เราอาจจะรู้จัก ‘เทย์ทาวาฬ’ หรือ ‘เต-ตะวัน วิหครัตน์’ ในฐานะพิธีกรจากรายการ Five Live Fresh และจากบทบาทที่ทำให้เขากลายเป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ ทั่วทั้งปฐพีจากซีรีส์ดัง Kiss the Series รักต้องจูบ แต่เบื้องหลังหน้าคม และอารมณ์ขันสร้างมุกขำๆ ในทวิตเตอร์ ตัวตนที่แท้จริงของหนุ่มเต ตะวัน ยังมีอีกมุมที่เป็นโลกอันแสนสงบในหน้าหนังสือ โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องราววิทยาศาสตร์ การผจญภัยโลกกว้าง หรือปรัชญาพุทธศาสนา เขาก็พร้อมที่จะหลีกหนีความวุ่นวายและกระโจนเข้าไปใช้เวลานานๆ อยู่ในโลกของเรื่องราวเหล่านั้น
มีคำเคยกล่าวไว้ว่า หนังสือบอกตัวตนของผู้อ่าน เราจึงอยากชวนทุกคนมาลองทำความรู้จักหนุ่มเต ตะวัน คนนี้ในอีกแง่มุมหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากบทบาทที่เห็นผ่านหน้าจอทีวี ...กับตัวตนของ เต-ตะวัน ที่สะท้อนผ่านหนังสือที่เขาตกหลุมรัก...
แล้ว 12 เล่มที่ เต ตะวัน อ่าน จะบอกตัวตนของหนุ่มคนนี้ได้ยังไงบ้าง ไปอ่านตามเต เพื่อให้เราได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น
ปกรณัมปรัมปรา
“รุ่นพี่ที่คณะอักษรศาสตร์แนะนำให้ผมอ่าน เล่มนี้เล่าถึงตำนานเทพกรีก โรมัน นอร์ส ซึ่งตำนานพวกนี้คือรากเหง้าของหลายๆ สิ่งที่เราเสพกันในปัจจุบัน ทั้งนิทาน การ์ตูน หนัง เล่มนี้เป็นเล่มที่อ่านแล้วทำให้เราร้อง อ๋อ หลายเรื่องเลย ทำให้เข้าใจที่มาของคำศัพท์หรือตำนานต่าง ๆ อย่างเช่น สงครามกรุงทรอยที่เราเคยได้ดูกันในหนัง ที่จริงเบื้องหลังของมันคือการต่อสู้กันระหว่างเทพที่เป็นคนชนชั้นสูงนะ ซึ่งเทพพวกนี้มาทำให้มนุษย์สู้กัน เพียงเพื่อที่จะคานอำนาจของตัวเอง แล้วมนุษย์ก็ไม่รู้เลยว่าที่เราสู้กันเพราะมีเทพคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง”
“ปกรณัมปรัมปรา” คือผลงานคลาสสิกที่รวบรวมตำนานกรีก โรมัน และนอร์ส อันเป็นต้นธารของวัฒนธรรมและปรัชญาแห่งโลกตะวันตกที่ยังคงส่งต่อมาจนถึงทุกวันนี้ เรียบเรียงโดย เอดิธ แฮมิลตัน นักวิชาการผู้ศึกษาปกรณัมจนเป็นหนึ่งในผู้ทรงความรู้เรื่องปกรณัมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก นี่คือตำราเรียนวรรณคดีอังกฤษที่นิสิตนักศึกษาสถาบันระดับอุดมศึกษาทั่วโลก ‘ต้องอ่าน’ เนื้อหาครอบคลุมทั้งตำนานของมหาเทพแห่งโอลิมปัส การผจญภัยของเหล่าวีรบุรุษ เรื่องราวในมหากาพย์อิเลียด โอดิสซีย์ และเอเนอิด ตลอดจนตำนานของชาวนอร์ส เรียกได้ว่าเป็นไบเบิลสำหรับผู้ที่สนใจงานวรรณกรรมและเรื่องราวเกี่ยวกับเทพปรกรณัม รวมถึงผู้ที่สนใจสายปรัชญา มานุษยวิทยา และสังคมศึกษาด้วย
What if? จะเกิดอะไรขึ้นถ้า...
“ผมว่านี่คือหนังสือสำหรับคนที่เป็นเจ้าหนูจำไม ตอนเด็กๆ ผมก็เคยเป็นเจ้าหนูจำไมนะ หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคนเขียนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์นาซา โดยเป็นการตอบคำถามแปลก ๆ ของคนธรรมดา แต่เขาอธิบายให้คนธรรมดาเข้าใจได้ ความสนุกของหนังสือเล่มนี้คือ คนเขียนมีอารมณ์ขันบางอย่างที่ทำให้วิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องเครียดจนเกินไป”
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวิศวกรของนาซาผันตัวมาเป็นนักเขียนและนักวาดการ์ตูน? คำตอบก็คือ หนังสือวิทยาศาสตร์เล่มที่กลายเป็น Best Seller ตลอดกาลเล่มนี้นี่แหละ จุดเด่นของ “What if? จะเกิดอะไรขึ้นถ้า...” ไม่เพียงเป็นการรวบรวมความรู้หลากหลายแขนงที่ถูกอธิบายให้เข้าใจง่าย แต่ยังเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขันและจินตนาการสุดบรรเจิด ผ่านคำถามสมมติแต่แปลกพิศดารที่คนธรรมดา ๆ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์เฝ้าสงสัย ก็เลยส่งเข้ามาถามไถ่ให้คุณพี่นักวิทยาศาสตร์นาซาช่วยเคลียร์
The Picture of Dorian Gray
“เป็นหนังสือที่พูดถึงถึงสุขนิยม ความหลงใหลในตัวเอง ความ Narcissism ที่มันย้อนกลับมาทำลายหลายคนที่อยู่รอบตัวเอก แต่เรื่องราวก็ยังสะท้อนอีกหลายแง่มุม ทั้งสิทธิเสรีภาพ เรื่องเพศ อะไรที่เราเชื่อว่าดีหรือไม่ดีในสมัยก่อน ที่อาจจะเปลี่ยนไปแล้วในปัจจุบัน ตัวผู้เขียนเองอย่างออสการ์ ไวลด์ ก็เป็นตัวแทนของ LGBT ซึ่งมันถือเป็นเรื่องอื้อฉาวและผิดกฎหมายสมัยนั้น หนังสือเล่มนี้ก็ทำให้เห็นมุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับสังคมยุคนั้น ทั้งสิทธิเสรีภาพ สังคม ศิลปวัฒนธรรม โครงสร้างทางสังคม”
“The Picture of Dorian Gray” คือนวนิยายคลาสสิกแห่งศตวรษที่ 19 เรื่องราวชีวิตแสนพิศวงของชายหนุ่มรูปงามนามว่า โดเรียน เกรย์ ที่ครอบครองภาพวาดพิสดารอาถรรพ์ ซึ่งครอบงำจิตวิญญาณของบุคคลในภาพไว้ ในขณะที่รูปโฉมของชายหนุ่มยังคงความสมบูรณ์งดงามราวกับเป็นอมตะ แต่ภาพวาดของเขากลับผุกร่อนและค่อย ๆ เสื่อมสลายลงไป ราวกับรูปภาพและผู้เป็นเจ้าของได้แลกเปลี่ยนจิตวิญญาณกัน นี่คือผลงานสุดอื้อฉาวแห่งศตวรรษที่ 19 ของผู้แต่ง ออสการ์ ไวลด์ นักเขียนหนุ่มที่ยืนหยัดที่จะใช้ชีวิตอยู่นอกกรอบสังคมและปลดเปลื้องตัวเองจากวิถีทางเพศที่ถูกขีดกรอบไว้ด้วยสภาพสังคมในสมัยนั้น
เพชรพระอุมา
“ใครที่ชอบแนวผจญภัย แฟนตาซีน่าจะชอบ คุณพ่อของผมเป็นแฟนคลับของนวนิยายเซ็ตนี้ และเขารู้ว่าเราชอบการเข้าป่าผจญภัย เขาเลยแนะนำเล่มนี้ คุณป้าผมก็ชอบเรื่องนี้มาก ที่จริงแล้วป้าชอบอ่านนิยายอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนิยายความรักโรแมนติก แต่เขากลับชอบนิยายเรื่องนี้ ผมเลยคิดว่า ผมเองก็ไม่น่าพลาด”
นวนิยายแนวผจญภัยที่มีความยาวมากที่สุดในบรรดางานเขียนไทยทั้งหมด และนับว่าเป็นนวนิยายที่มีความยาวมากที่สุดในโลก “เพชรพระอุมา” คือบทประพันธ์ของ พนมเทียน ซึ่งแรกเริ่มได้ตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ และตีพิมพ์ต่อเนื่องในหนังสือพิมพ์รายวัน ใช้ระยะเวลาในการประพันธ์ยาวนานกว่า 25 ปี เค้าโครงเรื่องมาจาก คิงโซโลมอนส์ไมนส์ (King Solomon's Mines) หรือ สมบัติพระศุลี นวนิยายผจญภัยลี้ลับในทวีปแอฟริกาของ เซอร์เฮนรี ไรเดอร์ แฮกการ์ด (H. Rider Haggard)
The Old Man and the Sea
“มันคือเรื่องราวของธรรมชาติที่ต่อสู้กับมนุษย์ ความยิ่งใหญ่ที่เขาเจออาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ สำหรับใครหลายคน แต่เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา”
นวนิยายขนาดสั้นของ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ นักเขียนรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม ประจำปี ค.ศ. 1954 “The Old Man and the Sea” เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชาวประมงวัยไม้ใกล้ฝั่งในประเทศคิวบาที่ตัดสินใจออกเรือเพื่อไปหาปลาเพียงลำพังในมหาสมุทรกว้าง เกิดเป็นเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างธรรมชาติอันยิ่งใหญ่กับมนุษย์ผู้หาญกล้า สะท้อนภาพการต่อตู้กับชะตากรรมของมนุษย์อย่างไม่ยอมพ่ายแพ้
มิตรภาพต่างสายพันธุ์
“คุณย่าให้เล่มนี้กับผมมาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เพราะท่านเห็นว่าผมชอบถ่ายภาพ ชอบธรรมชาติ ชอบงานเขียน ซึ่งคนนี้ก็คือผมเลย ผมชอบมุมมองที่เขาเข้าไปอยู่ในธรรมชาติอย่างคนเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ใช่มนุษย์ที่เป็นสิ่งยิ่งใหญ่หรือผู้ครองโลก เขาไปในฐานะแขกที่เข้าไปเรียนรู้ในธรรมชาติ ทำให้ได้เห็นมุมมองและมิตรภาพระหว่างธรรมชาติกับเขาที่เป็นสมาชิกใหม่”
รวมเรื่องเล่าชีวิตในธรรมชาติ วิถีการดำเนินชีวิตที่หลากหลาย น่าค้นหา ชวนหลงไหล ท่ามกลางความเป็นไปของสัตว์ป่า ความงดงามของธรรมชาติ ความสัมพันธ์ที่ลงตัว ระหว่างคนกับธรรมชาติ บันทึกและรวบรวมโดย ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ นักถ่ายภาพสัตว์ป่าชั้นครูของประเทศไทย
“มิตรภาพต่างสายพันธุ์” ว่าด้วยเรื่องราวของช่างภาพสัตว์ป่าที่เข้าไปถ่ายภาพในป่า 15 วัน เล่าในมุมของคนที่อุทิศชีวิตตัวเองเพื่อทำงานที่รัก แล้วเขาก็ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่ายและตัวหนังสือ เพื่อคนที่ไม่มีโอกาสได้มาสัมผัสประสบการณ์เดียวกับเขา
คติพจน์บุคคลสำคัญ และสุภาษิตนานาชาติ
“ผมว่า ชีวิตของคนคนหนึ่ง เมื่อผ่านช่วงชีวิตหรือเหตุการณ์อะไรมา มันจะสามารถกลั่นกรองเป็นบทสรุปสั้น ๆ แบบ ‘เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…’ ได้ เราเองก็ยังมี เคยเจออะไรมา ก็กลับมานอนคิดว่าเรื่องนี้มันให้บทเรียนแบบนี้กับเรานะ บุคคลสำคัญพวกนี้คือคนที่ยิ่งใหญ่ที่ประสบเจอความยิ่งใหญ่มา แล้วเขากลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดเดียวจากความเข้มข้นของสิ่งที่เขาเจอ โควทนั้นอาจใช้ไม่ได้ในทุกบริบท โลกปัจจุบันอาจจะใช้ไม่ได้แล้ว แต่มันก็สะท้อนให้เห็นว่าโลกเคยผ่านอะไรมา”
“คติพจน์บุคคลสำคัญ และสุภาษิตนานาชาติ” หนังสือที่รวบรวมคำคมข้อคิดจากบุคคลสำคัญระดับโลกที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน โดยถ้อยคำเหล่านั้นล้วนถูกพิสูจน์แล้วด้วยกาลเวลาและเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตของเจ้าของคำพูด เป็นหนังสือเพื่อส่งต่อเป็นแรงบันดาลใจของคนรุ่นต่อไป
Who Moved My Cheese?
“ชีสคือสิ่งที่คนเราตามหาเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข ซึ่งมันอาจจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นความสำเร็จ ความร่ำรวย หรือความสัมพันธ์ สิ่งที่เราได้มาแล้ว เราจะไม่อยากเสียมันไป แต่ถ้าเรามัวแต่เสียดายและยึดติดกับชีสเก่า เราก็จะไม่รู้เลยว่ามีอะไรดี ๆใหม่ ๆ ที่งดงามรออยู่ มันมีบางมุมที่เหมือนกับพุทธศาสนา ในแง่ที่ว่าอย่ายึดติด ปล่อยวาง ให้มูฟออน”
“Who Moved My Cheese?” หนังสือที่นำเสนอแนวคิดของ นายแพทย์สเปนเซอร์ จอห์นสัน นักจิตวิทยาชื่อดัง ที่นำเสนอแง่มุมในชีวิตที่ยึดติดกับอะไรบางอย่างของคนเรา ผ่านการเปรียบเทียบกับหนูที่ออกไปตามหาชีสในเขาวงกต ที่จริงแล้วเราทุกคนตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้ทุกขณะ แต่เพราะความเคยชินกับสิ่งที่มีหรือทำอยู่ในปัจจุบัน และคิดว่าสิ่งนั้นดีที่สุดแล้ว ทำให้เมื่อมีสิ่งใหม่เข้ามา เราก็อาจต่อต้านและอาจไม่ยอมรับสิ่งสิ่งนั้น แล้วเราจะได้รู้มั้ยล่ะว่า เนยแข็งชิ้นเดิมที่เราว่าอร่อยล้ำ แท้จริงเป็นเพราะเรายังไม่เคยได้ลิ้มรสเนยแข็งแบบอื่นเท่านั้นเอง
1984
“เล่มนี้ขอไม่พูดอะไรเยอะแล้วกัน เอาเป็นว่าร่วมสมัย ตีแผ่ความจริงในยุคสมัยนี้ได้ดี ผมแนะนำว่าควรอ่านอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้ เขียนมาตั้งแต่ 1949 แต่ความจริงที่เขาตีแผ่ก็ยังมีอยู่จนทุกวันนี้”
“1984” คือผลงานอมตะตลอดกาลของ George Orwell นักข่าวสายการเมืองที่ผันตัวมาเขียนนวนิยายตีแผ่สังคม และสร้างผลงานที่สะท้อนความเป็นไปของสังคมการเมืองโลกออกมาหลายชิ้น แต่ชิ้นที่เป็นที่พูดถึงตลอดกาลก็คือ 1984 เล่มนี้ ที่ยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง เคยถูกตีตราให้เป็นหนังสือต้องห้ามในหลายประเทศ (รวมทั้งประเทศแถว ๆ นี้ด้วย…) เล่าเรื่องราวของโลกสมมติในอนาคต (ปี 1984 - ผู้เขียนแต่งเรื่องนี้ในปี 1949) ที่โลกตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลโลก และมี ‘พี่เบิ้ม’ เป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคน
แก่นพุทธศาสน์
“เล่มนี้ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมพุทธศาสนาที่อยู่มา 2,000 ปีแล้วยังเข้าถึงเราได้ เคยเล่นเกมให้พูดต่อกันเรื่อย ๆ แล้วพอมาถึงคนสุดท้าย เรื่องที่เล่าก็ไม่เหมือนเดิมแล้วมั้ยครับ ผมมองว่าพุทธศาสนาก็เป็นแบบนั้น มันถูกแต่งเติมเพิ่มมาเยอะมาก แต่เล่มนี้สอนให้เรารู้ว่าแก่นพุทธศาสนาที่แท้จริงคืออะไร เมื่อตัดความเชื่อความงมงายออกไป พุทธศาสนาคือเรื่องการอยู่กับตัวเอง ใครเคยตั้งคำถามในพุทธศาสนา ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้เราตั้งคำถามอยู่แล้ว”
หนังสือเล่มนี้เป็นการถอดเทปคำบรรยายของท่านพุทธทาสภิกขุ 3 ครั้ง ณ ชุมนุมศึกษาพุทธธรรม ตามการนิมนต์ของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2504, 7 มกราคม พ.ศ. 2505 และ 21 มกราคม พ.ศ. 2505 มีใจความสำคัญว่าด้วยเรื่องแก่นที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา ความว่าง และวิธีปฏิบัติเพื่อเป็นอยู่ด้วยความว่าง
Sapiens
“ให้ลองคิดว่าเราอยู่ ณ ตรงนี้ แล้วลองซูมออกไปอีกหลายร้อยล้านปี เราจะเห็นว่าเรามีวิวัฒนาการอย่างไร เราเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน เรามีเงินมาเมื่อไหร่ ทั้งที่เมื่อก่อนเรายังบูชาไฟอยู่เลย หนังสือเล่มนี้ทำให้เราเห็นภาพรวมของความเป็นมนุษย์มากขึ้น เข้าใจความเป็นคน มองเห็นเส้นทางการเดินทางของมนุษยชาติ มันทำให้เราเข้าใจโลก เข้าใจผู้คน เข้าใจแก่นของความเป็นมนุษย์มากขึ้น”
หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวอันโลดโผนของประวัติศาสตร์ที่แสนพิเศษของ ‘มนุษย์’ อย่างเรา ๆ นับตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นลิงไร้หาง จนตั้งตนเป็นเจ้าผู้ครองโลก "Sapiens" เป็นชื่อของสปีชีส์หนึ่งของสกุล Homo (มนุษย์) ซึ่งในอดีตอันไกลโพ้น มนุษย์มีอยู่มากมายหลายสปีชีส์ อาทิ Homo neanderthalensis, Homo erectus, Homo soloensis ฯลฯ ในเวลานั้นเซเปียนส์ก็ไม่ได้เก่งกาจเหนือสปีชี่ส์อื่น ๆ แต่การปฏิวัติการรับรู้ที่เกิดขึ้นเมื่อ 70,000 ปีก่อน ได้เป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญที่ทำให้เหล่าเซเปียนส์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ล่าในห่วงโซ่อาหาร ผู้เขียนพาเราไปหาคำตอบว่า มนุษยชาติเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ได้อย่างไร? อันเป็นคำถามแสนสามัญธรรมดา แต่ทว่ายากเหลือเกินที่จะตอบ
One Piece
“อาจคิดว่าจะ 30 แล้วยังอ่านการ์ตูนอยู่อีกเหรอ (หัวเราะ) แต่ผมเพิ่งมาเข้าใจว่าอ่านตอนเด็กกับตอนโตมันไม่เหมือนกัน ตอนเด็กเราจะเสพความสนุก ความมัน ความบู๊ แต่พออ่านตอนโต เราจะรู้สึกสะกิดใจว่ามันสอดแทรกอะไรหลาย ๆ อย่าง เกร็ดความรู้ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมสังคม การเมือง จริง ๆ แล้วผมเป็นคนร้องไห้ยากมาก แต่ผมร้องไห้กับเล่มนี้ เคยมีคนบอกว่าเรามักจะชอบตัวละครที่คล้ายกับเรา หรือว่าถ้าเขามีชีวิตจริง เราน่าจะเป็นเพื่อนกับเขา ซึ่งผมว่าก็คงจะเป็นเพื่อนกับช็อปเปอร์นี่แหละ”
หนึ่งในมังงะญี่ปุ่นที่มีแฟน ๆ คอยติดตามมากที่สุดในโลก (จนทุกวันนี้ก็ยังไม่จบ) และได้รับการตีพิมพ์มากที่สุดในโลก “One Piece” เขียนโดย เออิจิโระ โอดะ ว่าด้วยเรื่องราวของการตามหา "วันพีซ" สมบัติปริศนาที่ผู้ที่ได้มาครอบครองจะได้เป็นเจ้าแห่งโจรสลัด เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสาร โชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ ชูเอฉะ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และเนื่องจากความโด่งดัง วันพีซ จึงได้รับการดัดแปลงเป็น อนิเมะ นวนิยาย รวมไปถึง เกม อีกหลายภาคด้วยกัน