บทเรียนรู้รอดปลอดภัย 3:
เมื่อพบผู้ป่วยจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
อุบัติเหตุโดยมากมักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด และมักสร้างความสูญเสียให้เกิดขึ้นทั้งร่างกายและทรัพย์สิน มากกว่าไปกว่านั้นคือบาดแผลทางจิตใจที่ยากจะฟื้นขึ้นมาได้ง่ายๆ แม้จะไม่มีหนทางป้องกันอุบัติใดๆ ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การไม่ประมาทย่อมเป็นหนทางที่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งเด็กๆ ก็สามารถเรียนรู้การป้องกันอุบัติต่างๆ ได้ด้วยตนเอง
อุทยานการเรียนรู้ TK park ร่วมมือกับสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรม ค่ายรู้รอดปลอดภัย ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจากกิจกรรม เตรียมตัว รู้รอด โดยครั้งนี้มาในรูปแบบของค่ายฝึกทักษะเต็มรูปแบบ เปิดโอกาสให้เด็กๆ อายุระหว่าง 9 - 12 ปี จำนวน 45 คนได้ฝึกฝนทักษะในการช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นถึง 2 วันเต็ม ในวันที่ 16 - 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยการเรียนรู้ทั้งทฤษฎีและการลงมือปฏิบัติจริง โดยความร่วมมือของทีมบุคลากรจากโรงพยาบาลราชวิถี, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร, มูลนิธิร่วมกตัญญู, มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง, ศูนย์ความปลอดภัย โรงพยาบาลรามาธิบดี และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ
ฐานการเรียนรู้ออกเป็น 4 ฐานกิจกรรมใหญ่ๆ โดย กิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3 เมื่อพบผู้ป่วยจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ที่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ทักษะการป้องกันภัยเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ ทั้งจากบนท้องถนนหรือแม้กระทั่งอยู่ในสถานที่นอกบ้านอย่างร้านอาหาร รวมไปถึงเมื่อพบเจอกับอุบัติเหตุจริงๆ แล้ว จะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไร
การป้องกันอุบัติเหตุทางถนน
เป็นที่ทราบกันดีว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนในบ้านเรา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความสูญเสียมากที่สุด ด้วยปริมาณของรถยนต์ที่มาก ประกอบกับระเบียบวินัยในการใช้รถที่ไม่เข้มงวดกับกฎจราจรมากพอ จึงทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากกว่าอุบัติเหตุอื่นๆ
สิ่งสำคัญอย่างแรกที่พี่ๆ จากศูนย์ความปลอดภัย โรงพยาบาลรามาธิบดีแนะนำ คือการให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กฎจราจรเบื้องต้น ผ่านการสังเกตและทำความเข้าใจกับความหมายของแผ่นป้ายจราจร ทั้งในฐานะของผู้ขับขี่และผู้เดินเท้า นอกจากนั้นพี่ๆ ยังได้แนะนำข้อควรปฏิบัติที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเคร่งครัด เช่น นั่งรถยนต์ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย หรือนั่งมอเตอร์ไซค์ต้องสวมใส่หมวกกันน็อค รวมไปถึงการแนะนำเทคนิคการข้ามถนน 5 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อให้ปลอดภัยดังนี้
หยุด คือการหยุดเดินเมื่อมาถึงจุดทางข้าม
มอง คือการมองสัญญาณไฟจราจรสำหรับคนข้าม หรือถ้าไม่มีให้มองรถที่กำลังแล่นผ่านมาว่าอยู่ในระยะที่คนขับสามารถมองเห็นเราไหม
ฟัง คือการฟังเสียงสัญญาณแตรรถ หรือเสียงเครื่องยนต์ว่าอยู่ในระยะที่ปลอดภัยไหม
คิด คือการประมวลสิ่งที่มองเห็นและเสียงที่ได้ยิน ว่าปลอดภัยแล้วจริงๆ
เดิน เมื่อมั่นใจทุกอย่างแล้ว จึงตัดสินใจเดินข้ามถนนอย่างมีสติ
พี่ๆ ยังได้นำเกมกระดานขนาดยักษ์ที่จำลองเหตุการณ์บนท้องถนนให้เด็กๆ ได้ลองเล่นกัน เด็กๆ ต้องผลัดกันทอยลูกเต๋าเพื่อให้เดินไปถึงเส้นชัย โดยที่ระหว่างทางจะพบกับอุบัติเหตุต่างๆ ที่ไม่คาดคิด เด็กๆ จึงได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องถนนและเตรียมรับมือได้อย่างถูกวิธี
การป้องกันอุบัติเหตุภายนอกบ้าน
นอกจากฐานการประเมินความเสี่ยงภายในบ้านที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ไปก่อนหน้านั้นแล้ว ภายนอกบ้านยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย อย่างเช่นในร้านอาหารที่เต็มไปด้วยปัจจัยสุ่มเสี่ยงจากอุบัติเหตุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปลั๊กไฟ หม้อไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งจานชามที่อาจแตกได้
พี่ๆ จากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้เนรมิตห้องมินิเธียเตอร์ 2 ให้กลายเป็นร้านสุกี้ชาบู โดยการจำลองจานอาหารและหม้อไฟให้เหมือนจริง แล้วสมมติสถานการณ์เหมือนให้เด็กๆ ได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านจริงๆ และในขณะที่กำลังอิ่มอร่อยกับอาหารบนโต๊ะอยู่นั้น อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างเช่น น้ำซุปที่อาจจะหกไปโดนปลั๊กไฟ แก้วน้ำที่อาจจะตกแตก หรือหม้อไฟฟ้าที่อาจจะมีกระแสไฟรั่วได้ เด็กๆ จึงได้รู้จักวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงด้วยตนเอง เพื่อให้เวลาที่ไปรับประทานอาหารที่ร้านจริงๆ จะสามารถป้องกันอุบัติอันไม่คาดคิดได้
การดามและการห้ามเลือดผู้ป่วย
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น แม้เราจะเรียนรู้จักการป้องกันอุบัติเหตุมาดีอย่างไร แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะฉะนั้นการเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ จึงเป็นสิ่งที่ควรฝึกฝนไว้เพื่อลดความสูญเสีย โดยเฉพาะอาการหักของอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และอาการเลือดไหลของผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งต้องหาวิธีในการช่วยเหลือให้เร็วที่สุด
พี่ๆ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ้งได้แนะนำให้น้องๆ รู้จักการใช้สิ่งของที่สามารถหาได้ใกล้ตัวมาใช้ในการดามอวัยวะของผู้ป่วย อย่างเช่นผ้าพันคอหรือกระทั่งเสื้อยืดที่เป็นเหมือนอุปกรณ์เอนกประสงค์ สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นที่ดามได้ โดยการผูกกับส่วนอื่นๆ เพื่อใช้รั้งส่วนที่หัก หรือถ้าหากไม่สามารถหาอุปกรณ์ใกล้ตัวได้ ก็ยังมีเทคนิคในการใช้ร่างกายของผู้ป่วยเองในการดามส่วนที่หักได้อีกด้วย
อีกหนึ่งอาการที่ต้องช่วยเหลือผู้ป่วยโดยเร็วคืออาการเลือดไหลจากบาดแผล เพราะยิ่งถ้าปล่อยให้ผู้ป่วยเสียเลือดมากเข้า อาจส่งผลต่อชีวิตได้ และอุปกรณ์อย่างผ้าพันคอก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อีกครั้ง ด้วยการนำมาพับให้มีลักษณะคล้ายผ้าพันแผลเพื่อใช้ห้ามเลือดผู้ป่วยชั่วคราวได้
ทักษะต่างๆ เหล่านี้คือทักษะสำคัญในชีวิตที่เด็กๆ ควรจะมีติดตัวไว้ เพื่อที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นจริงๆ เด็กๆ จะสามารถพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นอย่างถูกวิธีได้ก่อน โดยที่ไม่ต้องรอการช่วยเหลือ ความสูญเสียก็อาจลดน้อยลงได้
วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย