|
สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดแถลงข่าวผลสำรวจการอ่านของประชากร พ.ศ. 2561 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2562 มีการนำเสนอผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 55,920 ครัวเรือน ทั่วประเทศ และการจัดทำหนังสือ ‘เข็ม’ รวบรวมข้อมูลความเปลี่ยนแปลงในรอบ 10 ปีของทศวรรษแห่งการอ่าน (พ.ศ.2552-2561) ข้อมูลต่างๆ รวมถึงข้อสังเกตจากผลการสำรวจ ตลอดจนเนื้อหาในหนังสือจะทยอยนำมาลงเป็นตอนๆ ตลอดเดือนเมษายนจนถึงมิถุนายน
|
สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการห้องสมุด ผลสำรวจการอ่าน พ.ศ. 2561 ระบุว่ามีผู้ใช้ห้องสมุดเป็นสถานที่อ่านหนังสือเพียงร้อยละ 0.6 หรือประมาณ 2.98 แสนคน แต่ธุรกรรมหลักของห้องสมุดยังเป็นเรื่องของการยืมคืนหนังสือ ซึ่งมีผู้ใช้บริการประเภทนี้มากกว่าการใช้เป็นสถานที่อ่านหลายเท่าตัว แต่จำนวนผู้ยืมคืนหนังสือก็มีทิศทางลดต่ำลงเช่นเดียวกัน คือเหลือเพียงร้อยละ 8.3 หรือประมาณ 4.12 ล้านคน
การใช้ห้องสมุดเป็นพื้นที่การอ่านกำลังมีความสำคัญน้อยลงเรื่อยๆ สอดคล้องกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับห้องสมุดทั่วโลก ตัวเลขจากผลการสำรวจปีล่าสุดนี้อาจดูน่าตกใจเมื่อจำนวนผู้ใช้ห้องสมุดสำหรับอ่านหนังสือลดลงเหลือต่ำกว่า 3 แสนคน ซึ่งนับว่าน้อยที่สุดตั้งแต่มีการสำรวจ แต่ข้อมูลนี้ยังไม่สามารถบ่งบอกได้ว่ามีการใช้บริการประเภทอื่นนอกเหนือจากการอ่านเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ เพราะการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ห้องสมุดในการเรียนรู้ประเภทอื่นเป็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับห้องสมุดทั่วโลกเช่นกัน และห้องสมุดของไทยคงยากที่จะหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนผ่านในลักษณะเดียวกันนี้ไปได้
ความสำคัญของห้องสมุดยังอยู่ที่ธุรกรรมการยืมคืนหนังสือก็จริง แต่บทบาทด้านนี้ก็มีความไม่แน่นอน ถึงแม้ว่าตัวเลขเชิงปริมาณยังคงมีผู้ใช้บริการนับล้านคน แต่ถ้าหากมีเทคโนโลยีสนับสนุนการยืมคืนหนังสือโดยไม่ต้องเดินทางไปห้องสมุด หรือร้านหนังสือออนไลน์และห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์เริ่มได้รับความนิยมและเพิ่มจำนวนมากขึ้น จะส่งผลกระทบให้คนเข้าไปใช้ห้องสมุดเพื่อการยืมคืนหนังสือลดต่ำลงหรือไม่ เป็นสิ่งซึ่งควรใคร่ครวญและคาดการณ์