Photo By Kimberly Koening
ถัดจากใจกลางเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เพียง 5 กิโลเมตรเป็นที่ตั้งของชุมชนมาร์วิลา (Marvila) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่รุ่งเรือง แต่หลังจากปัญหาทางเศรษฐกิจเมื่อกลางศตวรรษที่ 20 โรงงานต่างๆ ปิดตัวและผู้คนมากมายตกงาน หลายปีต่อมารัฐบาลปรับผังเมืองใหม่ โดยแบ่งแยกที่อยู่อาศัยระหว่างคนผิวขาว คนผิวดำ และคนเชื้อสายโรมานี-โปรตุกีส
มาร์วิลากลายเป็นโลกสองใบที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว โซนด้านใต้เป็นเมืองท่าริมน้ำซึ่งผู้คนกินอยู่อย่างหรูหราสะดวกสบาย แต่โซนด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่มีพื้นที่สีเขียว ตลาด หรือแม้กระทั่งร้านขายยา ร้านรวงกว่าครึ่งหนึ่งปิดตัว และเมื่อมีการเวนคืนที่ดินครั้งใหญ่เพื่อสร้างเป็นสนามกอล์ฟ ผู้คนถูกโยกย้ายให้ไปอาศัยอยู่ในพาร์ตเมนท์รูหนู มีวิถีชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ตัวตนของเด็กๆ ถูกรับรู้เพียงว่า เป็นเด็กจากตึก A, J หรือ L
แต่แล้วเรื่องราวก็พลิกผันเมื่อห้องสมุดแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้นกลางชุมชนอันเงียบเชียบแห่งนี้ มันดูเหมือนอาคารห้องสมุดธรรมดาๆ แต่ความไม่ธรรมดาอยู่ที่หัวหน้าบรรณารักษ์ต่างหาก!
ของขวัญที่ไม่มีใครต้องการ
ปี 2012 สภาเมืองลิสบอนประกาศแผนการสร้างห้องสมุดแห่งใหม่ในมาร์วิลา โดยเล็งเห็นว่า “ห้องสมุดคืออนาคต” เนื่องจากเป็นกลไกสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน แก้ปัญหาการไม่รู้หนังสือ และขจัดความไม่เท่าเทียม
การก่อสร้างห้องสมุดใช้เวลานาน 6 ปี ด้วยงบประมาณกว่า 5.7 ล้านยูโร มันกลายเป็นห้องสมุดแห่งใหญ่ที่สุดของเมืองลิสบอน ในขณะที่ประชาชนมองว่าห้องสมุดเป็นภาระทางภาษี เพราะที่ผ่านมาโครงการพัฒนาของรัฐล้มเหลวมาตลอด
ห้องสมุดมีพื้นที่ใช้สอย 3,000 ตารางเมตร ถูกออกแบบให้ดูทันสมัยแต่ยังแฝงกลิ่นอายความเก่าแก่ ฟังก์ชั่นการใช้งานมีความผสมผสานระหว่างห้องสมุด แกลเลอรี่ ศูนย์กลางชุมชน พื้นที่การแสดงออก และอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
เปาโล โฮเซ่ ซิลวา (Paulo Jose Silva) ถูกเชื้อเชิญให้มาเป็นหัวหน้าบรรณารักษ์ที่นี่ แต่สิ่งแรกที่เขาบอกคือ “ผมไม่ใช่บรรณารักษ์ แต่ผมเป็นนักมานุษยวิทยาที่ทำงานด้านอาชญากรรม” หลังสำเร็จการศึกษาด้านมานุษยวิทยาเมืองและการเคลื่อนไหวทางสังคม ซิลวาทำงานให้กับศาลาว่าการเมืองลิสบอนนาน 11 ปี ด้านการย้ายถิ่น สิทธิมนุษยชน และการต่อต้านการค้ามนุษย์ เขามีส่วนผลักดันให้ผู้ย้ายถิ่นนับร้อยกลายเป็นพลเมืองอย่างถูกกฎหมาย จนได้รับรางวัลการทำงานด้านสิทธิผู้ย้ายถิ่นทั้งในระดับประเทศและระดับอียู
อาคารห้องสมุดมาร์วิลา Photo By Kimberly Koenig
มาเล่นเกมกันเถอะ
นโยบายการพัฒนาห้องสมุดสำหรับศตวรรษที่ 21 ของโปรตุเกส หรือ “Library Program XXI” มุ่งให้ห้องสมุดเป็นศูนย์กลางชุมชนและมีคุณค่ามากกว่าสถานที่อ่านหนังสือ แต่เอื้อต่อการพบปะทางสังคมและสนับสนุนการเรียนรู้ทักษะดิจิทัล แต่นโยบายนี้มิได้ให้แนวทางที่เฉพาะเจาะจง ห้องสมุดแต่ละแห่งมีอิสระในการดำเนินกิจกรรมในชุมชนตามที่เห็นสมควร
ห้องสมุดมาร์วิลาตั้งอยู่ใกล้โรงเรียน ทันทีที่เด็กๆ เลิกเรียนจะหลั่งไหลกันเข้ามานั่งคุยกับเพื่อน ทำการบ้าน และเล่นเกม เช่น Counter-Strike และ Minecraft ห้องสมุดได้สร้างบรรยากาศที่เติมเต็มบางสิ่งซึ่งเคยขาดหายไปในอดีต นั่นคือการเล่นอย่างไม่มีขีดจำกัด
คนทั่วไปมักมองว่าเกมเป็นเรื่องไร้สาระและไม่น่าเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ การเน้นเรื่องเกมที่ห้องสมุดมาร์วิลาจึงไม่ได้รับเสียงสนับสนุนมากนักในระยะแรก
ห้องสมุดเป็นสถานที่โปรดปรานของเด็กๆ ที่เข้ามาเล่นเกม Photo By Kimberly Koenig
เกมในฐานะสะพานเชื่อมวัฒนธรรม
ปี 2017 เป็นครั้งแรกที่ห้องสมุดในโปรตุเกสเป็นเจ้าภาพจัดงานเกม งานจัดขึ้น 3 วัน ประกอบด้วยการสาธิตเกมอินดี้ การแข่งขันอีสปอร์ต ต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2019 มีการจัดงาน Bibliogamers 2.0 เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งดึงดูดผู้เข้าร่วมจากทั่วลิสบอนกว่า 200 คน ในสัปดาห์นั้นห้องสมุดได้พาเหล่าแจมเมอร์ (Jammer)[1] ท่องเที่ยวและถ่ายรูปสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของมาร์วิลา
เมื่อกลับมาที่ห้องสมุดพวกเขาได้รับชมวีดิทัศน์บทสัมภาษณ์เรื่องราวในวัยเด็กของคนรุ่นผู้เฒ่าผู้แก่ จากนั้นแบ่งทีมกันสร้างสรรค์เกมที่เชิดชูมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน เกิดเป็นต้นแบบเกม 9 เกม เกมที่ชนะเลิศมีลักษณะคล้าย Sim City ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปัจจัยซับซ้อนที่มีผลต่อวิวัฒนาการของมาร์วิลา ส่วนอีกเกมหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวีดิทัศน์ของห้องสมุด จึงพยายามนำเสนอเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก
นักการเมืองซึ่งครั้งหนึ่งเคยกังขากับการเล่นเกมในห้องสมุดเสนอให้มีรางวัล Game Jam Prizes โดยกำหนดให้มีเด็กผู้หญิงเข้าร่วมในแต่ละทีมและมีคณะกรรมการตัดสินเป็นผู้หญิง ในที่สุดหน่วยงานของรัฐก็เริ่มหันมาสนับสนุนโครงการต่างๆ เกี่ยวกับการเล่นเกมในห้องสมุด
VIDEO วีดิทัศน์ บรรยากาศงาน Bibliogamers ปี 2019
สู่ฝันอันไกลโพ้น
ระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปีนับตั้งแต่ห้องสมุดเปิดให้บริการ เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายที่มาร์วิลา แต่ประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคมก็ยังคงดำรงอยู่ คำถามถัดไปคือห้องสมุดจะมีส่วนในการพัฒนาชุมชนแห่งนี้ให้เกิดความยั่งยืนได้อย่างไร
ห้องสมุดมาร์วิลาขอสนับสนุนงบประมาณจาก EU Project ROCK [2] ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าการใช้เงินเพื่อจัดเทศกาลต่างๆ เกี่ยวกับเกมซึ่งก็ยังจำเป็นต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการทำงานด้านการพัฒนาและฟื้นฟูชุมชนเพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงอัตลักษณ์ของพวกเขา
ซิลวาคิดฝันถึงโครงการในอนาคตแม้จะยังมองไม่เห็นหนทางที่ชัดเจน อาคารร้างใกล้ห้องสมุดเหมาะสำหรับนำมาปรับเปลี่ยนให้เป็นเกมแล็บ (Game Lab) co-working space และพื้นที่บ่มเพาะ เพื่อให้นักพัฒนาได้ลงหลักปักฐานเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกัน บริษัทเอกชนด้านไอทีที่เห็นคุณค่าของโครงการดังกล่าว อาสาเข้ามาช่วยบริหารจัดการ ทั้งด้านการให้บริการสถานที่ทำงานราคาถูก การฝึกงาน และให้คำแนะนำด้านอาชีพ
บริษัทเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับเกมเพื่อการเรียนรู้ Photo By Kimberly Koenig
บริเวณใกล้ทางรถไฟซึ่งเป็นพรมแดนแบ่งระหว่างมาร์วิลาโซนด้านตะวันออกเฉียงเหนือและโซนด้านใต้ จะถูกพัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์เกมแบบอินเทอร์แอคทีฟ เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าของมาร์วิลา รวมทั้งสร้างเป็นพื้นที่ทางการศึกษาและจุดรวมตัวของเหล่าฮิปสเตอร์
ทางรถไฟที่เป็นเส้นแบ่งชุมชนมาร์วิลาออกเป็น 2 โซน ซึ่งมีความเจริญต่างกัน Photo By Kimberly Koenig
ซิลวาคาดหวังว่าห้องสมุดจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนความหลงใหลที่เด็กๆ มีต่อเกมให้กลายเป็นอาชีพและทักษะในอนาคต และเกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมในโปรตุเกส เพราะแม้เยาวชนจะสามารถยกระดับทักษะดิจิทัลให้ดีเพียงใด แต่ถ้าไม่มีอาชีพรองรับในท้องถิ่น ในที่สุดจะเกิดภาวะสมองไหลออกไปสู่ประเทศอื่นในอียู และชุมชนมาร์วิลาก็อาจจะถูกทิ้งขว้างไม่ต่างจากเดิม