หากคุณเป็นแฟนหนังแนวไซไฟ (Science Fiction – sci-fi) มาอย่างยาวนาน คุณต้องคุ้นตาไอเทมสุดล้ำอย่างยานอวกาศจากหนังเรื่อง 2001: A Space Odyssey หุ่นเหล็กสังหารจาก The Terminator และสิ่งประดิษฐ์จาก Star Wars ที่ล้วนเป็นจินตนาการที่เติมเต็มเรื่องเล่าและส่งให้หนังและนิยายประเภทนี้กลายเป็นที่จดจำ แต่พอถึงทุกวันนี้ ไอเทมจากจินตนาการเหล่านั้นได้กลายเป็นอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่เราทุกคนต่างพกพาติดตัว เคยพบเห็น หรือจับต้องได้ขึ้นมา
TK Park ขอชวนทุกคนไปย้อนดูอุปกรณ์ไฮเทค 7 อย่างจากหนังและนิยายไซไฟที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่จินตนาการอีกต่อไป เพราะได้ออกมาโลดแล่นบนโลกแห่งความเป็นจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
โทรศัพท์มือถือ (Flip Phone)
โทรศัพท์มือถือที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งคือไอเทมที่ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างเหล่าลูกเรือในภาพยนตร์และซีรีส์ไซไฟสุดคลาสสิกเรื่องหนึ่งของโลกอย่าง Star Trek ตั้งแต่เมื่อปี 1966 ก่อนที่ในอีก 30 ปีถัดมา Motorola แบรนด์เจ้าตลาดของโทรศัพท์ในยุคนั้นจะออกโทรศัพท์มือถือแบบฝาพับเครื่องแรกของโลก ภายใต้ชื่อ ‘StarTAC’ ที่ชวนให้แฟน ๆ นึกย้อนกลับไปถึงหนังเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยน้ำหนักที่เบา พกพาได้ง่าย แถมยังมีฟังก์ชันส่งข้อความ StarTAC จึงได้รับความนิยมต่อเนื่องยาวนาน และมีอิทธิพลต่อการพัฒนาโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ จนนิตยสาร Time ยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 อุปกรณ์ไฮเทคที่เยี่ยมยอดตลอดกาลเลยทีเดียว
นาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch)
เราใช้นาฬิกาแค่เพื่อดูเวลาและเป็นเครื่องประดับมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อเทคโนโลยีมาถึง นาฬิกาอัจฉริยะหรือสมาร์ทวอชก็สามารถพัฒนาขีดความสามารถขึ้นไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่รับโทรศัพท์ ดูพยากรณ์อากาศ ไปจนถึงบันทึกก้าวเดิน วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ไปจนถึงคุณสมบัติการตรวจวัดด้านสุขภาพต่าง ๆ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ เมื่อปี 1946 การ์ตูนช่องเรื่อง Dick Tracy ที่ต่อมาถูกนำมาทำเป็นซีรีส์ ได้เคยเขียนถึงไอเทมอัจฉริยะชิ้นนี้ไว้แล้ว โดยตัวละครตำรวจสายสืบในเรื่องมีนาฬิกาเรือนหนึ่งใช้แทนวิทยุแบบสองทาง เพื่อใช้สื่อสารกับคนจากอีกฟาก ก่อนที่ในปี 1964 นาฬิกาเรือนนี้จะถูกผู้เขียนเพิ่มฟังก์ชันการโทรแบบวิดีโอคอลลงไป ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันก็ทำให้ทั้งสองฟังก์ชันนี้เป็นไปได้จริงแล้ว!
โฮโลแกรม 3 มิติ (3D Hologram)
แฟนหนังสุดคลาสสิกอย่าง Star Wars น่าจะคุ้นเคยกับเทคโนโลยีโฮโลแกรม 3 มิติ เพราะเป็นวิธีที่ตัวละครใช้ติดต่อสื่อสาร ใช้แสดงแผนที่หรือแผนการรบในระหว่างการประชุม และยังใช้ในฉากสำคัญ ๆ มากมาย อาทิ ฉากที่เจ้าหญิงเลอาฉายภาพส่งข้อความผ่านหุ่นกระป๋อง R2-D2 เพื่อขอความช่วยเหลือจากโอบีวัน เคโนบี และทำให้เส้นทางสู่การเป็นฮีโร่ของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ เริ่มต้นขึ้น
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีโฮโลแกรมได้ถูกพัฒนาขึ้นจนใช้งานได้หลากหลายและง่ายดายมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือการใช้เพื่อสร้างงานศิลปะและสื่อบันเทิงต่าง ๆ ช่วยเปลี่ยนสิ่งที่เคยอยู่แค่ในจินตนาการให้เกิดขึ้นจริง เช่น บนเวทีประกาศรางวัล Billboard Music Awards 2014 ที่ทางผู้จัดงานได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟน ๆ ด้วยการชุบชีวิตราชาเพลงป็อประดับตำนานอย่าง ไมเคิล แจ็คสัน ให้กลับมาโลดแล่นบนเวทีอีกครั้งในรูปแบบโฮโลแกรม 3 มิติ
รถยนต์ไร้คนขับ (Self-driving Car)
รถยนต์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนบทหนังไซไฟใช้ตั้งต้น แล้วนำจินตนาการมาผสมผสานกับความรู้ทางเทคโนโลยีจนชวนให้เราตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นรถที่บินได้ในเรื่อง Blade Runner รถที่สามารถพาคุณข้ามเวลาได้อย่างใน Back to the Future หรือรถไร้คนขับแบบในเรื่อง Total Recall แต่แม้ว่าในโลกความเป็นจริงมนุษย์จะยังไม่สามารถเอาชนะการเดินทางของเวลาได้ ส่วนรถบินได้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองขององค์การนาซา (NASA) แต่สำหรับนวัตกรรมรถไร้คนขับนั้น มันได้เกิดขึ้นจริงแล้ว! ปัจจุบันนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกทั้งในด้านยานยนต์และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Tesla, Apple, Google, Toyota, Honda และอื่น ๆต่างกำลังทุ่มทรัพยากรและสรรพกำลังเพื่อสร้างยานยนต์ไร้คนขับที่สมบูรณ์แบบที่สุด และมีหลายประเทศที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้จริงอย่างแพร่หลายขึ้นแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และบางประเทศในยุโรป
แท็บเล็ตพีซี (Tablet PC)
ทุกวันนี้ นอกจากโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์แล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับการใช้แท็บเล็ตพีซี หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า แท็บเล็ต เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะน้ำหนักเบา พกพาง่าย แท็บเล็ตยังมีประโยชน์หลายด้านทั้งในแง่การทำงานและให้ความบันเทิง
โลกรู้จักแท็บเล็ตครั้งแรกจากผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า iPad ภายใต้แบรนด์ Apple แต่รู้หรือไม่ว่าครั้งหนึ่ง Samsung เคยฟ้องร้องต่อศาลว่า Apple ไม่ใช่ผู้คิดค้นแท็บเล็ตอย่างที่กล่าวอ้าง แต่เป็นสแตนลีย์ คูบริก ผู้กำกับ และ เซอร์ อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก นักเขียน ผู้สร้างหนังเรื่อง 2001: A Space Odyssey ในปี 1968 ต่างหาก เนื่องจากในหนังมีฉากที่ตัวละครอ่านข่าวในหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นเหมือนแท็บเล็ต แม้คดีนี้ศาลจะยกฟ้อง เนื่องจากไม่สามารถใช้หลักฐานชิ้นนี้ในการฟ้องได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนที่เราจะมีแท็บเล็ตใช้อย่างทุกวันนี้ ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 55 ปีที่แล้ว โลกได้รู้จักไอเทมชิ้นนี้มาก่อนแล้วในหนังไซไฟ
ปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence)
ช่วงหลายปีมานี้ หนึ่งในนวัตกรรมที่มีการพัฒนามากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) บริษัทสตาร์ทอัพหลายแห่งได้พัฒนา AI ที่สามารถเรียนรู้ได้ไวขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้ตอบโจทย์ที่ซับซ้อนและเฉพาะทางสำหรับความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เช่น ChatGPT แชทบอทที่สามารถทำหน้าที่ได้หลากหลาย ทั้งตอบคำถาม เรียบเรียงข้อมูล ตลอดจนจัดการงานต่าง ๆ ได้ในพริบตา Alexa และ Siri โปรแกรมช่วยอำนวยความสะดวกบนโทรศัพท์มือถือ ทำหน้าที่เหมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเรา และแม้แต่องค์การนาซา (NASA) เองก็มีการสร้าง AI เพื่อช่วยค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ (exoplanet) ที่มนุษย์ยังไม่สามารถค้นหาด้วยเทคโนโลยีเดิมได้
แต่ก่อนที่ AI จะถูกพัฒนาจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราแบบในทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งไปเดียนี้เคยเป็นพล็อตสุดล้ำที่นิยมมากในหนังไซไฟในช่วงปี 1980s อาทิ Blade Runner หนึ่งในหนังต้นฉบับที่สร้างภาพจำของ AI ที่มีความรู้สึกนึกคิดและมีสมองที่ชาญฉลาดไม่ต่างจากคน และด้วยการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของเทคโนโลยีนี้ ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งความสามารถอื่น ๆ ของ AI ที่เคยปรากฏในหนังหลายเรื่องอาจกลายเป็นจริงขึ้นมาก็ได้
เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality)
ย้อนกลับไปในปี 1935 โลกได้รู้จัก VR หรือเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนเป็นครั้งแรกจากนิยายไซไฟเรื่อง Pygmalion's Spectacles ของสแตนลีย์ ไวน์บาม ที่เมื่อตัวละครสวมแว่นตาพิเศษ ก็จะสามารถเข้าไปในโลกสมมติได้ ซึ่งคล้ายคลึงกับคอนเซปต์ของแว่น VR หลังจากนั้นในปี 1982 หนังเรื่อง Tron ก็ช่วยทำให้คอนเซ็ปต์การก้าวเข้าสู่โลกเสมือนชัดเจนยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในโลกความจริงมาตั้งแต่ในยุค 1930s โดยจุดประสงค์แรกเริ่มคือเพื่อใช้ฝึกซ้อมในทางทหาร ก่อนที่จะต่อยอดเป็นโปรแกรมฝึกบินสำหรับนักบิน และฝึกใช้ชีวิตสำหรับนักบินอวกาศ ปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายเจ้าแม้แต่ Apple ก็ได้ผลิตแว่น VR ที่สามารถใช้เพื่อความบันเทิงที่บ้าน อาทิ ดูหนัง เล่นเกม ดูคอนเสิร์ต ชมกีฬา หรือท่องเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ แบบเสมือนจริงได้ เปิดโอกาสให้ผู้คนได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงได้จากทุกที่โดยไม่ต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง
นอกจากไอเทม 7 อย่างข้างต้นแล้ว ยังมีนวัตกรรมสุดไฮเทคอีกมากมายที่นักประดิษฐ์กำลังรังสรรค์ให้เกิดขึ้นจริง และตราบใดที่มนุษย์ยังมีจินตนาการและไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ใครจะรู้ว่าในอนาคต ไอเทมสุดล้ำในหนังหรือนิยายไซไฟเรื่องโปรด อาจกลายมาเป็นสิ่งของธรรมดาสามัญที่คุณใช้ชีวิตประจำวันในวันในวันข้างหน้าก็ได้