เรื่อง อีเล้งเค้งโค้ง ไปตลาด...ไปตราด เป็นเรื่องราวของเจ้าห่านตัวเดิม แต่มีเพื่อนใหม่คือ คุณหมีใหญ่ซึ่งย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆ กัน คุณหมีใหญ่เป็นหมีใจดี มีน้ำใจ หลังจากเจ้าห่านและคุณหมีใหญ่ทักทายทำความรู้จักกันแล้ว ต่างแยกย้ายไปทำภารกิจของตนเอง เจ้าห่านอีเล้งเค้งโค้ง ทำงานหนักที่คั่งค้างจนดึกดื่น เมื่องัวเงียตื่นขึ้นในตอนเช้า พบกับคุณหมีใหญ่ เพื่อนบ้านร้องถามว่า อยากกินอะไรสำหรับเช้านี้ เจ้าห่านอีเล้งเค้งโค้ง อยากกิน ระกำ กับ ปลาสำลี จึงขอให้คุณหมีใหญ่ช่วยพาไป “ตลาด” คุณหมีใหญ่ผู้เพิ่งจะซื้อรถคันใหม่ จึงสตาร์ทรถ พาเจ้าห่านออกเดินทางทันที
เรื่องราวของห่านอีเล้งเค้งโค้ง กับคุณหมีใหญ่ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ถ้าคุณหมีใหญ่ไม่ได้ฟังพลาด แทนที่จะพาเจ้าห่านไป “ตลาด” กลับไป “ตราด” แทน เรื่องราวจึงสนุกกันใหญ่
เมื่อไหนๆ คุณหมีใหญ่ก็ฟังพลาด แทนที่จะไปตลาด กลับขับรถพาเจ้าห่านมาตราดแล้ว นักเขียนได้แสดงให้เห็นถึงความอารมณ์ดี การมองโลกในแง่ดีของตัวละคร แทนที่จะโทษกันไปโทษกันมาว่าใครผิด เรื่องราวกลับกลายเป็นว่า คุณหมีใหญ่ขอโทษ อีเล้งเค้งโค้ง ที่ฟังแล้วเข้าใจผิด...แต่ก็ชักชวนว่า มาถึงเมืองตราด ถือว่าไม่พลาด รีบฉวยโอกาส ท่องเที่ยวทันที เจ้าห่านเห็นดี ส่งเสียงเป็นเพลง อีเล้งเค้งโค้ง และหลังจากทั้งคู่ตัดสินใจว่า ไหนๆ ก็มาถึงตราดแล้ว จึงตัดสินใจว่าจะท่องเที่ยวกันเลยดีกว่า ทั้งอีเล้งเค้งโค้งและคุณหมีใหญ่จึงทำหน้าที่พาเด็กผู้อ่านท่องเที่ยวเมืองตราดเสียเลย ด้วยการพาเดินดูเมือง และแนะนำให้รู้จักของดีประดามีของเมืองตราด
สิ่งที่ห่านอีเล้งเค้งโค้งและคุณหมีใหญ่ ได้มาพบมาเห็นที่เมืองตราด แม้จะเป็นสิ่งที่เด็กในท้องถิ่นต่างคุ้นเคยดีอยู่แล้ว แต่เมื่อได้มองในมุมใหม่ คือมุมที่เบิกบานผ่านการเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่มีอารมณ์ชัน ประกอบกับภาพที่ชวนดูสนุกแล้ว มุมมองหรือความคิดของเด็กๆ อาจจะเปลี่ยนไป แทนที่จะมองแบบผ่านๆ เพราะเคยเห็นอยู่เป็นประจำ เปลี่ยนมาเป็นการมองด้วยความภูมิใจ เห็นที่ไรก็นึกถึงเจ้าห่านและคุณหมี มองที่ไรก็ยิ้มได้ทุกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเองก็จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และอยู่ติดตัวของเด็กๆ ตลอดไป