สดสอบสี font
ทีเค พาร์ค ประกาศผลและมอบรางวัลชนะเลิศ
โครงการ Read Thailand : อ่านเถิด...เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน
ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายภาครัฐ กระทรวงศึกษาธิการ และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และหน่วยงานภาคเอกชน มูลนิธิคุณแม่ลี้กิมเกียว (ประจักษ์-ลออ ตั้งคารวคุณ) และ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จัดงานประกาศผลรอบชิงชนะเลิศและมอบถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้กับโรงเรียนที่ชนะเลิศ ในโครงการ “Read Thailand : อ่านเถิด...เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน” โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในศุภวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2558 นี้ โดยได้เริ่มโครงการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 - เมษายน 2557 เพื่อกระตุ้นการส่งเสริมการอ่าน การเรียนรู้ในเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนในทุกสังกัดทั่วประเทศ มีโรงเรียนเข้าร่วมประกวดรวม 3,932 แห่ง และได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย 37 แห่ง ซึ่งผลปรากฏว่า โรงเรียนปัณณวิชญ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับรางวัลชนะเลิศโรงเรียนประเภทขนาดใหญ่ โรงเรียนบ้านดอนสูง จ.ตราด ได้รับรางวัลชนะเลิศโรงเรียนประเภทขนาดกลาง และ โรงเรียนวัดท่าแค จ.ลพบุรี ได้รับรางวัลชนะเลิศโรงเรียนประเภทขนาดเล็ก ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ดร.สิริกร มณีรินทร์ ประธานคณะอนุกรรมการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) และ กรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์กรมหาชน) กล่าวว่า “โครงการนี้ประสบความสำเร็จด้านการมีส่วนร่วมของ โรงเรียนจากทุกสังกัด ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนท้องถิ่น และโรงเรียน ตชด. รวมเกือบ 4,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งนักเรียนที่อยู่ในข่ายวัดผลโดยตรงนับแสนคน และส่งผลดีต่อนักเรียนอีกนับล้านคน ถือว่าเราขับเคลื่อนการจุดประกายในการรักการอ่านหนังสือได้สำเร็จ คือการปลูกฝังการรักการอ่าน เพื่อถวายเจ้าฟ้านักอ่าน หากแต่จะไม่ประสบผลสำเร็จ ถ้าเราไม่ทำต่อเนื่อง เพราะว่าเรื่องนี้จะทำในครั้งเดียว ปีเดียว คงจะเป็นไปไม่ได้ เราในฐานะที่เป็นองค์กร ส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ ก็อยากจะทำต่อเนื่อง เพื่อที่จะไม่เป็นลักษณะไฟไหม้ฟาง อีกทั้งการประกวดในครั้งนี้ ทำให้เห็นประจักษ์ถึง โรงเรียนที่มีความพร้อมและโรงเรียนที่ค่อนข้างจะขาดโอกาส เช่น โรงเรียนบ้านตะบิงติงงี ที่มาจากอำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา หรือโรงเรียน บ้านเกาะโพธิ์ จังหวัด ชลบุรี เป็นต้น
ในขณะที่ เราเห็นบันทึกรักการอ่านของเด็กๆ แม้กระทั่งจากบันนังสตา ที่ต้องใช้ภาษามลายูท้องถิ่น และต้องเรียน 3-4 ภาษา ควบคู่กันไป แต่พวกเขาได้สัมผัสหนังสือพระราชนิพนธ์ และอ่านแล้วก็มาทำเป็นบันทึกรักการอ่านบ้าง มาเป็นผลงานที่เราเห็นประจักษ์กับตา เช่น หนังสือป๊อบอัพ หรือบางโรงเรียนก็มีความคิดริเริ่ม ทำเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ภาพต่อ จากหนังสือพระราชนิพนธ์ที่เมื่อก่อนเด็กๆ อาจจะไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ตอนนี้เด็กได้อ่านหนังสือจริงๆ ในการประกวดเราได้ซักถามเด็กจนเห็นได้ว่า พวกเขาได้อ่านหนังสือจริงๆ ไม่ใช่ผักชีโรยหน้า เด็กจะเอ่ยชื่อหนังสือพระราชนิพนธ์ที่เรานึกไม่ถึงว่าจะอ่าน อย่างเช่นเรื่องโรมันสัญจร เป็นต้น สำหรับในบทบาทของ ทีเค ปาร์ค ที่เราอยากจะกระตุ้นให้สังคมภาพรวม ทั้งเด็กเล็ก และเด็กโต รักการอ่านหนังสือไปด้วย ในโลกที่มีอินเตอร์เน็ต มีโซเชียลมีเดีย และสื่อทีวี ก็เป็นเรื่องที่ท้าทาย เราคงจะต้องเคลื่อนทัพในปีนี้ เพื่อพยายามจะจุดประกายการรักการอ่านในเด็กโตและหมู่วัยรุ่นต่อไป สำหรับ โครงการ Read Thailand เราก็กำลังวางแผนจะดำเนินการในระดับเด็กโต และจะเอื้อในกลุ่มของเด็กที่ขาดโอกาส เพราะวันนี้สิ่งหนึ่งที่เราดีใจมาก คือหลายโรงเรียน ได้ชนะใจกรรมการ อย่างหนึ่งว่า ได้มีการทำการส่งเสริมการอ่านกับเด็กแอลดี จำนวนมาก หยิบยื่นโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งเด็กที่ปกติ และเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เป็นที่น่าปลื้มใจค่ะ”
บุญริตา น้ำหอม คุณครูผู้นำทีมโรงเรียนปัณณวิชญ์ จ.พระนครศรีอยุธยา สู่รางวัลชนะเลิศของโรงเรียนประเภทขนาดใหญ่ในโครงการ Read Thailand ได้กล่าววว่า “ดีใจมาก สมกับที่เราเหนื่อยกันมาตลอด แต่ถึงจะได้หรือไม่ได้อย่างไรก็แล้วแต่ เรามีความรู้สึกภาคภูมิใจ เพราะผลที่เกิดขึ้น ได้เกิดกับตัวเด็กจริงๆ ผมสัมฤทธิ์ของเด็กดีขึ้น เราได้พัฒนาในเรื่องของเด็กที่อ่านหนังสือไม่ได้ จนอ่านได้ มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับเราได้ทำบุญอะไรที่มหาศาล และหัวใจหลักในการส่งเสริมการอ่านของโครงการ Read Thailand ในโรงเรียนเรา คือ เรามองเห็น สมเด็จพระเทพฯ เป็นต้นแบบการอ่านจริงๆ ประกอบกับผู้บริหารก็เป็นต้นแบบนักอ่าน และคุณครูทุกระดับชั้นก็เป็นต้นแบบการอ่าน ซึ่งเป็นนโยบายของผู้อำนวยการโรงเรียนว่า ถ้าเราอยากให้ลูกเราเป็นอย่างไร เราต้องเป็นแบบนั้นให้ลูกเห็นค่ะ ส่วนกิจกรรมส่งเสริมการอ่านหลักของโรงเรียนเราที่โดดเด่นคือ มหัศจรรย์วันภาษาไทย คือเป็นลักษณะของการวิ่งชนความรู้ทุกมุมของโรงเรียน นอกจากในห้องสมุดแล้ว เรามีสื่อไอทีต่างๆ เรามีมุมการอ่านในห้องเรียน ลานนักอ่าน หลบมุมอ่านในห้องน้ำก็มี เป็นนโยบายที่ว่า เดินไปทางไหนให้เด็กวิ่งชนความรู้ ทำให้เด็กได้พัฒนา ซึ่งถ้ามีโครงการ Read Thailand อีก เราต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน เพราะเป็นโครงการที่ดี อย่างน้อย จากที่เราได้ทราบผลว่าเด็กไทยเราอ่านหนังสือน้อยมาก เรารู้สึกว่าไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย แต่โครงการนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเด็ก โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงที่เราได้เห็นคือผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กดีขึ้นมากๆ ค่ะ”
ด.ญ.นภัสวรรณ อุ่นศิริ นักเรียนคนเก่งผู้ร่วมเสนอผลงานต่อคณะกรรมการของโรงเรียนปัณณวิชญ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศของโรงเรียนประเภทขนาดใหญ่ในโครงการ Read Thailand ได้กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “หนูดีใจมากค่ะ ตื่นเต้นด้วย ไม่คิดว่าจะได้ ก่อนจะมานำเสนอผลงานในวันนี้ หนูจะเตรียมตัวโดยการอ่านหนังสือของพระเทพฯ เพิ่มอีกค่ะ และฝึกตอบคำถามต่างๆ มาอย่างเต็มที่ ซึ่งปกติหนูก็ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วด้วย โครงการนี้ทำให้ห้องสมุดหนูมีหนังสือดีๆ มากมายเพิ่มขึ้น ทำให้รู้เรื่องต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ตัวหนูเองก็อ่านคล่องขึ้น เขียนได้ พูดเป็น กล้าแสดงออกมากขึ้นด้วยค่ะ”
นิตยา ต่อประสิทธิ์กุล คุณครูผู้ดูแลโครงการ Read Thailand จากโรงเรียนบ้านดอนสูง จังหวัดตราด เผยถึงความรู้สึกเมื่อได้รับรางวัลชนะเลิศกลุ่มโรงเรียนขนาดกลางว่า “รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่มีโครงการดีๆ เช่นนี้ โครงการนี้สร้างประโยชน์ ไม่เพียงเฉพาะโรงเรียน แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์ที่แท้จริงคือตัวนักเรียน โดยส่วนตัวมีความเชื่อว่าการอ่านคือพื้นฐานของการพัฒนาคน ยิ่งอ่านออกเขียนได้ การพัฒนาด้านต่างๆ ก็จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะพื้นฐานที่สำคัญคือการอ่าน ผลของการดำเนินงานในครั้งนี้ ทำให้เห็นพฤติกรรมของนักเรียนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีวิถีชีวิตของการอ่านที่มากขึ้น จากที่เคยอ่านแต่การ์ตูน ก็เริ่มรู้จักอ่านวรรณกรรมต่างๆ เวลาว่างที่เคยปล่อยให้เปล่าประโยชน์ เปลี่ยนมาหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน นับเป็นความสำเร็จที่เห็นเป็นรูปธรรม และจากความเปลี่ยนแปลงนี้เอง จึงทำให้ทราบว่าเด็กประถมชั้นปีที่ 5 จะชื่นชอบกิจกรรม “อ่านไป เขียนไป” มากที่สุด เพราะนักเรียนจะต้องอ่านหนังสือ แล้วนำมาสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานที่เรียกว่า หนังสือส่งเสริมการอ่านผ่านจินตนาการของเด็กๆ ที่เด็กๆ จะสรุปใจความสำคัญและถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือทำมือ ซึ่งมีทั้งในรูปแบบของการเขียน หรือการวาดภาพ แล้วให้คนอื่นๆ มาอ่านต่อ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กๆ ภูมิใจเป็นที่สุด ดังนั้นกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน จึงไม่ใช่กิจกรรมที่ยาก หากมีความตั้งใจและได้รับความร่วมมือกันภายในองค์กรอย่างดี จะทำให้เกิดการส่งเสริมการอ่านที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะการอ่านคือพื้นฐานของการพัฒนาคน และการอ่านคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทำเมื่อไรก็ไม่มีสาย”
ด้าน ด.ญ.ภัทรวรินทร์ ถิรวัฒนชัย จากโรงเรียนบ้านดอนสูง จังหวัดตราด ตัวแทนที่นำเสนอโครงการในครั้งนี้ เผยว่า “รางวัลที่ได้ในวันนี้ รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากค่ะ เพราะทำให้เห็นสิ่งที่ทุ่มเทจนเกิดการเปลี่ยนแปลงในการอ่านหนังสือ แต่สิ่งที่รู้สึกยิ่งกว่าคือการที่หนูได้ความรู้มากขึ้นผ่านจากการอ่านค่ะ เมื่อก่อนจะไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ จะวาดรูป ดูการ์ตูนเป็นส่วนใหญ่ แต่พอได้เข้าร่วมโครงการนี้ทำให้หนูได้อ่านและรู้จักหนังสือมากยิ่งขึ้น อย่างหนังสือพระราชนิพนธ์ ซึ่งเห็นได้จากสถิติการยืมหนังสือ ที่เมื่อก่อนยืมหนังสือ 1 เล่มจากห้องสมุด กว่าจะนำมาคืนนานเป็นอาทิตย์ แต่ตอนนี้ยืมไป 2-3 วันจะนำมาคืนห้องสมุดแล้วยืมเล่มใหม่ และเมื่ออ่านเสร็จคุณครูจะให้เราสรุปใจความและนำมาเล่าแบ่งปันให้แก่เพื่อนๆ ฟัง รวมถึงนำมาต่อยอดด้วยการทำเป็นสื่อส่งเสริมการอ่าน อย่างหนังสือพระราชนิพนธ์ที่จะบรรยายถึงสถานที่ต่างๆ ในต่างประเทศค่ะ”
ปราณี ท้วมทอง คุณครูผู้ดูแลโครงการ Read Thailand โรงเรียนวัดท่าแค จังหวัดลพบุรี คว้ารางวัลชนะเลิศของโรงเรียนประเภทขนาดเล็ก กล่าวถึงความรู้สึกว่า “ดีใจ ปลาบปลื้มใจมาก ไม่ได้มุ่งหวังในการได้รับรางวัล แต่เป็นความรู้สึกที่ว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้ว สำหรับกรอบแนวคิดที่เรานำมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมนั้น ครูคิดว่าการอ่านเป็นทักษะของการเรียนรู้ในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั้นประถมศึกษา ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ในชั้นสูงต่อไป ความสำเร็จในวันนี้ เกิดจากการร่วมมือร่วมใจของคุณครูในโรงเรียน ทั้งครูบรรณารักษ์ ครูสาระกลุ่มวิชา ที่ช่วยกันบูรณาการกิจกรรมต่างๆ เข้ากับการเรียนรู้ โดยทุกคนมุ่งมั่นอยากให้เด็กอ่านออกเขียนได้คล่อง แต่เดิมเด็กในโรงเรียนยังมีนิสัยรักการอ่านในแต่ละวันไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ โดยครูบรรณารักษ์จะหากิจกรรมมาหลอกล่อ เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆ อ่านหนังสือ และคุณครูในแต่ละกลุ่มสาระวิชาก็จะหากิจกรรมมาผนวกกับการเรียนในห้อง อาทิ ปิงปองมหาสนุก ธนาคารความรู้ เป็นต้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้เด็กๆ อ่านหนังสือ แล้วเขียนสรุปวิเคราะห์จับใจความ พร้อมตั้งคำถาม แล้วนำไปถามเพื่อนๆ ในชั้นเรียน โดยการใช้วิธีจับลูกปิงปองเพื่อสุ่มเลขที่ให้ตอบคำถาม จากนั้นเด็กที่เป็นคนตั้งคำถามก็จะนำใจความสำคัญที่ได้ไปฝากในคลังธนาคารความรู้ โครงการนี้เป็นโครงการที่มีประโยชน์ ฝึกเด็กคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ อีกทั้งเด็กๆ ยังได้เห็นแบบอย่างที่ดีของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในการเรียนรู้ และการดำเนินชีวิต หลังเสร็จสิ้นโครงการแล้ว กิจกรรมต่างๆ ก็ต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าปีหน้าจะมีโครงการนี้หรือไม่ สิ่งที่เราได้รับครั้งนี้ ยิ่งใหญ่มากเมื่อเราเห็นเด็กไม่ได้แค่อ่านหนังสือ แต่พวกเขารักการอ่านหนังสือมากขึ้น”
ด้าน เด็กชายชยุตม์ วานุนาม นักเรียนโรงเรียนวัดท่าแค จังหวัดลพบุรี เผยถึงความรู้สึกในวันนี้ว่า “ภูมิใจมากเลยครับ ไม่คิดว่าจะได้รับรางวัล ดีใจมากๆ ครับ จะกลับบ้านไปบอกย่าว่าได้รางวัล เพราะย่าเป็นคนส่งเสริมให้ผมรักการอ่านครับ ความสำเร็จในวันนี้ มาจากการร่วมมือกันของนักเรียนชั้นป.5 ครับ ผมได้อ่านหนังสือในพระราชนิพนธ์ 13 เล่มแล้วครับ ชื่นชอบแก้วจอมแก่น อ่านได้ไม่เบื่อเลยครับ อ่านแล้วสนุกมาก และยังได้เกร็ดความรู้อีกด้วย ผมก็จะคอยแนะนำให้เพื่อนๆ และน้องๆ อ่านหนังสือตามหน้าเสาธงครับ สำหรับกิจกรรมที่ผมได้ทำคือ ผ้าป่าความรู้ครับ หลังอ่านหนังสือพระราชนิพนธ์ ผมก็จะมาสรุปใจความสำคัญพร้อมตั้งคำถาม แล้วนำคำถามไปติดไว้ที่ป้ายนิเทศหน้าชั้นเรียน เมื่อถึงชั่วโมงรักการอ่าน เราก็จะนำความถามมาถามเพื่อนหน้าชั้นเรียน โดยใช้กิจกรรมปิงปองมหาสนุก ถ้าเราจับมาได้หมายเลขไหน เลขที่นั้นก็จะต้องเป็นคนตอบ หากตอบถูกก็จะได้รับรางวัลเป็นดินสอหรือคำชมเชยจากคุณครูครับ”
อีกหนึ่งโรงเรียนที่น่าสนใจ โรงเรียนบ้านตะบิงติงงี จ.ยะลา ที่ได้รับรางวัลชมเชย โรงเรียนประเภทขนาดใหญ่ในโครงการ Read Thailand โดย คุณครู มารียา หวังบือซา ผู้นำทีมเข้าประกวดได้กล่าวอย่างตื้นตันใจว่า “ดีใจมากค่ะ แค่มาอยู่รอบสุดท้ายนี้เราก็ดีใจมากแล้ว พอมาได้รับรางวัลอีก มันดีใจมากจนบอกไม่ถูก น้ำตาไหลกันทุกคนเลย ปลาบปลื้มกันมากจริงๆ เพราะการจะมาตรงนี้มันยาก เมื่อก่อนเด็กนักเรียนไม่ชอบอ่านหนังสือ เราต้องค่อยหลอกล่อ โดยการให้ทำทีละนิดไป ให้ทำเป็นผลงาน หนังสือเล่มเล็ก พอคนที่ไม่ชอบอ่านเห็นเพื่อนทำงาน ก็เริ่มอยากทำบ้าง เด็กๆ ก็เริ่มพัฒนาขึ้น จากอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เป็นอ่านคล่องขึ้น มันค่อนข้างยากจริงๆ เพราะเด็กที่นี่ เวลาใช้ภาษาไทยจริงๆ มีไม่เกิน 5 ชั่วโมง เพราะจะพูดภาษาถิ่นมลายู และเรียนภาษาอาหรับ พวกเขาจะใช้ภาษาไทยน้อยมาก โครงการ Read Thailand ช่วยพัฒนาการอ่านมากขึ้น ถ้าปีหน้าจัดอีก เราจะมาเข้าร่วมอย่างแน่นอนค่ะ”
ภายในงานประกาศผลโครงการ Read Thailand ยังมีการจัดนิทรรศการจากทั้ง 37 โรงเรียน ที่เข้ารอบ ซึ่งต่างก็จัดแสดงผลงานอันสร้างสรรค์ จากกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่มีความน่าสนใจ และในระหว่างรอการประกาศผล ยังได้ ศุ บุญเลี้ยง ศิลปินและนักเขียนชื่อดัง มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ในการอ่านอย่างสนุกสนานอบอุ่น ก่อนจะเข้าสู่การประกาศผล โดยโรงเรียนที่ชนะเลิศการประกวดทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ โรงเรียนปัณณวิชญ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับรางวัลชนะเลิศโรงเรียนประเภทขนาดใหญ่ (มีนักเรียน 300 คนขึ้นไป) โรงเรียนบ้านดอนสูง จ.ตราด ได้รับรางวัลชนะเลิศโรงเรียนประเภทขนาดกลาง (มีนักเรียน 150-300 คน) และ โรงเรียนวัดท่าแค จ.ลพบุรี ได้รับรางวัลชนะเลิศโรงเรียนประเภทขนาดเล็ก (มีนักเรียนไม่เกิน 150) ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมรางวัลเงินสด 40,000 บาท และการไปทัศนศึกษาดูงานต่างประเทศ นอกจากนี้ นักเรียนที่เป็นผู้นำเสนอผลงานชนะเลิศ จะได้รับรางวัล 5,000 บาท เป็นทุนการศึกษาอีกด้วย ท่ามกลางการแสดงความยินดีของเหล่ากองเชียร์ด้วยความปลื้มปริ่มใจในผลรางวัลที่ทุ่มเทมาตลอดปี
นับเป็นความภาคภูมิใจของ TK park ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รณรงค์ส่งเสริมการอ่านตามภารกิจหลักขององค์กร คือการที่วันนี้ ได้เห็นหัวใจรักการอ่านของเด็กไทย ได้เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง การเพิ่มพูนความรู้ทางปัญญาขึ้นเรื่อยๆ เป็นสิ่งที่เด็กๆ ทุกโรงเรียนได้รับในวงกว้าง พร้อมกับนิสัยรักการอ่าน ที่จะเป็นใบเบิกทางสู่ความสำเร็จได้อย่างไม่รู้สิ้น....