ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า ‘การเล่านิทาน’ จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในบ้านเรา ซึ่งไม่เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่จะหันมาสนใจเล่านิทานให้ลูกฟังเพียงอย่างเดียว เท่านั้น ยังฝึกฝนให้ลูกๆ กลายเป็นนักเล่านิทานคนเก่งด้วยเช่นกัน และไม่ว่าใครจะเป็นผู้เล่า นิทานก็เป็นสื่อกลางที่ดีที่สุดในการสานสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่นมากยิ่ง ขึ้น
เหตุผลที่การเล่านิทานได้รับความนิยม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโครงการดีๆ อย่าง โครงการลับสมองประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ซึ่งจัดต่อเนื่องมาถึงครั้งที่ 8 แล้ว ในปีนี้ถือว่ามีน้องๆ มาสมัครเข้าประกวดมากกว่าทุกปี เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าทุกครอบครัวให้ความสำคัญกับนิทานมากเพียงใด
โครงการลับสมอง ประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ครั้งที่ 8 จัดขึ้นโดยอุทยานการเรียนรู้ TK park ร่วมกับ มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก, สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และนิตยสาร Mother&Care ที่ จัดขึ้นเพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมการอ่านการเรียนรู้สำหรับ เด็กและเยาวชน โดยใช้นิทานซึ่งเป็นสื่อที่เข้าถึงเด็กได้ง่ายที่สุด โดยในปีนี้มาในหัวข้อ “อ่านเล่น เล่าสนุก ปลุกสมอง” ที่มุ่งหวังให้น้องๆ ได้ประโยชน์จากการเล่านิทานอย่างเต็มที่ การประกวดในปีนี้ก็มีการสรรหาหนูน้อยนักเล่านิทานจากทั่วประเทศกันเช่นเคย เริ่มตั้งแต่กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ หาดใหญ่ นครราชสีมา เพื่อหาตัวแทนภาค ก่อนจะมาหาหนูน้อยนักเล่านิทานผู้ชนะเลิศระดับประเทศในลำดับต่อไป
สำหรับในรอบคัดเลือกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประเภทเดี่ยว ระดับอายุ 4 - 6 ปี มีการจัดคัดเลือกกันที่อุทยานการเรียนรู้ TK park เมื่อวันที่ 10 -11 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งกินเวลากว่าสองวันเลยทีเดียว เนื่องจากมีน้องๆ สมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก
บรรยากาศบริเวณลานสานเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากคุณพ่อคุณแม่ ที่มาให้กำลังใจหนูน้อยนักเล่านิทานกันแน่นขนัดเลยทีเดียว เริ่มต้นเปิดงานกันด้วย VTR ประมวลภาพความสำเร็จของโครงการ 7 ครั้งก่อนหน้าที่จัดไปแล้ว ที่พิเศษคือได้หนูน้อยนักเล่านิทานผู้ชนะเลิศจากปีก่อนๆ มาทำหน้าที่ดำเนินรายการ เรียกได้ว่าเป็นผลผลิตอันน่าภูมิใจของโครงการนี้ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ที่ชมอยู่บริเวณลานสานฝันต่างชื่นชมในความสามารถของน้องๆ กลุ่มนี้ บรรดาหนูน้อยนักเล่านิทานหน้าใหม่ที่กำลังจะขึ้นเวทีก็กำลังจะไปยืนอยู่ใน จุดนั้นเช่นเดียวกัน
ก่อนที่การประกวดจะเริ่มต้นขึ้น คณะกรรมการทั้ง 3 ท่านก็ได้กล่าวให้กำลังใจกับคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ เริ่มต้นที่ ป้าต้อย ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ และผู้อำนวยการสำนักอุทยานการเรียนรู้ ได้กล่าวว่า“เป็น โครงการที่เรารักมาก มีน้องๆ หนูๆ ที่สมัครเข้ามาเพิ่มมากขึ้นทุกปี โครงการนี้เป็นโครงการที่สร้างแรงบันดาลให้กับเด็กๆ และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่ คุณครู และเด็กๆ ขอให้นึกอยู่อย่างหนึ่งว่าวันนี้ไม่ใช่การแข่งขัน ไม่ใช่การประกวด แต่เป็นวันที่เด็กๆ จะได้มาแสดงออกให้เห็นถึงความสามารถ ความน่ารัก ความสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ และในวาระที่ช่วงนี้เป็นเทศกาลวันแม่ ถือว่าการเล่านิทานของหนูๆ เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่มอบให้ในวันแม่”
ต่อด้วย คุณสุธาทิพ ธัชยพงษ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก กล่าวว่า “เด็ก ทุกคนที่มาสู่เวทีนี้ได้ต้องผ่านกระบวนการที่พ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟัง หลายคนที่มาประกวดแล้วมีน้องๆ ตามมา พอเห็นเข้าต่อไปเขาก็อยากมาแข่งบ้าง ตอนป้าๆ อายุเท่านี้ไม่กล้าที่จะมาเล่าอย่างที่หลานๆ ทำได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่หวังว่าลูกจะชนะ แค่ได้มาเห็นความสามารถของลูกก็น่าพอใจแล้ว กลับไปบ้านก็กอดลูก ชมเชยลูก เด็กๆ จะได้มีความเชื่อมั่น ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไรก็ตาม”
และปิดท้ายที่ คุณสรวงมณฑ์ สิทธิสมาน บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Mother&Care กล่าวว่า “ตลอด เจ็ดปีที่ผ่านมา เด็กๆ ที่ผ่านเวทีนี้ไปก็ยังเล่านิทานกันอยู่ น่าชื่นใจมาก สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือพ่อแม่ก็ยังคงเล่านิทานให้ลูกฟังอยู่ นั่นคือเป้าหมายปลายทางของโครงการที่อยากให้พ่อแม่ทำต่อไป ปีนี้เราใช้ธีมว่า อ่านเล่น เล่าสนุก ปลุกสมอง คือลีลาการเล่าต้องสนุก คุณพ่อคุณแม่ต้องเล่านิทานให้ลูกฟังอย่างสนุกสนาน จนถึงวันที่ลูกมาเล่า เขาจะได้เล่าอย่างสนุก เป็นการปลุกสมองให้เขาเกิดการเรียนรู้ที่ดีอย่างเหมาะสม”
มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย หนูน้อยนักเล่านิทานแต่ละคนออกมาเล่าได้อย่างยอดเยี่ยม แม้บางคนจะมีอาการตื่นเต้นบ้าง แต่ก็ทำหน้าที่ของตนเองได้ดีมาก นิทานที่เลือกมาเล่าเรียกได้ว่ามีครบทุกประเภทเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นนิทานสุดคลาสสิกอย่างนิทานอีสป เรื่องราชสีห์กับหนู, นิทานเรื่องลูกหมูสามตัว, นิทานเรื่องหัวผักกาดยักษ์, หรือนิทานภาพยุคใหม่อย่างนิทานเรื่องหนูนิดกลัวผี และนิทานเรื่องปลาสีรุ้ง
วิธีการเล่าของหนูน้อยนักเล่านิทานในปีนี้ก็สนุกสนานไม่แพ้ปีก่อนๆ มีทั้งการเล่าปากเปล่า นำอุปกรณ์มาประกอบการเล่า รวมไปถึงโชว์ทักษะการแสดงประกอบการเล่าอีกด้วย ตรงกับหัวข้อการประกวดที่ว่า “อ่านเล่น เล่าสนุก ปลุกสมอง” อย่างครบถ้วน
และหนูน้อยนักเล่านิทานที่เล่านิทานได้ยอดเยี่ยมโดนใจคณะกรรมการ ผ่านเข้ารอบเป็นตัวแทนเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประเภทเดี่ยว ระดับอายุ 4 - 6 ปี ได้แก่
ด.ญ. จีรวรรณ น่วมขยัน
ด.ญ. ณิชาภัทร คุรุกิจวาณิชย์
ด.ญ. ธัญธร โลหะบัณฑิตวงศ์
ด.ญ. ธัญลักษณ์ ตันติสุธนารมย์
ด.ญ. บุญยวีร์ ฤทัยเจตน์เจริญ
ด.ญ. พัทธนันท์ มงคลโชติพัฒน์
ด.ญ. ปรียาณัฐ เชาวนเกรียงไกร
ด.ช. ภัทรกร ลันโทมรัตนะ
ด.ญ. เมธาพร อิ่มบำรุง
ด.ช. อินทัช อรุณจริยาวณิช
ส่งท้ายการประกวดในวันแรกด้วยประสบการณ์ของครอบครัวนักเล่านิทานอย่าง คุณแม่สรินทร กิติโสภากุล ที่พา น้องต้นน้ำด.ช.คุณาธิป กิติโสภากุล มาเข้าร่วมประกวดในโครงการนี้ด้วย คุณแม่สรินทรเล่าว่า ปกติที่บ้านจะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนอยู่แล้ว และน้องต้นน้ำได้ดูตัวอย่างการประกวดของปีก่อนๆ เลยอยากจะเล่าเองบ้าง ซึ่งปกติน้องต้นน้ำจะชอบเล่าเรื่องต่างๆ อยู่แล้ว ตอนฝึกก็ให้เปิดหนังสือแล้วให้เล่าก่อน แล้วจึงปิดหนังสือและให้เล่าปากเปล่า สำหรับผลงานวันนี้คุณแม่บอกว่ารู้สึกพอใจมาก เพราะน้องต้นน้ำไม่เคยเล่าต่อหน้าคนเยอะๆ และสถานที่ใหม่เลย
คุณแม่ยังทิ้งท้ายว่า การเล่านิทานถ้าเขาเล่าจากหนังสือได้ก็แสดงว่าเขาจำเรื่องได้ แต่ถ้าเล่าได้มากกว่านั้น แสดงว่าเขาใส่จินตนาการเข้าไปด้วย เป็นการฝึกความคิดที่ดีสำหรับเด็ก อยากให้พ่อแม่ทุกคนฝึกลูกให้เล่านิทานกันมากๆ
นี่เป็นการประกวดรอบคัดเลือกในระดับอายุ 4 - 6 ปีเท่านั้น มาติดตามกันว่า ในระดับอายุ 6 - 9 ปี หนูน้อยนักเล่านิทานคนไหนจะเป็นตัวแทนเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อชิงชนะเลิศในระดับประเทศ
วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย