรู้ของลูกๆ ต่อไป
วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย