photo: https://edition.cnn.com/2014/02/13/showbiz/gallery/barbie-careers/index.html
ตั้งแต่ที่ ‘บาร์บี้’ ตุ๊กตาแขนขาเพรียวยาว หนึ่งในของเล่นยอดฮิตจากยุคปี 1959 เปิดตัวสู่สาธารณชนเมื่อราวครึ่งศตวรรษที่แล้ว เจ้าหล่อนก็กลายเป็นไอคอนที่เหล่าเด็กหญิงทั่วโลกต่างปรารถนาจะมีไว้ในครอบครอง กระแสความนิยมของบาร์บี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นและเสื่อมลงพร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย จนกระทั่งในปี 2020 ที่ผ่านมา ยอดขายของบาร์บี้ และหุ้นของ Mattel บริษัทของเล่นต้นสังกัดก็พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าจับตามอง
ที่น่าสนใจกว่าตัวเลขก็คือคำถามว่าทำไม?
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ของเล่นยอดนิยมจากยุคเก่ากลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งกันแน่ ลองไปหาคำตอบกัน
photo: https://www.dezeen.com/2016/02/01/barbie-dolls-fashionista-collection-mattel-new-body-types/
ค่านิยมความงามที่โลกเห็นผ่านของเล่นเด็ก
ผิวขาว ผมบลอนด์ ตาฟ้า แขนขาเพรียวยาวราวกับก้าวออกมาจากแคตวอล์ก นี่คือค่านิยมความงามอย่างหนึ่งของคนอเมริกันเมื่อ 60 กว่าปีที่แล้วซึ่งสะท้อนออกมาผ่านตุ๊กตาที่ทรงอิทธิพลที่สุดตัวหนึ่งของโลก ย้อนกลับไปในช่วงปี 1950s ตุ๊กตาบาร์บี้ตัวแรกได้ถือกำเนิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของ รูท แฮนด์เลอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Mattel จากการที่ลูกสาวของเธอชอบเล่นตุ๊กตากระดาษมาก ก่อนจะทำยอดขายไปได้สูงถึง 350,000 ตัวในปีแรก และค่อยๆ ขยับขึ้นอย่างรวดเร็วในปีถัดๆ มา
แม้จะได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่เด็กๆ จนได้ชื่อว่าเป็นของเล่นที่ต้องมีติดบ้านของครอบครัวอเมริกันในยุคนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีกระแสต่อต้าน เมื่อคนกลุ่มหนึ่งเริ่มมองเห็นปัญหาว่าเจ้าตุ๊กตาหน้าตาไร้พิษสงนี้อาจกำลังสร้างมาตรฐานความงามผิดๆ ให้กับสังคมอยู่
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป มุมมองในด้านต่างๆ ของคนก็เริ่มเปิดกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะความเข้าใจที่ว่าความสวยงามของผู้หญิงนั้นไม่มีมาตรฐานที่แท้จริง ไม่ว่าจะสีผม สีผิว ขนาดร่างกาย หรือลักษณะทางกายภาพอื่นๆ ล้วนไม่ใช่ตัวตัดสินความงามของมนุษย์ ตุ๊กตาบาร์บี้ที่เดิมมีรูปลักษณ์และอาชีพจำกัด จึงถูกโจมตีตลอดจนได้รับคำวิจารณ์จากสื่อต่างๆ ในแง่ลบอยู่หลายปี จนกระทั่งยอดขายตั้งแต่ปี 2012 ค่อยๆ ร่วงลงอย่างน่าใจหาย
photo: https://theconversation.com/drastic-plastic-a-look-at-barbies-new-bodies-53877
ปรับมุมมองความงาม ส่งเสริมความหลากหลายในสังคม
ก่อนที่ตำนานของตุ๊กตาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในหมู่เด็กผู้หญิงตัวนี้จะต้องปิดฉากลง ในที่สุดในปี 2016 บริษัท Mattel ก็ได้ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ช่วยชุบชีวิตให้บาร์บี้กลับมามีที่ยืนในหัวใจของครอบครัวยุคใหม่อีกครั้ง ด้วยการออกตุ๊กตาที่มีรูปร่างหลากหลาย มีสีผิวให้เลือกถึง 7 เฉดสี มีสีดวงตาและทรงผมให้เลือกมากกว่า 20 แบบ ทั้งยังสร้างความสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นด้วยการได้ลงหน้าปกนิตยสาร Time พร้อมพาดหัวตัวโตๆ ว่า ‘ตอนนี้เราจะเลิกพูดเกี่ยวกับรูปร่างของฉันได้หรือยัง?’
และเมื่อ อีนอน ครีซ CEO คนปัจจุบันของ Mattel ได้ก้าวเข้ามารับตำแหน่งในปี 2018 ก็ดูเหมือนว่าทิศทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะมีความชัดเจนแง่การส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมและความหลากหลายในสังคมมากยิ่งขึ้น
ครีซยังได้อธิบายในการให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งอีกว่า แหล่งอ้างอิงที่ดีแหล่งหนึ่งสำหรับเขาคือบริษัท Disney โดยเฉพาะในส่วนของ Marvel ที่สามารถสร้างซูเปอร์ฮีโร่ให้มีคาแรคเตอร์และเรื่องราวที่หลากหลาย เขาจึงตั้งใจจะยึดเอาวิสัยทัศน์ดังกล่าวเป็นหลักการทำงานในระยะยาว เพื่อสร้างให้บาร์บี้เป็นของเล่นที่ปราศจากการกีดกันทางเพศหรือเชื้อชาติ รวมถึงช่วยส่งเสริมค่านิยมร่างกายในเชิงบวกให้กับเด็กๆ และผู้คนในสังคม
photo: https://nypost.com/2020/02/19/meet-the-black-history-month-barbies-dressed-by-queen-slim-designer/
โลกที่โอบกอดความแตกต่าง
ในปัจจุบันนอกจากตุ๊กตาบาร์บี้จะมีรูปร่างหน้าตาสาขาอาชีพหลากหลายแบบให้เด็กๆ ทั่วโลกได้เลือกซื้อตามความปรารถนาแล้ว Mattel ยังต้องการให้ของเล่นยอดนิยมอมตะชิ้นนี้สามารถเข้าถึงหัวใจเด็กๆ ได้ทุกกลุ่มอย่างแท้จริง ผ่านการออกคอลเลคชันพิเศษซึ่งสร้างมาจากผู้หญิงคนสำคัญในประวัติศาสตร์จากสาขาวิชาชีพต่างๆ อาทิ ฟรีดาห์ คาโลห์ จิตรกรหญิงชาวเม็กซิกัน, นักบินหญิงคนดัง เอมิเลีย เอียร์ฮาร์ท และ แคทเธอลีน จอห์นสัน นักคณิตศาสตร์หญิงจากนาซ่า เพื่อส่งเสริมการแสดงออกถึงพลังของผู้หญิง ไปจนถึงคอลเลคชันที่มีคาแรคเตอร์ของผู้พิการทางร่างกาย
ด้วยการปรับเปลี่ยนหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับมุมมองทางสังคมในปัจจุบันเช่นนี้ ทำให้ในปี 2020 ยอดขายตุ๊กตาบาร์บี้ได้พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ พอๆ กับหุ้นของ Mattel ที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 50% จนวอลล์สตรีทถึงกับคาดการณ์การเติบโตของบริษัทไว้ว่าน่าจะมีแนวโน้มเชิงบวกไปอีกหลายปี
เพราะยุคสมัยแห่งความงามที่สมบูรณ์แบบได้สิ้นสุดลงแล้ว นับจากนี้คือช่วงเวลาที่โลกจะต้องโอบกอดความหลากหลายและแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับในเชิงสังคม วัฒนธรรม การทำงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ดูเหมือนจะเล็กแต่ไม่เล็กอย่างของเล่นเด็กก็ตามที
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.entrepreneur.com/article/366331
https://www.nytimes.com/2020/01/29/business/mattel-barbie-dolls-vitiligo.html
https://barbie.mattel.com/shop/en-us/ba/diversity?icid=home_body-1_bspot_diversity_p1