กลับมาอีกครั้งกับบรรยากาศแห่งความอบอุ่นในรอบชิงชนะเลิศ โครงการลับสมองประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ซึ่งครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่ 7 แล้ว กับการค้นหาหนูน้อยนักเล่านิทานคนเก่งจากทั่วประเทศ โดยความร่วมมือระหว่างอุทยานการเรียนรู้ TK park และสำนักเลขาธิการสภาการศึกษา, มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก และนิตยสาร Mother&Care ก่อนที่จะเดินทางมาถึงวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคมนี้ คณะกรรมการได้ตระเวนไปตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อค้นหาตัวแทนหนูน้อยนักเล่านิทานของแต่ละภาค ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่, ภาคอีสานที่จังหวัดอุดรธานี, ภาคกลางที่จังหวัดนครสวรรค์, ภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และส่วนกลางที่จังหวัดกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าคณะกรรมการมีเหนื่อย เพราะน้องๆ ในแต่ละภาคนั้นมีความสามารถไม่ธรรมดาจริงๆ และเชื่อว่าวันนี้ก็เป็นอีกวันที่คณะกรรมการจะเหนื่อยหนักยิ่งกว่าเดิม เพราะเป็นถึงรอบตัดสินแล้ว ซึ่งในวันนี้เป็นการประกวดในประเภทเดี่ยว อายุ 4 - 6 ปี
![Nitarn_7th-01.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/0005ce.jpg)
อุ่นเครื่องเล่านิทานโดยพี่บัวไร
ก่อนการประกวดจะเริ่มต้นขึ้น ก็มาอุ่นเครื่องด้วยนิทานแสนสนุกจาก พี่บัวไร - พัลลภ สินธุ์เจริญ นักแต่งนิทานและนักเล่านิทานชื่อดัง ที่มาชิมลางความสนุกให้น้องๆ ผู้เข้าประกวดทุกคนได้สนุกร่วมกัน พี่บัวไรได้เรียกน้องๆ ที่นั่งอยู่ออกมาเป็นตัวละครที่อยู่ในเรื่องและเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าด้วย แสดงออกถึงตัวอย่างของการเล่านิทานที่ดี คือผู้เล่ามีการปฏิสัมพันธ์กับผู้ฟัง ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการเล่านิทานนั่นเอง
ต่อด้วยโอวาทดีๆ จากผู้ใหญ่ใจดี คุณสุธาทิพ ธัชยพงษ์ รองประธานมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก ที่มาเป็นประธานกล่าวเปิดงาน “ทุกๆ ปีที่เราทำโครงการนี้ เรามีความสุขกันมาก ได้เห็นเด็กๆ ที่เก่ง กล้า และมีความสามารถ ขอให้คุณพ่อคุณแม่กอดลูกของท่านไว้ แม้บางคนที่ไปไม่ถึงดวงดาว แต่มาถึงตรงนี้ได้ก็ถือว่าเก่งทุกคนอยู่แล้ว” ก่อนที่จะย้อนเวลาพาไปดูความสามารถของแชมป์หนูน้อยนักเล่านิทานเมื่อปีที่แล้วอย่าง น้องหนูนา - ด.ญ.ศุภิสรา แซ่เฮา ที่กลับมาในฐานะพิธีกรร่วมกับ พี่น้ำเย็น - เรวัติ สังข์ช่วย จากรายการ Morning Kids FM 105 น้องหนูนาได้มาโชว์ความสามารถเล่านิทานให้เพื่อนๆ นักเล่านิทานรุ่นน้องฟัง เรียกได้ว่าฝีมือการเล่ายังเก่งและน่ารักเหมือนเดิม สมกับตำแหน่งแชมป์เมื่อปีที่แล้วเลยทีเดียว อีกทั้งยังช่วยผ่อนคลายให้น้องๆ นักเล่านิทานที่กำลังตื่นเต้นก่อนจะถึงคิวการเล่าของตนเองได้ผ่อนคลายอีกด้วย
น้าตุ๊บปอง - เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป ก็ได้มาให้ข้อคิดกับคุณพ่อคุณแม่ของน้องๆ ว่า “ชีวิตของเราทุกคนเกิดมาต้องการโอกาส วันที่เด็กๆ ลืมตาดูโลกก็ต้องได้รับโอกาสความรักจากพ่อแม่และได้ให้โอกาสเด็กๆ เติบโตมาทุกวันนี้ได้ ที่สำคัญเราให้โอกาสร้อยความรักระหว่างเรากับลูกด้วยการเล่านิทานกับอ่านหนังสือ นั่นคือโอกาสที่ดีที่สุดในการสอนลูก เพราะเป็นการย่อยเรื่องยากๆ ให้ลูกเข้าใจได้ง่ายขึ้น เวลาที่เด็กๆ ขึ้นมาอยู่บนเวทีเขาไม่รู้หรอกว่านี่คือการแข่งขัน เขารู้เพียงแต่ว่าเขาจะมาทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” ส่วนทางด้าน ป้าต้อย - ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล ก็ได้ฝากข้อคิดไว้ว่า “ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นกำลังใจให้เด็กๆ ทุกคน รวมถึงคุณครูที่ส่งเสริมให้เด็กๆ ได้แสดงความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่และมีความสุข ถึงผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม จะแพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย แต่วันนี้เด็กๆ ทุกคนชนะใจกรรมการและคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่อยู่ในที่นี่แล้ว วันนี้จะเป็นความทรงจำที่ดีของเขาที่จะสามารถต่อยอดและเสริมศักยภาพได้ในอนาคต”
![Nitarn_7th-02.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/0005cf.jpg)
คณะกรรมการให้คะแนนลำบาก
การประกวดในครั้งนี้มีคณะกรรมการ 5 ท่านด้วยกัน ได้แก่ คุณสุธาทิพ ธัชยพงษ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก, ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้, คุณทิพย์สุดา สุเมธเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, อาจารย์ชีวัน วิสาสะ นักนิทานและนักเล่านิทานชื่อดังเจ้าของผลงานนิทานยอดฮิต "อีเล้งเค้งโค้ง" และคุณสรวงมณฑ์ สิทธิสมาน บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Mother&Care ซึ่งว่าผลการประกวดจะออกมาในรูปแบบไหน การเล่านิทานของหนูน้อยนักเล่านิทานทุกคนก็ชนะใจคณะกรรมการอยู่แล้ว
ลีลาการเล่านิทาน
ทันทีที่การประกวดเริ่มต้นขึ้น บรรยากาศรอบๆ ลานสานฝันก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานคึกคัก เจือด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคุณพ่อคุณแม่และผู้ที่เข้ามาชมทุกคน หนูน้อยนักเล่านิทานทั้ง 23 คนจากทั่วประเทศต่างแสดงทักษะการเล่านิทานออกมาได้อย่างน่ารักสดใสและเป็นธรรมชาติเอามากๆ จนไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นการเล่านิทานของเด็กน้อยอายุเพียง 4 - 6 ปีเท่านั้น สารพัดเทคนิคการเล่า ทั้งการใช้เสียงสูงต่ำ การใช้ท่าทางประกอบ รวมไปถึงการใช้อุปกรณ์เข้าช่วย ต่างก็ถูกหนูน้อยนักเล่านิทานนำออกมาใช้อย่างเต็มที่ นิทานแต่ละเรื่องที่เลือกมาเล่าก็มีความหลากหลาย ทั้งนิทานอีสป นิทานคำกลอน หรือแม้กระทั่งนิทานธรรมะ
กองเชียร์คอยลุ้น
เวลาผ่านไปจนกระทั่งหนูน้อยนักเล่านิทานทั้ง 23 คนได้แสดงความสามารถกันครบแล้ว ก็มาถึงช่วงเวลาระทึกใจ คณะกรรมการต้องให้คะแนนชนิดที่เรียกว่าหนักอกหนักใจ เพราะคะแนนสูสีกันเหลือเกิน จึงทำให้มีข่าวดีว่าคณะกรรมการตกลงให้มีรางวัลรองชนะเลิศอันดับสองถึง 2 รางวัลด้วยกัน นอกจากรางวัลยอดเยี่ยมทั้ง 4 รางวัลแล้ว หนูน้อยนักเล่านิทานที่เหลือยังได้รับรางวัลชมเชยยอดเยี่ยม รับรางวัลทุนการศึกษามูลค่า 1,000 บาท พร้อมเกียรติบัตรและของที่ระลึกจากแปลนฟอร์คิดส์ จึงไม่มีหนูน้อยนักเล่านิทานคนไหนไม่ได้รางวัลกลับบ้านไปเลย และผลรางวัลอันน่าภาคภูมิใจก็ออกมาดังนี้
เจ้าของรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง
รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ ด.ญ.เพียงรวี สาระศิริ หรือ น้องเพียง จากโรงเรียนโพธิสารศึกษา จังหวัดนครสวรรค์ ที่มาเล่านิทานเรื่อง มดกับตั๊กแตน และ ด.ญ.ไวโอเลท ทองวัฒนาวญิช หรือ น้องไวโอเลท จากโรงเรียนสารสาสน์เอกตรา กรุงเทพฯ ที่มาเล่านิทานเรื่อง ราชสีห์กับหนู ได้รับรางวัลทุนการศึกษามูลค่า 5,000 บาท พร้อมเกียรติบัตรและของที่ระลึกจากแปลนฟอร์คิดส์
![Nitarn_7th-06.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/0005d3.jpg)
เจ้าของรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง
รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ ด.ญ.นริศศา เบิร์น หรือ น้องเอมี่ จากโรงเรียนเซนต์แมรี่ จังหวัดอุดรธานี ที่มาเล่านิทานเรื่อง ปลาสายรุ้ง ได้รับรางวัลทุนการศึกษามูลค่า 10,000 บาทพร้อมเกียรติบัตรและของที่ระลึกจากแปลนฟอร์คิดส์
![Nitarn_7th-07.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/0005d4.jpg)
เจ้าของรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง
รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ ด.ช.จิรทีปต์ มะจันทร์ หรือ น้องต้นกล้า จากโรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่มาเล่านิทานเรื่อง ต้นกล้าพอเพียง ได้รับรางวัลทุนการศึกษามูลค่า 20,000 บาทพร้อมถ้วยรางวัลจาก ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เกียรติบัตร และของที่ระลึกจากแปลนฟอร์คิดส์ ซึ่งน้องต้นกล้าได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเล่าเป็นนิทานได้อย่างยอดเยี่ยมจนชนะใจคณะกรรมการได้ในที่สุด
![Nitarn_7th-08.jpg](http://oldsite.tkpark.or.th/stocks/extra/0005d5.jpg)
ครอบครัวของน้องต้นกล้า
ปิดท้ายการประกาศผลรอบชิงชนะเลิศ โครงการลับสมองประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ครั้งที่ 7 ในวันนี้ด้วยคำกล่าวดีๆ จากน้องหนูนาที่กล่าวออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำและกินใจว่า “อยากจะบอกว่าน้องๆ คนไหนที่ไม่ได้รางวัลก็อย่าเพิ่งเสียใจ เพราะว่ารางวัลไม่ใช่สิ่งสำคัญ พ่อแม่เรานี่แหละเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราทำออกมาแล้วมันอาจจะผิดพลาดหรือมันอาจจะไม่ดี แต่ว่าใครบางคนเขาอาจจะดีใจก็ได้” และมาร่วมลุ้นกันต่อกับผลการประกวดในประเภทเดี่ยวอายุ 6-9 ปี และประเภททีมครอบครัว
นักฟังนิทานตัวใหญ่