เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม 2555 เวลา 14.00 น. ที่ห้องมินิเธียเตอร์ 1 ที่ผ่านมา อุทยานการเรียนรู้ TK park ร่วมกับหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) จัดฉายภาพยนตร์สัญชาติเกาหลี “Speedy Scandal: ลูกหลานใครหว่าป่วนซ่านายเจี๋ยมเจี้ยม” หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Scandal Makers ภาพยนตร์ผลงานของผู้กำกับและนักเขียนบทมือใหม่ คังฮยองซอล ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ดารานำที่มีชื่อเสียงอย่าง ชาแตฮุน นายเจี๋ยมเจี้ยมผู้โด่งดังจากเรื่อง My Sassy Girl (ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม) และปาร์คโบยอง ผู้โด่งดังจากบทแม่มดยูฮีในซีรี่ส์ A Witch in Love ร่วมด้วยดาราใหม่เด็กน้อยน่ารัก วังซ็อกฮยอน ที่แจ้งเกิดทันทีจากภาพยนตร์เรื่องนี้
ภาพยนตร์เรื่อง Speedy Scandal เมื่อเข้าฉายครั้งแรกที่ประเทศเกาหลีก็ถูกมองว่าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มเล็กไม่น่าดู แต่เมื่อฉายกลับมีกระแสตอบรับแรงเกินคาดและประสบความสำเร็จเป็นประวัติการณ์ จนภาพยนตร์สามารถทำเงินได้สูงถึง 2.54 ล้านบาท และมียอดจำหน่ายตั๋วสูงถึง 544,234 ใบในสัปดาห์แรกที่ออกฉายจาก 530 โรงทั่วเกาหลี และทำรายได้รวมทั้งหมดสูงถึง 2,400 ล้านบาท ทั้งยังได้รับรางวัลต่างๆ อีกมากมายด้วย
โปสเตอร์ภาพยนตร์ Speedy Scandal: ลูกหลานใครหว่าป่วนซ่านายเจี๋ยมเจี้ยม
Speedy Scandal: ลูกหลานใครหว่าป่วนซ่านายเจี๋ยมเจี้ยม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเพลย์บอยหนุ่มไฮโซวัยสามสิบกว่า นัมฮยอนซู (ชาแตฮุน) อดีตนักร้องวงบอยแบนด์ชื่อดัง ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของรายการทอลค์โชว์ วิทยุที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ชีวิตของเขาราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่แล้วเรื่องราววุ่นๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อเด็กสาววัยรุ่นแม่ลูกหนึ่งตัวแสบ ฮวังจองนัม (ปาร์คโบยอง) เขียนจดหมายเล่าเรื่องราวการตามหาพ่อของเธอเข้ามายังรายการ ปรากฎว่าเรื่องของเธอเป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมจากผู้ฟังอย่างมากจากการโหวตทางอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้เรทติ้งของรายการพุ่งกระฉูด ฮยอนซูก็คอยพูดให้กำลังใจเธอในรายการว่าเธอต้องค้นหาพ่อของเธอให้พบ
แต่แล้วในคืนหนึ่ง ฮยอนซูก็ต้องช็อคสุดขีดเมื่อพบจองนัมกับลูกชายวัย 6 ขวบ ฮวังกิลดง (วังซ็อกฮยอน) โผล่มาที่อพาร์ทเม้นท์ของเขา และเข้ามาในชีวิตของฮยอนซูในฐานะที่เขาเป็นพ่อของเธอและเป็นตาของลูกเธอ เพียงเพราะฮยอนซูเคยมีความสัมพันธ์ครั้งแรกและครั้งเดียวขณะที่เรียนชั้นมัธยมปีที่ 3 กับนูน่า พี่สาวข้างบ้านที่อายุมากกว่าเขา 5 ปี เรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้นเมื่อฮยอนซูพยายามทุกวิถีทางที่จะเอานัมจองและเด็กน้อยกิลดงออกไปจากชีวิตของเขาให้ได้ เพื่อรักษาชื่อเสียงของตนไว้ไม่ให้อื้อฉาว
และในขณะนั้นก็มีนักข่าวคนหนึ่งคือนักข่าวบงคินจุงที่ชอบขุดคุ้ยข่าวฉาวของดารามาแฉจนหมดอนาคต นักข่าวบงคินจุงสงสัยที่ฮยอนซูไม่มีเรื่องฉาวโฉ่ จึงตั้งใจจะจับตาดูฮยอนซูเป็นพิเศษ ขณะที่ฮยอนซูต้องการพิสูจน์ว่านัมจองเป็นลูกสาวของเขาจริงหรือไม่แต่ก็กลัวตกเป็นข่าว จึงพาเธอไปตรวจ DNA ที่คลินิกรักษาสัตว์ของเพื่อนสนิทอีชางฮุนซึ่งเป็นอดีตมือกลองสมาชิกวงเดียวกัน ผลออกมาว่าเธอเป็นลูกสาวเขาจริงๆ ฮยอนซูจึงต้องให้ลูกสาวกับหลานชายอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างจำใจ เมื่อมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมา ชีวิตของฮยอนซูก็เปลี่ยนไป หลานชายน่ารักวัยซนที่ละเมอเดินจนฮยอนซูตกใจกลัวคิดว่าเป็นผี ห้องรับแขกที่สภาพเละเทะเหมือนระเบิดลงเพราะลูกกับหลานเล่นกัน แต่ชีวิตโดดเดี่ยวของฮยอนซูก็ไม่เงียบเหงาอีกต่อไปเมื่อมีคนรับประทานอาหารด้วยกันทุกเช้า นั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันในวันว่าง ฮยอนซูผู้แสนเจ้าเล่ห์ยังโพสต์เรื่องราวของจองนัมว่าพ่อของเธอดูแลเธอดีมาก และขอร้องว่าอย่าสืบหาตัวเธอ
ฮยอนซูทำหน้าเซ็งที่ลูกหลานแย่งดูโทรทัศน์
วันหนึ่งฮยอนซูมาทำงานตามปกติ แต่แล้วก็ต้องช็อคอีกครั้งเมื่อเห็นจองนัมมาประกวดร้องเพลงในรายการโดยใช้ชื่อว่าแจอินซึ่งเป็นชื่อที่แม่ตั้งให้ จองนัมมีเสียงที่ไพเราะมากและยังเล่นกีตาร์ได้ด้วย ชื่อเสียงของเธอโด่งดังไปทั่วอีกครั้ง ฮยอนซูพยายามห้ามปรามไม่ให้เธอประกวดแต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อจองนัมต้องไปร้องเพลง กิลดงจึงต้องไปโรงเรียนเพราะไม่มีคนดูแล ฮยอนซูให้กิลดงท่องบทว่าฮยอนซูเป็นเพียงญาติห่างๆ ทันทีที่ไปถึงโรงเรียนอนุบาล กิลดงก็หลงรักเด็กหญิงคนหนึ่ง ขณะที่ฮยอนซูก็หลงรักครูใหญ่ จึงพากิลดงมาส่งเสมอและพยายามจีบครูใหญ่ด้วย
วันหนึ่งครูใหญ่ก็บอกว่ากิลดงแอบชอบเด็กหญิงคนหนึ่งอยู่ แต่เธอไม่ยอมเล่นกับกิลดงเพราะเห็นเขาใส่เสื้อผ้าเก่าโทรม ฮยอนซูทนไม่ได้จึงพาทั้งกิลดงและจองนัมไปซื้อเสื้อผ้าหรูหราราคาแพง ฮยอนซูถือโอกาสใช้กิลดงไปสืบว่าครูใหญ่ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เมื่อถึงวันหยุดสองตาหลานก็ขลุกทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เช่น ดูโทรทัศน์ เล่นไพ่ กิลดงเป็นเด็กฉลาดเฉลียวมาก จนครูใหญ่พบว่าเขามีพรสวรรค์ด้านดนตรี สามารถเล่นเปียโนได้อย่างไพเราะ ครูใหญ่จึงให้เขาไปเรียนเปียโนที่บ้านของเธอ ฮยอนซูถือโอกาสสานสัมพันธ์กับครูใหญ่ด้วยความช่วยเหลือของกิลดง ทั้งคู่ไปรับประทานอาหารด้วยกันและครูใหญ่ก็รู้ความในใจของเขาแต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร
ฮยอนซูรับประทานอาหารกับครูใหญ่
ด้านจองนัมก็มีรุ่นพี่ช่างภาพชื่อซังมินที่เคยคบกันสมัยอดีตมาทักทาย ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมคุ้นเคยกันอีกครั้ง ซังมินสารภาพว่าเขารักเธอ จองนัมไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่มีท่าทีรังเกียจ วันหนึ่งซังมินตามมาส่งเธอที่บ้านแล้วพบจองนัมกับฮยอนซูพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เขาถ่ายรูปเก็บไว้พร้อมกับความเข้าใจผิดว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กัน วันต่อมา ซังมินนั่งดูภาพด้วยความปวดใจ นักข่าวบงคินจุงบังเอิญมาเห็นจึงปล่อยข่าวออกไป หัวหน้าของฮยอนซูเรียกเขาไปขู่ว่าชื่อเสียงเขาจะย่อยยับและให้เขาห้ามไม่ให้จองนัมไปประกวดรอบสุดท้าย
วันเดียวกันนั้นจองนัมถูกซังมินกล่าวหาว่าเธอมีความสัมพันธ์กับฮยอนซูและยังเอารูปที่เขาถ่ายได้ให้เธอดูด้วย จองนัมจึงทำลายกล้องแล้วเก็บเมมโมรี่กลับมา ขณะที่ฮยอนซูก็กลัวเสียชื่อเสียงจึงขอร้องไม่ให้จองนัมไปประกวด ฮยอนซูรู้สึกกดดันที่ต้องรับมือกับสายตาและท่าทางซุบซิบนินทาของคนอื่นๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ซังมินมาดักพบจองนัมแล้วต่อว่าฮยอนซูอย่างแรง ฮยอนซูบังเอิญมาได้ยินเข้า ประกอบกับความเครียดกลัวเสียชื่อเสียงจึงทะเลาะกับจองนัม เขากล่าวหาว่าเธอทำลายชื่อเสียงเขาและมาเกาะเขากินเพราะเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ไหว แล้วก็ไล่จองนัมกับลูกออกไป แต่จองนัมมาอยู่ด้วยเพียงเพราะเธออยากมีพ่อเหมือนคนอื่นๆ ด้วยความเสียใจและน้อยใจ จองนัมจึงพากิลดงออกไป ชีวิตของฮยอนซูเงียบเหงาอีกครั้ง เขารู้สึกผิดจึงโพสต์ข้อความเขียนแทนจองนัมและพยายามขอโทษเธออ้อมๆ พร้อมทั้งขอร้องให้เธอกลับมาร้องเพลงในรอบสุดท้าย จองนัมใจอ่อนจึงยอมมาร้องเพลง โดยมีเซอร์ไพรส์คือมีนักร้องประสานเสียงที่ฮยอนซูจ้างมาช่วยร้องด้วย เธอจึงร้องเพลงจบท่ามกลางความประทับใจของทุกคน
จองนัมร้องเพลงพร้อมกลุ่มนักร้องประสานเสียง
แต่เมื่อร้องเพลงจบ กิลดงก็หายตัวไป จองนัมตามหาไปทั่วแต่ก็ไม่เจอจึงไปร้องไห้คร่ำครวญกับฮยอนซูที่กำลังทำหน้าที่พิธีกรเปิดรายการอยู่บนเวที ฮยอนซูยอมทิ้งทุกอย่างไปตามหากิลดง ทั้งสองกับครูใหญ่ไปอยู่ที่สถานีตำรวจ ซังมินบุกมาอาละวาดด้วยความหึงหวง จองนัมจึงเปิดเผยว่าซังมินคือพ่อ แล้วตำรวจก็บอกว่ากิลดงโทรมาแจ้งความตามหาตาฮยอนซูกับจองนัม และที่หายตัวไปเพราะหนีนักข่าวบงคินจุง ฮยอนซูจึงได้รู้ว่าตนรักและเป็นห่วงหลานมากแค่ไหน วันต่อมาฮยอนซูจัดแถลงข่าวเรื่องจองนัมกับกิลดง แต่ในเวลาเดียวกันนักข่าวบงคินจุงถูกทำร้ายจากดาราที่ตนแฉจนหมดอนาคต นักข่าวคนอื่นๆ จึงไม่สนใจฮยอนซู ฮยอนซูจึงคิดได้ว่าเขาไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากมายอย่างที่ตนคิด แต่เขาก็โชคดีที่ได้ภาพลักษณ์ใหม่ในวงการบันเทิงว่าเป็นคนรักครอบครัว นอกจากนี้ครูใหญ่ยังตัดสินใจคบหากับเขาด้วย ทั้งสามคนกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้งและได้ไปร่วมร้องเพลงที่งานโรงเรียน จองนัมร้องนำและเล่นกีตาร์ ฮยอนซูเล่นเบส กิลดงเล่นเปียโน และอีชางฮุน อดีตเพื่อนร่วมวงมาตีกลอง โดยมีซังมินตามมาชูป้ายเชียร์ด้วย
เมื่อภาพยนตร์จบลงมีการเสวนา โดยมีคุณชาญชนะ หอมทรัพย์ หรือพี่แป๊บ คอลัมนิสต์นิตยสาร Bioscope ซึ่งมาเป็นตัวแทนหอภาพยนตร์แห่งชาติให้เกียรติเป็นวิทยากร และมีคุณยุทธินัย ยั่งเจริญ หรือพี่ต้อง นักจัดการความรู้ฝ่ายกิจกรรมประจำอุทยานการเรียนรู้ TK park รับหน้าที่เป็นพิธีกร
ในครั้งนี้มีผู้ให้ความสนใจชมภาพยนตร์เป็นจำนวนมาก และมีผู้ชมหลายท่านร่วมเสวนาด้วยโดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์ว่า บทภาพยนตร์มีความทันสมัย เนื้อหาดีและสนุกสนาน นักแสดงก็สวมบทบาทได้ดีทุกคน เพลงประกอบภาพยนตร์ก็ไพเราะ ทั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่อง Speedy Scandal มีเพลงประกอบหลายเพลง คือ Perhaps That (เพลงแรกที่จองนัมร้องในรายการวิทยุ) Gift (เพลงประกวดรอบสุดท้าย) Walking on Sunshine (ร้องที่งานโรงเรียน) ทั้งหมดขับร้องโดยปาร์คโบยอง นอกจากนี้ยังมีเพลง Because I love you ขับร้องโดยชาแตฮุน ซึ่งชาแตฮุนยังโชว์ฝีมือแต่งเพลง Perhaps That ให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
พี่แป๊บให้ข้อมูลว่าภาพยนตร์เรื่อง Speedy Scandal นี้เข้าฉายเมื่อต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 และได้รายได้รวม มากถึง 2,400 ล้านบาทดังที่กล่าวไปแล้ว พี่ต้องเพิ่มเติมว่าภาพยนตร์ขายตั๋วได้มากถึงประมาณ 8 ล้านใบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีผู้ชมจำนวนมาก นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังอยู่อันดับหนึ่งของ Box Office ของเกาหลีถึงสามสัปดาห์ซ้อน แม้ว่าจะมีภาพยนตร์ใหม่ออกมาก็โค่นแชมป์ไม่ลงและยังคงติด 1 ใน 10 อันดับภาพยนตร์ทำเงินนานถึง 3 เดือน จนถึงปัจจุบันก็ติดอันดับ 4 ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดของประเทศเกาหลี
อย่างไรก็ตาม เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในประเทศไทยเมื่อปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 กลับได้ฉายเพียงเวลาสั้นๆ ซึ่งพี่แป๊บแสดงความเห็นว่า อาจเป็นเพราะกระแสนิยมภาพยนตร์เกาหลีลดความนิยมลงไปแล้ว
ภาพยนตร์ Speedy Scandal ไม่เพียงประสบความสำเร็จด้านรายได้เท่านั้น แต่ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ “ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งกล่อง” เนื่องจากได้รับรางวัลมากมาย กล่าวคือ ได้รับรางวัล Maxmovie Best Movie Awards ครั้งที่ 6 ทั้งหมด 2 รางวัล คือชาแตฮุนได้รับรางวัล Best Actor และปาร์คโบยองได้รับรางวัล Best นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังได้รับรางวัล Paeksang Art Awards (แพ็คซัง อาร์ต อวอดส์) ครั้งที่ 45 ประเทศเกาหลีอีก 3 รางวัล คือ คังฮยองชอล ได้รับรางวัลผู้เขียนบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปาร์คโบยองได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดนิยมและนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม
ส่วนนักแสดงอีกคนหนึ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เพราะใจคนดูไปเต็มๆ คือ วังซ็อกฮยอน เด็กน้อยผู้รับบท “ฮวังกิลดง” พี่แป๊บกล่าวว่า เด็กคนนี้ผ่านการแคสติ้งจากเด็กมากกว่า 1,000 คน ซึ่งถือเป็นการแคสติ้งจำนวนมาก และแสดงให้เห็นความทุ่มเทของทีมงานที่ต้องแคสติ้งเด็กด้วย
ส่วนสาเหตุของความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ พี่แป๊บแสดงความเห็นว่า ด้านตัวละครมีตัวเด่นครบ 3 ช่วงอายุ ทั้งผู้ใหญ่ วัยรุ่น และเด็ก และเรื่องของเนื้อหาที่เกี่ยวกับดาราที่แอบมีครอบครัวซึ่งเป็นเรื่องที่ขายได้เพราะประชาชนมักให้ความสนใจ พี่ต้องกล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นภาพสังคมเกาหลีที่ดาราเปรียบเสมือนสินค้าที่ทำเงิน จึงต้องหลบๆ ซ่อนๆ เมื่อจะคบหากับใคร พี่แป๊บเพิ่มเติมว่า สังคมเกาหลียังกดดันดาราไม่ให้มีชีวิตเหมือนคนปกติคล้ายๆ กับดาราไทยในยุคมิตร ชัยบัญชากับเพชรา เชาวราษฎร์
แม้ว่า Speedy Scandal จะเป็นภาพยนตร์เกาหลีแต่เนื้อหาก็มีความเป็นสากลจนครองใจผู้คนไปทั่ว เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้บอกกับเราว่าชื่อเสียงเงินทองเป็นสิ่งที่ไม่แน่แท้ยั่งยืน และไม่ได้เป็นความสุขที่แท้จริงในชีวิต แต่ความสุขที่แท้จริงในชีวิตคือ ความรักความผูกพันของคนในครอบครัว
Chestina Inkgirl
--------------------
รูปภาพและข้อมูลอ้างอิง
- homecinemasia.blogspot.com/2009/06/scandal-makers-first-press-limited.html
- www.nangdee.com/soundtrack/soundtrack.php?c_id=3839
- zayhit.com/index.php?topic=39.0
- www.pingbook.com/news/view.php?id=5546
- jkdramas.com/movies/korea/ScandalMakers/index.htm