การระบาดระลอกนี้หนักหน่วงกว่าระลอกที่ผ่านมา ยิ่งล็อคดาวน์หลายคนยิ่งเครียด ไหนจะเรื่องงาน การเงิน ชีวิตครอบครัว ส่งผลกับสุขภาพจิต หลายแห่งให้ทำงานที่บ้านกันแบบเต็มรูปแบบ พอทำงานออนไลน์แล้วก็กลายเป็นว่าเรารับเอาวัฒนธรรมออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงมาแบบไม่รู้ตัว ไหนจะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ การประชุมแบบฉุกละหุกที่เกิดขึ้นตลอดเวลาแทบทั้งวัน ความคาดหวังที่จะต้องรับสาย ตอบไลน์ ตอบอีเมลกลับแบบทันทีทันใดเป็นเรื่องที่คนทำงานต้องแบกรับไว้ จนกลายเป็นว่าพอ Work From Home เรากลับทำงานมากกว่าตอนที่อยู่ออฟฟิศเสียอีก หลายคนเครียดสะสม ส่งผลกับทั้งประสิทธิภาพการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว ยิ่งถ้าไม่ระวังหรือจัดการไม่ดี พอเจอกับภาวะข้อมูลถาโถมจนเกินรับไหว โฟกัสไม่ได้ ก็เบิร์นเอาท์หมดไฟในการทำงานไปเลย
ลองมาดู 5 เคล็ดลับที่จะช่วยบล็อคความเครียด WFH ช่วง Covid-19 ปรับสมดุลชีวิตและการทำงานยุค New Normal แล้วเราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน
ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุล
Anxiety & Depression Association of America (ADAA) เผยสถิติว่าความเครียดและความวิตกกังวลในที่ทำงานจะส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงาน (56%) และความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน (51%) และ Wrike พบว่าคนทำงานกว่าครึ่งเผชิญกับปัญหานอนไม่หลับจากความเครียดในที่ทำงานและหนึ่งในสี่บอกว่าคุณภาพงานลดลงจากความเครียด นั่นแสดงว่าคุณต้องเริ่มหาวิธีจัดการกับความเครียดแล้ว งานวิจัยจาก University of York และ University of Florida พบว่าความคิดสร้างสรรค์มากกว่า 40% เกิดขึ้นเมื่อเราหยุดพักหรือปล่อยให้ความคิดของเราล่องลอยไป เชื้อไวรัส Covid-19 ยังจะอยู่กับเราไปอีกพักใหญ่ๆ ลองหาเวลาพักผ่อนคลาย บริหารชั่วโมงทำงาน ออกกำลัง หรือทำดิจิทัลดีท็อกซ์บ้าง เพื่อรักษาสมดุลและมีชีวิตส่วนตัวและสุขภาพจิตที่ดี ให้พร้อมลุยกับงานต่อไป
ตั้งใจปิดการเชื่อมต่อ เปิด Airplane Mode ดูบ้าง
พอเริ่มทำงานที่บ้าน เรื่องงาน ชีวิตส่วนตัว ครอบครัว พันกันยุ่งเหยิงไปหมด และเราก็ไม่สามารถทำทุกอย่างพร้อมกันได้ ลองนึกภาพว่าคุณต้องการใช้เวลาในแต่ละวันอย่างไรและทำแบบไหนถึงจะเวิร์คที่สุด สตีเฟน โควีย์ กล่าวไว้ว่า “กุญแจสำคัญไม่ได้อยู่ที่การจัดลำดับตารางเวลา แต่คือการจัดสรรเวลาให้กับสิ่งที่สำคัญ” เริ่มเปลี่ยนจากเรื่องเล็กๆ อย่างการพักกินข้าว บางที่เราทำงานยาวจนไม่ได้พัก แบ่งเวลาพักกินข้าว กินกาแฟ พักผ่อนหย่อนจิตบ้าง ลองให้เวลากับเรื่องใกล้ๆ ตัวอย่าง ครอบครัว หรือแบ่งเวลาอ่านหนังสือ ออกกำลังกาย คุณอาจต้องเปิด Airplane Mode ปิดการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ เอาตัวเองออกจากกลุ่มแชทที่ไม่ค่อยเกี่ยว หรือไม่เข้าประชุมที่ไม่จำเป็น หรือคุยกับเพื่อนๆ ในทีมเพื่อกระจายโหลดงานกันบ้าง
วางระบบงานช่วงที่ “หยุด"
ยิ่งในช่วงวิกฤติ Covid-19 แบบนี้ การทำงานที่บ้านอะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทีคนในครอบครัวป่วย เกิดเหตุฉุกเฉิน ถ้าเรื่องนี้ถึงกับทำให้งานในทีมเดินหน้าต่อไม่ได้ แสดงว่าคุณมีปัญหาในทีมที่ต้องแก้แล้ว ไม่ควรจะต้องมีหน้าที่ไหนหยุดชะงักหากใครจำเป็นต้องหยุดไปสักคน ลองคุยกันวางแผนระบบงานว่าถ้าหากใครมีความจำเป็นที่ต้องหยุดทีมจะจัดการกับเรื่องงานกันอย่างไร
ใส่ใจกับสุขภาพ อย่าลืมหัวเราะบ้าง
สุขภาพกายและใจนั้นสัมพันธ์กัน ความเครียดส่งผลกับการทำงานของสมองจากนั้นจะกระทบกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ข่าวดีคือการออกกำลังช่วยตัดวงจรนี้ได้ พิสูจน์แล้วว่าการออกกำลังกายช่วยลดความเครียด ปรับอารมณ์ให้คงที่ ทำให้นอนหลับดีขึ้น และเพิ่มความนับถือตนเอง การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพก็สามารถช่วยรับมือกับผลกระทบของความเครียดในแต่ละวันโดยลดความดันโลหิตและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันซึ่งเป็นประโยชน์มากกับช่วง Covid-19 นี้
เคยสังเกตุตัวเองดูไหมว่าตั้งแต่ WFH ได้ยิ้มหรือหัวเราะบ้างรึเปล่าในแต่ละวัน ช่วงนี้ด้วยสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาจจะดูเป็นเรื่องยาก แต่ความสุขและเสียงหัวเราะเป็นกลไกการเผชิญปัญหาที่สำคัญสำหรับร่างกายของเรา นอกจากเสียงหัวเราะจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ยังเพิ่มระดับเอ็นดอร์ฟิน บรรเทาความเจ็บปวดและบรรเทาความเครียดได้ ลองแบ่งเวลาเติมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับชีวิตดูบ้าง
ก้าวข้าม Covid-19 ด้วยการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน
ขณะนี้อัตราการว่างงานทั่วโลกสูงเป็นประวัติการณ์ การหาความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานยิ่งต้องทำแบบระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม งานยังคงสำคัญอยู่และชีวิตส่วนตัวก็ต้องไม่กระทบกับความมั่นคงของงาน แต่อย่าลืมว่าวิกฤติครั้งนี้น่าจะอยู่กับเราไปอีกพักใหญ่ ให้เวลาตัวเองได้พักบ้างเพื่อเติมพลังให้เดินหน้ามีแรงไปต่อได้ และถ้าคุณเคารพเวลาของตัวเอง คนอื่นก็จะเคารพมันเช่นกัน
แต่บางครั้งการได้ออกไปนั่งพักผ่อนและสูดอากาศสักนิดก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพราะจะช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นและไปได้ไกลขึ้นในระยะยาว ท้ายที่สุดความสำเร็จคือการวิ่งมาราธอนไม่ใช่การวิ่งเร็ว และถ้าคุณเคารพเวลาของตัวเอง คนอื่นก็จะเคารพมันเช่นกัน เริ่มทำเป็นแบบอย่างก่อนแล้ว เพื่อนร่วมงานจะมาหาคุณเมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เท่านั้น แทนที่จะวิ่งมาหาคุณทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย
การจัดลำดับความสำคัญและการจัดตารางเวลาอย่างตั้งใจจะช่วยให้พนักงานรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว เพิ่มผลผลิตในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงนี้ยังเปิดโอกาสสำหรับทีมในการกระจายงานได้ดีขึ้น และปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของการทำงานแบบ new normal ที่ออฟฟิศเปิดตลอดและคนทำงานที่บ้านก็พร้อมเชื่อมต่อกันอยู่เสมอ
รายการอ้างอิง
Sunshine Farzan. (2021). Switch Off Covid-19 Stress: 5 Ways to Achieve Work-life Balance in the New Normal. Retrieved July 28, 2021, from https://www.entrepreneur.com/article/352278