Photo : © Yew Chung International School of Hong Kong
เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เริ่มวางยุทธศาสตร์ระดับชาติด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งได้มีการทบทวน สรุปบทเรียน และปรับปรุงใหม่ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันในชื่อ Digital 21 Strategy มีเป้าหมายว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฮ่องกงกลายเป็นมหานครดิจิทัลที่ไฮเทคที่สุดในโลก เนื้อหาของยุทธศาสตร์คำนึงถึงการวางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือที่ครอบคลุมทั่วเกาะฮ่องกงในราคาที่เป็นธรรมและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ สร้างศูนย์รวมความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยและย่านธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งประกอบด้วยบริษัทและผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลจากทั่วโลก รวมทั้งการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government) สำหรับบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่โดยการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
วิทยาการด้านเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นได้ส่งผลต่อการพัฒนาการศึกษาไปพร้อมกัน เมื่อ 15 ปีก่อน ห้องเรียนในฮ่องกงมีหน้าตาไม่แตกต่างจากโรงเรียนทั่วไปในโลก เด็กๆ ถูกจัดให้นั่งเรียนเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ การเรียนการสอนมีครูเป็นศูนย์กลาง (Teacher Centric Teaching) เรียกกันว่าเป็นยุคการศึกษาแบบ 1.0 เหมาะสำหรับสังคมอุตสาหกรรมซึ่งต้องการแรงงานที่มีความรู้และทักษะมาตรฐานเดียวกัน ตั้งแต่ปี 2006 การศึกษาของฮ่องกงเริ่มเปลี่ยนเป็นยุค 2.0 กลายเป็นการเรียนที่มีนักเรียนเป็นศูนย์กลาง (Student Centric Learning) เป็นไปเพื่อการเรียนรู้สำหรับเจนเนอเรชั่นวายโดยเฉพาะ มีทั้งการเรียนรู้ด้วยตนเองและการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มโดยประยุกต์ใช้สื่อเทคโนโลยี และนับตั้งแต่ปี 2011 การศึกษาฮ่องกงได้เข้าสู่ยุค 3.0 เดินหน้าปฏิรูปการสอนให้เป็นห้องเรียนแบบกลับด้าน (Flipped Classroom) เต็มไปด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่มีสีสัน และสนับสนุนให้ผู้เรียนเป็นนักสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยใช้สื่อดิจิทัลที่ทันสมัย
Hong Kong Science Park Photo : ©meinhardtgroup.com
สถิติเมื่อปี 2014 ระบุว่า ประชากรฮ่องกงมีสัดส่วนการใช้อุปกรณ์โมบายไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน ไอแพด หรือแท็บเล็ตเพิ่มขึ้น 238% คือมีผู้ใช้งานประมาณ 80-90% ของประชากรทั้งหมด (ไม่รวมเด็กและผู้สูงอายุ) มีการวิเคราะห์ว่าในอนาคตอันใกล้อุปกรณ์ดังกล่าวจะกลายเป็นของใช้ที่จำเป็นประจำตัวทุกคน (BYOD - Bring Your Own Device) ซึ่งทำให้สามารถทำงานหรือค้นคว้าหาความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา เมื่อวิถีชีวิตสมัยใหม่บรรจบกับยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัลที่รัฐบาลได้วางไว้ ก็จะเป็นการเพิ่มอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพและยกระดับคุณภาพชีวิต ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานในการผลักดันให้ฮ่องกงกำลังจะเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการปฏิรูปการศึกษาสำหรับศตวรรษที่ 21
ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษา รัฐบาลได้ลงนามความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ของสังคมนับร้อยภาคี เพื่อวาง 4 เสาหลักที่จะช่วยกันขับเคลื่อนด้านการศึกษายุคดิจิทัล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้แนวคิดการศึกษาเพื่อคนทุกคน ด้วยการมุ่งสู่ BYOD ในห้องเรียน สามารถเกิดขึ้นได้จริง ได้แก่
1. ด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล มีการตั้งเป้าหมายว่าทุกโรงเรียนจะต้องมี wi-fi ที่ครูและนักเรียนสามารถใช้ค้นหาและดาวน์โหลดข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และมีระบบ cloud ที่มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บและแบ่งปันข้อมูล พร้อมกันนั้นก็ได้เริ่มโครงการแจกอุปกรณ์โมบาย 1 คน 1 เครื่อง ให้กับนักเรียนบางระดับชั้น ขณะที่บางแห่งทดลองให้นักเรียน 2-3 คนใช้อุปกรณ์ร่วมกัน ทั้งนี้ในปี 2015 คาดว่าโครงข่ายอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารจะครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
2. ด้านเนื้อหาสาระ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักพิมพ์จำนวน 44 แห่ง ในการผลิตเนื้อหาสาระที่มีคุณภาพสำหรับการเรียนรู้และการเรียนการสอน
3. พ่อแม่หรือผู้ปกครอง ชาวฮ่องกงค่อนข้างทุ่มเทกำลังทรัพย์ในการหาซื้อหนังสือและอุปกรณ์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก และเปิดกว้างที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีไปพร้อมกับคนรุ่นใหม่ มีโครงการ Growth Hong Kong และ Parent Academy ซึ่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสื่อสารและให้ความรู้กับผู้ปกครองในการเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการของลูก
4. ครูและนักการศึกษา ที่มีวิสัยทัศน์และมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนการสอนให้เป็น Flipped Classroom
กิจกรรม iPad Art Room ของ Kellett School Photo :©ipadartroom.com
รัฐบาลได้ริเริ่มโครงการ Hong Kong Education City ซึ่งคล้ายกับเป็นตลาดรวมข้อมูล ทรัพยากรการเรียนรู้ และชุมชนออนไลน์ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ครูและนักเรียนมีเครื่องมือที่สะดวกต่อการนำมาใช้ในการสอนหรือเรียนรู้ด้วยตนเองในยุคการศึกษา 3.0 ประกอบด้วยโครงการย่อยและกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย อาทิ
- EdV แพลตฟอร์มคลิปวิดีโอที่ช่วยให้ครูและนักเรียนเป็นผู้สร้างและแบ่งปันสิ่งที่ได้สอนหรือได้เรียนรู้สู่สาธารณะผ่านรายการ HKedCity EdV Channel ซึ่งมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวิชาต่างๆ เช่น ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา และการศึกษาทั่วไป
- Online Question Bank (OQB) แพลตฟอร์มที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่อการประเมินผลนักเรียนเป็นรายบุคคล ครูและนักเรียนสามารถติดตามพัฒนาการของการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการจูงใจให้เด็กสามารถกำกับตนเองในการเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง
- EdBookShelf ศูนย์รวมทรัพยากรการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ที่ครูและผู้ปกครองสามารถเลือกหาได้อย่างหลากหลายตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นอีบุ๊ค แอพพลิเคชั่น มัลติมีเดีย ภาพสามมิติ ฯลฯ ฐานข้อมูลนี้จะเชื่อมโยงกับ EdMall ซึ่งเป็นร้านออนไลน์จำหน่ายสื่อการเรียนรู้และบริการทางการศึกษาโดยผู้ประกอบการจำนวนมาก
- English Camp e-learning เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแบบมีปฏิสัมพันธ์ เช่น การเรียนรู้จากคลิปข่าวขนาดสั้น กิจกรรมวิเคราะห์ข่าวเพื่อพัฒนาความคิดเชิงวิพากษ์และสร้างความตระหนักในประเด็นทางสังคม คลิปวิดีโอสอนเรื่องการออกเสียง และโปรแกรมซึ่งสามารถอัดและให้คะแนนการออกเสียงได้
- Chinese Resource สื่อการเรียนรู้ภาษาจีนด้วยตนเองสำหรับเด็กประถมและมัธยม มุ่งเน้นการเรียนรู้ 6 ด้าน คือ การอ่าน การเขียน การฟังและการพูด วรรณกรรม วัฒนธรรมจีน และคุณธรรมศึกษา
- Small Campus สื่อการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐาน ออกแบบมาเพื่อเด็กชั้นประถมโดยเฉพาะ สามารถใช้เรียนรู้ประกอบวิชาภาษาจีน ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และการศึกษาทั่วไป หลายเกมเป็นการจำลองสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การเลี้ยงสัตว์ การซื้อของ การฝากเงินและดอกเบี้ย การบริหารจัดการเงิน ฯลฯ
แพลตฟอร์มคลิปวิดีโอเพื่อการศึกษา (EdV) และ สื่อการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐาน
ฮ่องกงยังได้ดำเนินโครงการ Pilot Scheme on e-learning มาตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปัจจุบัน ในโรงเรียนนำร่อง 66 แห่ง รวม 21 โครงการย่อย เพื่อวิจัยและพัฒนาแนวทางการเรียนการสอนแบบ Flipped Classroom อาทิ e-learning การเรียนการสอนแบบมีปฏิสัมพันธ์ การเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถกำกับตนเองได้ โดยการวัดและประเมินผลที่ไม่เน้นการทำข้อสอบแต่เน้นวัดพัฒนาการในการเรียนรู้ของผู้เรียน อีกทั้งยังมุ่งที่จะพัฒนาสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์และบุคลากรทางการศึกษาที่มีแนวคิดและทักษะการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ ข้อคิดที่สำคัญจากการปฏิรูปการสอนยุค 3.0 ของฮ่องกงก็คือ แม้ว่าเทคโนโลยีจะเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงการศึกษา แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือครูและนักการศึกษาที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนทัศนคติ พยายามที่จะเรียนรู้และลงมือทำในสิ่งใหม่เพื่อให้เกิดผลทางการศึกษาที่ดียิ่งขึ้น
ผลการวิจัย Progress in International Reading Literacy Study (PIRLS) 2011 ระบุว่าฮ่องกงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเรียนรู้ด้านการอ่านเขียนจากครอบครัว (family literacy) ต่ำที่สุดในโลก คือมีพ่อแม่เพียง 12% ที่ส่งเสริมลูกในวัยก่อนเข้าโรงเรียนให้อ่านหนังสือ เล่านิทานหรือร้องเพลงกล่อม ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ 37% อีกทั้งนักเรียนฮ่องกงยังมีคะแนนด้านแรงจูงใจ ความสนใจและมั่นใจในการอ่านการเรียนรู้ อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ดังนั้นนอกจากการเรียนรู้ในห้องเรียน ฮ่องกงยังจำเป็นต้องทุ่มเทกับงานด้านส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ด้วยเหตุนี้เองในปี 2015 ฮ่องกงจึงเริ่มปรับการออกแบบห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้ให้สอดคล้องไปกับการศึกษายุค 3.0 โดยที่ก่อนหน้านี้ก็ได้ริเริ่มโครงการ Hong Kong Reading City ที่มุ่งสร้างวัฒนธรรมการอ่านและการแบ่งปันความรู้ หวังที่จะวางรากฐานให้เยาวชนรุ่นใหม่มีแรงจูงใจในการเรียนรู้โดยเริ่มต้นจากการอ่านหนังสือและมีนิสัยรักการอ่าน ตัวอย่างทรัพยากรการเรียนรู้และกิจกรรมในโครงการ เช่น
- แพลตฟอร์มออนไลน์ซึ่งบรรจุเนื้อหาสาระที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายจากสำนักพิมพ์ที่เป็นภาคี เนื้อหาในเว็บไซต์ เช่น นักเขียนออนไลน์ โซฟาการอ่าน รีดดิ้งโฟกัส ฯลฯ
- กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน เช่น ยุวทูตนักอ่าน ให้นักเรียนที่มีทักษะการอ่านที่ดีได้ชักชวนเพื่อนให้เห็นประโยชน์และอ่านหนังสือด้วยกัน บอร์ดนักอ่าน เป็นการแบ่งปันความคิดจากสิ่งที่ได้อ่านเผยแพร่ลงบนกระดานขนาดใหญ่ในโรงเรียนเพื่อให้เพื่อนๆ เห็นได้สะดวก และ บันทึกนักอ่าน เป็นโปรแกรมออนไลน์ที่ให้นักเรียนได้บันทึกความก้าวหน้าของการอ่านอย่างเป็นระบบ และครูสามารถติดตามความสามารถและนิสัยการอ่านของนักเรียนได้
- การคัดเลือก 10 หนังสือดีประจำปี ไม่ใช่การทำรายชื่อ “หนังสือควรอ่าน” ตามทัศนะของผู้ใหญ่ แต่ให้นักเรียนเป็นผู้โหวตรายชื่อหนังสือและนักเขียนที่พวกเขาชื่นชอบ ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระตุ้นคุณภาพของนักเขียนและสำนักพิมพ์แล้ว ยังสามารถสะท้อนปรากฏการณ์การอ่านของเยาวชนในสังคมด้วย
เว็บไซต์ส่งเสริมการอ่านและกิจกรรมในโครงการ Hong Kong Reading City
แหล่งข้อมูล
เอกสารการบรรยาย เรื่อง Going BYOD – What the World Can Learn from Hong Kong โดย Mr. Erwin Huang ในการประชุมวิชาการ Worlddidac Asia 2015 วันที่ 18 มีนาคม 2558
เอกสารเรื่อง Digital 21 Strategy โดย Commerce, Industry and Technology Bureau, Hong Kong, 2006.
เว็บไซต์ https://www.hkedcity.net/
เผยแพร่ครั้งแรก กรกฎาคม 2558