Clubhouse กำลังเป็นกระแสบนโลกโซเชียลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรูปแบบใหม่ ที่เน้นการสนทนา แลกเปลี่ยนมุมมอง และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานในชุมชนทั่วโลกผ่าน “เสียง” เป็นหลัก โดยมีหลากหลายหัวข้อในคอมมูนิตี้แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี การเงิน หนังสือ การเมือง ฯลฯ
มากไปกว่านั้นยังแอปพลิเคชันที่กลุ่มคนดังและผู้มีอิทธิพลทางความคิดจากหลากหลายแวดวง อาทิ อีลอน มัสก์ , วแลด เทเนฟ ผู้บริหาร Robinhood ไปจนถึง มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก กระโดดมาเข้าร่วม จนทำให้ Clubhouse กลายเป็นที่สนใจและเป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมในขณะนี้
และหากใครกำลังอยากรู้จัก Clubhouse ว่าคืออะไร มีฟีเจอร์อะไรพิเศษ ใครบ้างเล่นได้ แล้วเล่นอย่างไร TK Park ได้รวบรวมไว้ในบทความนี้แล้ว
Clubhouse คือ แอปโซเชียลสำหรับแชทด้วยเสียงแบบเรียลไทม์
Clubhouse สร้างขึ้นโดยสองนักพัฒนาอย่าง พอล เดวิสัน (Paul Davison) และ โรฮาน เซธ (Rohan Seth) วิศวกรจาก Google ที่ตั้งใจให้เป็นห้องสนทนา แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าและออก ห้องสนทนาต่างๆ ได้อย่างอิสระ เหมือนฟังงานสัมมนา และสนทนาผ่านเสียงเป็นหลักอย่างเดียว
ในช่วงแรก Clubhouse มีผู้ใช้งานหลักพันเท่านั้น แต่ตอนนี้มีผู้ติดตั้งไปจำนวน 2.3 ล้านครั้งในสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ และกลายเป็นที่สนใจบนโลกโซเชียลทุกมีเดีย ส่วนหนึ่งมาจากเจ้าพ่อเทคโนโลยี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและผู้ร่วมก่อตั้งเทสลา (Tesla) ได้เข้าร่วมแชทกับ วแลด เทเนฟ ซีอีโอโบรกเกอร์เทรดหุ้น Robinhood กรณีของหุ้น GameStop จนทำให้จำนวนผู้ใช้งานขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในการจ่ายเงินให้แค่ผู้ผลิตคอนเทนท์ และกลายเป็นที่ลงทุนแหล่งใหม่ของนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงคนดังในซิลิคอนวัลเลย์ที่เข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในช่วงล็อกดาวน์โควิด19 โดยปัจจุบันจากการระดมทุนนั้นทำให้ Clubhouse มีมูลค่าถึงพันล้านดอลล่าร์
นอกจากนี้มีเหล่าคนดังในหลายสาขาวิชาชีพที่ปรากฏตัวบน Clubhouse อาทิ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก, ดิปโล โปรดิวเซอร์เพลงคนดัง, โอปราห์ วินฟรีย์. เควิน ฮาร์ต, ทิฟฟานี แฮดดิช. จาเร็ด เลโต นักแสดง เป็นต้น ส่วนฟากบ้านเราก็มีคนมีชื่อเสียงหลากหลายแวดวง ไม่ว่าจะเป็น สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา, เคน-นครินทร์, หนุ่ม-โตมร,นิ้วกลม, หนุ่ม-กรรชัย, น้าเน็ก, ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ไปจนถึง กรณ์ จาติกวณิช และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นต้น
กระโดดเข้าร่วมวง ทำอย่างไร
การเข้าใช้งาน สามารถทำผ่านระบบ Invite Only หรือการเชิญเท่านั้น โดยเมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและลงทะเบียนด้วยชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และสร้าง Username เป็นของตัวเอง จะต้องรอให้ผู้ใช้งานคนอื่นกดอนุมัติ ถึงจะเข้าร่วมได้นั่นเอง ทั้งนี้ยังมีการเชิญผ่านเบอร์โทรศัพ์หรือ SMS ซึ่ง 1 บัญชีจะสามารถเชิญสมาชิกใหม่ได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น
และที่น่าเศร้าไปกว่านั้น ก็คือ ปัจจุบันคลับเฮ้าส์ รองรับการใช้งานผ่านระบบ iOS เท่านั้น ส่วนผู้ใช้ Android คงต้องรอกันไปอีกสักพัก ขณะที่นายณัฐพร วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทย และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “สาวก Android ที่อยากเล่น Club House สามารถลงแอป iEMU ที่สามารถทำให้มือถือติดตั้งแอป iOS” ซึ่ง iEMU เป็นแอปที่ช่วยจำลองโปรแกรมที่อยู่ในระบบ iOS ให้สามารถใช้งานบนระบบแอนดรอยด์ได้ แต่ทั้งนี้อาจมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลหรืออาจมีไวรัสแฝงมาได้
รู้จักฟีเจอร์ใน Clubhouse
ด้วยความที่ Clubhouse เป็นแอปที่สนทนาผ่านเสียงเป็นหลักเท่านั้น จึงช่วยเซฟความเป็นส่วนตัวของเราที่ไม่ได้อยากจะแชร์ให้คนอื่นรู้ว่าหน้าตาของเราตอนพูดเป็นอย่าง กำลังอยู่ที่ไหน แต่งตัวอย่างไร หรือแต่งหน้าอยู่หรือเปล่า ซึ่งในคลับจะมีห้องต่างๆ ที่ตั้งหัวข้อสนทนาเรื่องต่างๆ เอาไว้ เช่น การเงิน ภาพยนตร์ ถูกเรียกว่า “Room” โดยแต่ละห้องจะมีเจ้าของห้องเรียกว่า “Moderator” คือผู้ควบคุมห้องแชท หรือผู้ที่เป็นผู้สร้างห้องนั่นเอง และเมื่อเข้าไปยังห้องนั้นๆ ก็จะมีถูกแบ่งออกมาเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ก็คือ “Speaker” ผู้ร่วมสนทนา และ “Listener” ผู้ฟังอย่างเดียว แต่ทั้งนี้ผู้ควบคุมห้องสามารถเพิ่มผู้ที่เป็นผู้ควบคุมห้องร่วมกันได้ และผู้ควบคุมสามารถปรับเปลี่ยนผู้เข้ามาฟัง ให้ขึ้นมาเป็นผู้ร่วมสนทนาได้ หรือสามารถโยกกลับลงไปเป็นผู้ฟัง (พูดไม่ได้) หรือปิดไมค์ผู้ที่กำลังพูดอยู่ชั่วคราวก็ได้
สำหรับผู้ฟังที่อยากร่วมพูดด้วย ก็สามารถทำได้ด้วยการกดปุ่มยกมือ ที่มุมขวาล่างของห้อง แล้วผู้ควบคุมจะเห็นว่ามีคนยกมือ และโยกเราขึ้นไปร่วมสนทนาได้นั่นเอง นอกจากนี้ผู้ร่วมฟังสามารถออกจากห้องไปยังห้องอื่นๆ หรือหัวข้อที่เราสนใจเมื่อไหร่ก็ได้ ด้วยการกด Leave quietly
ไม่อยากเป็นแล้วผู้ฟัง อยากสร้างห้องบ้าง
ในแอปนี้เราสามารถมีทอล์กโชว์ของตัวเองได้อย่างเสรี โดยการกดสร้างห้อง (Start a room) ซึ่งห้องมีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ Open ห้องที่เข้าฟังได้ทุกคน, Social ห้องที่จำกัดเฉพาะผู้ที่เราติดตามเขาเท่านั้น และ Closed หรือห้องปิด ที่จำกัดให้เฉพาะผู้ที่เราเลือกให้เข้าห้องเท่านั้น จากนั้นก็ตั้งชื่อห้อง แล้วกดปุ่ม Let’s go เพียงเท่านั้น ก็สร้างห้องได้แล้ว พอการพูดคุยแลกเปลี่ยนจบลง ก็กด End room เป็นการปิดห้อง ซึ่งความเป็นส่วนตัวและเป็นฟีเจอร์สำคัญของห้องสนทนาคือ เมื่อห้องถูกปิดไปแล้ว บทสนทนาทั้งหมดจะไม่ถูกบันทึกไว้ และกฎของ Clubhouse เองก็ห้ามบันทึกเสียงเช่นเดียวกัน จึงทำให้เนื้อหาที่เกิดขึ้นภายในห้องกลายเป็นความพิเศษในช่วงเวลานั้นๆ ไปโดยปริยายนั่นเอง
จุดดีและจุดโหว่ ของ Clubhouse
การสร้างคอนเทนท์ สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องจัดฉาก จัดแสง ไม่ต้องตัดต่อ และไม่ต้องห่วงสวยหล่อ เพราะเป็นแอปที่ใช้เพียงเสียงในสื่อสารเท่านั้น อีกทั้งหัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ยังเป็นข้อมูลเชิงลึก จากผู้รู้ลึกรู้จริง ของคนในแวดวงต่างๆ ที่เชี่ยวชาญ มาร่วมแบ่งปันความรู้ ซึ่งเป็นจุดน่าตื่นตาตื่นใจ และโอกาสดี ที่ผู้ใช้งานสามารถฟังหรือร่วมสนทนากับเหล่าคนดังจากหลากหลายวงการได้อย่างใกล้ชิดแม้จะอยู่อีกซีกโลก นอกจากนี้ Clubhouse ยังได้กล่าวถึงการพัฒนาช่องทางสร้างรายได้ให้กับผู้ใช้งาน อย่างเช่น การสมัครสมาชิกคลับ การให้ทิป หรือเก็บเงินค่าเข้าห้องสนทนา รวมถึงการลงโฆษณาภายในแอปฯ หรือการติดแท็กสนับสนุนของแบรนด์ในอนาคต
และด้วยความเสรี ที่ผู้ใช้งานจากหลากหลายภูมิหลังได้มาพบกันและสร้างการเชื่อมต่อ ผ่านการพูดคุยในประเด็นอะไรก็ได้ ทำให้แพลตฟอร์มนี้เริ่มถูกตั้งคำถามถึงมาตรการควบคุมผู้เข้าร่วมบทสนทนา โดยเว็บไซต์Bloomberg รายงานว่าเมื่อเดือนกันยายนปี 2020 มีผู้ใช้งานรายหนึ่งได้ตั้งห้องสนทนาในประเด็นที่ส่อไปในเชิงการต่อต้านชาวยิว ส่งผลให้ผู้พัฒนา Clubhouse ทุ่มงบลงทุน เพื่อสร้างฟีเจอร์ให้น่าเชื่อถือและมีความปลอดภัย รวมถึงการหาวิธีคัดกรองคอนเทนท์ที่จะไม่ส่อไปในเชิงการคุกคาม หรือสร้างวาจาการเกลียดชัง จนเกิดผลกระทบเชิงลบ
ขณะเดียวกัน ประเทศจีน ก็เพิ่งแบนการใช้งานแพลตฟอร์ม Clubhouse ไปเมื่อเดือนต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจาก Clubhouse มีอยู่บนอุปกรณ์ iOS จึงทำให้ผู้ใช้งานในประเทศจีนได้ใช้ช่องทางนี้ในการพูดคุยอย่างเปิดกว้าง และได้เข้าร่วมบทสนทนากับชาวฮ่องกง ไต้หวัน ในประเด็นอ่อนไหวต่างๆ เช่น ชาวอุยกูร์ในซินเจียง, การปราบปรามผู้ประท้วงฮ่องกง ฯลฯ
นอกจากนี้ปัจจุบัน Clubhouse ยังคงจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางความคิด และอินฟลูเอนเซอร์แวดวงต่างๆ ซึ่งค่อนข้างเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม และผู้ใช้งานได้ก็มีเพียงระบบ iOS ที่ต้องได้รับคำเชิญเท่านั้น ซึ่งอาจต้องรอดูต่อไปว่าในอนาคต ข้อจำกัดสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ระบบ Android จะได้ใช้งานกันเมื่อไหร่
ที่มา
- https://www.washingtonpost.com/technology/2021/02/10/what-is-clubhouse-faq/?fbclid=IwAR06uM79G_idH9HI4JM1iJ4nVuiJy6CTAuj5Z83F1eoIRFr_FJbp7lGDGVE
- https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2021-01-25/forget-tiktok-clubhouse-is-social-media-s-next-star?sref=CVqPBMVg
- https://www.nytimes.com/2021/02/10/technology/facebook-building-product-clubhouse.html
- https://www.bbc.com/news/technology-55982137
- https://www.businessinsider.com/clubhouse-app-good-time-show-hosts-elon-musk-mark-zuckerberg-2021-2