ห้องสมุดประชาชนเกาสง (Kaohsiung Public Library) เป็นหนึ่งในห้องสมุดที่มีความเก่าแก่ของไต้หวัน ก่อตั้งเมื่อปี 1916 อาคารห้องสมุดเคยถูกระเบิดทำลายเสียหายยับเยินเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สองจนกระทั่งหนังสือทั้งหมดกลายเป็นเถ้าถ่าน นับจนถึงปัจจุบันห้องสมุดประชาชนเกาสงถูกเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง และย้ายที่ตั้งถึง 6 ครั้ง ห้องสมุดประชาชนเกาสงแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปี 2015 ตั้งอยู่ที่อ่าวเกาสง ใกล้กับศูนย์ศิลปะเว่ยวู่หยิง (Wei Wu Ying Center for the Arts) นับเป็นห้องสมุดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคไต้หวันตอนใต้
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับห้องสมุดประชาชนเกาสงในช่วง 100 กว่าปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากด้านกายภาพแล้วยังรวมถึงเรื่องแนวคิดในการออกแบบและนวัตกรรมในการให้บริการตามบริบทที่ท้าทายแต่ละยุคสมัย ความสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดนิ่งทำให้ห้องสมุดประชาชนเกาสงก้าวเข้าสู่ยุคทอง กลายเป็นภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม (cultural landscape) และแลนด์มาร์กที่สำคัญของเมือง รวมทั้งสร้างผลกระทบทางสังคมในแง่การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการอ่านให้หยั่งรากลึกในวิถีของผู้คนทุกเพศทุกวัย
โอเอซิสใจกลางย่านธุรกิจ
โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของห้องสมุดประชาชนเกาสงได้มาจากการประกวด ผู้ชนะเลิศการออกแบบคือทีมงานของริคกี้ หลิว (Ricky Liu) ร่วมกับทีมงานของโตโย อิโตะ (Toyo Ito) สถาปนิกชาวญี่ปุ่น เน้นการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงเรื่องการประหยัดพลังงาน และการเป็นพื้นที่สีเขียวอันน่ารื่นรมย์ให้ผู้คนในเมืองสามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจไปพร้อมกับแสวงหาความรู้
อาคารอเนกประสงค์มีรูปทรงลูกบาศก์ยักษ์ขนาดพื้นที่ 38,000 ตารางเมตร กรุผนังกระจกทำให้ดูน่ามองและสามารถใช้ประโยชน์จากแสงสว่างธรรมชาติ มโนทัศน์การออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากร่มเงาต้นไม้ขนาดใหญ่ พื้นที่ชั้นล่างมีความสูงถึง 7.5 เมตร สำหรับอ่านหนังสือ พักผ่อน และออกกำลังกาย ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงห้องสมุดได้ 3 ทาง คือจากบันไดซึ่งพาดผ่านศูนย์การค้าชั้นล่าง หรือเดินผ่านสวนขนาดใหญ่ของห้องสมุด และจากทางเข้าฝั่งติดถนน
ใจกลางอาคารตั้งแต่ชั้น 3-8 เจาะเป็นพื้นที่โล่ง ทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นกำแพงต้นไม้สูงตระหง่าน ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถหลีกหนีจากความรู้สึกเหมือนว่าติดอยู่ในกับดักของอาคาร บริเวณชั้น 8 หรือดาดฟ้า เป็นสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ (New Bay Garden) สำหรับชมทิวทัศน์ที่สวยงามของอ่าวเกาสง ตามระเบียงทางเดินในอาคารและลานภายนอกอาคารยังประดับตกแต่งด้วยต้นไม้กระถางนับร้อยสายพันธุ์ ซึ่งในอีกด้านหนึ่งสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ทางชีววิทยาให้กับคนรุ่นใหม่ได้ด้วย ห้องสมุดประชาชนเกาสงจึงเป็นสถาปัตยกรรมรักษ์โลกซึ่ง “ห้องสมุดและต้นไม้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน”
ห้องสมุดของทุกคน
เมื่อเกาสงก้าวสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ทันสมัย มิติด้านวัฒนธรรมก็ค่อยๆ ห่างหายไปจากวิถีชีวิตของผู้คน ธุรกิจสิ่งพิมพ์ซบเซาและทยอยปิดตัว ห้องสมุดแห่งใหม่จึงเป็นความหวังที่จะพลิกฟื้นบรรยากาศการอ่านและการเรียนรู้ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ยุทธศาสตร์อันดับต้นๆ คือการสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างพลเมืองกับห้องสมุด
องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเมืองเกาสงได้ริเริ่มโครงการ “บริจาคล้านเล่ม ส่งต่อความรักและความรู้สู่คนรุ่นต่อไป”(One Million Books By Donation, Love and Wisdom Passed on for Generation)โดยเปิดรับบริจาคเงินเพื่อจัดซื้อหนังสือ คุณค่าที่เเคมเปญต้องการสื่อสารออกไปคือ ไม่สำคัญว่าพวกคุณจะเป็นใคร ไม่ว่านักธุรกิจที่ร่ำรวย มนุษย์เงินเดือน หรือพ่อค้าแม่ขาย ล้วนมีพลังในการสร้างเมืองให้มีความแตกต่างและก้าวหน้าได้เช่นกัน เมืองเกาสงบรรลุเป้าหมายในการผลักดันให้ห้องสมุดระดับท้องถิ่นมีหนังสือให้บริการนับล้านเล่ม ในหนังสือแต่ละเล่มจะมีใบปลิวระบุรายนามผู้บริจาค เพื่อแสดงความขอบคุณที่มีส่วนร่วมในการมอบอนาคตที่รุ่งโรจน์ให้กับสังคม
นอกจากนี้ภายในห้องสมุดยังมีคอลเลกชั่นพิเศษ ได้แก่หนังสือคลาสสิกจากหลากหลายยุคกว่า 500 เล่ม มีทั้งวรรณกรรมโบราณและวรรณกรรมท้องถิ่น ซึ่งล้วนแล้วแต่หายากและมีคุณค่าข้ามกาลเวลา ถูกคัดสรรอย่างพิถีพิถันและจัดแสดงไว้ในตู้อย่างสง่างาม บริเวณชั้น 4 ของห้องสมุด
นำหนังสือไปถึงมือผู้อ่าน
2 ทศวรรษที่ผ่านมาเกิดกระแส “เมืองการอ่าน” ขึ้นแทบจะทั่วโลก เช่น ในปี 1995 เมืองหลายแห่งของญี่ปุ่นจัดกิจกรรม “อ่านยามเช้า” ในโรงเรียน ซึ่งนักเรียนทุกคนจะใช้เวลา 10 นาทีช่วงเช้าเพื่ออ่านหนังสือ ในปี 1998 เมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา จัดแคมเปญ “ถ้าชาวซีแอตเทิลทุกคนอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน” (If All Seattle Read the Same Book) ซึ่งทำให้ต้นแบบกิจกรรม “หนึ่งเมืองหนึ่งเล่ม” (One City One Book) แพร่จากสหรัฐอเมริกาไปทั่วโลก ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั้งในเอเชียและนอกภูมิภาคล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้ห้องสมุดเกาสงปรารถนาจะก้าวสู่การเป็นเมืองการอ่านเช่นกัน
โจทย์สำคัญอันดับแรกของห้องสมุดประชาชนเกาสงก็คือ การทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงหนังสือได้มากที่สุด ปี 2007 ห้องสมุดประชาชนเกาสงดำเนินยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการห้องสมุดแบบเครือข่ายสาขา เมื่อห้องสมุดใช้ทรัพยากรหนังสือร่วมกันจึงสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการเข้าถึงหนังสือและลดความซ้ำซ้อนของทรัพยากรได้ อย่างไรก็ตาม ห้องสมุดสาขาจะมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันออกไปให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละชุมชน เช่น ห้องสมุดสาขาหยันเฉิง (Yancheng) เน้นด้านการ์ตูน เนื่องจากไต้หวันเริ่มมีนักเขียนการ์ตูนและหนังสือภาพรุ่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ห้องสมุดสาขาซุ่ยผิง (Cuiping) เน้นด้านการทำอาหาร เนื่องจากห้องสมุดตั้งอยู่ในชุมชนของผู้ย้ายถิ่นมาจากประเทศต่างๆ จึงมุ่งส่งเสริมเรื่องการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ห้องสมุดสาขาฉีจิ้น (Qi-jin) เน้นด้านชีววิทยาทางทะเล ตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชนที่ขาดแคลนร้านหนังสือและมีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์
แม้ว่าเมืองเกาสงจะมีห้องสมุดหลายแห่งและมีทรัพยากรหนังสือมากมาย แต่ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าผู้คนจะอยากไปห้องสมุด ห้องสมุดจึงคิดค้นนวัตกรรมตู้ยืมหนังสืออัตโนมัติที่มีหน้าตาคล้ายตู้จำหน่ายน้ำอัดลม ติดตั้งไว้ตามสถานีรถไฟฟ้า สมาชิกห้องสมุดสามารถจองหนังสือเล่มที่ต้องการผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าหนังสือเล่มนั้นจะอยู่ที่สาขาไหน ห้องสมุดจะจัดส่งไปยังตู้ยืมหนังสืออัตโนมัติ ณ สถานีรถไฟฟ้าที่ระบุไว้ โดยใช้ระยะเวลาเฉลี่ยในการดำเนินงานเพียง 2.33 วัน ในตอนเย็นผู้คนจะต่อแถวนำบัตรรถไฟฟ้าแตะที่ตู้แล้วพิมพ์รหัสหนังสือ แขนกลภายในตู้ก็จะหยิบหนังสือเล่มที่จองไว้ออกมาให้
ผู้ใช้บริการคนหนึ่งให้ความเห็นว่า “มันสะดวกมาก เราไม่จำเป็นต้องเดินทางเพื่อไปให้ถึงห้องสมุด แต่ทุกๆ วันเราก็สามารถยืมนวนิยายบนเส้นทางสัญจรปกติ” เธอยืมหนังสือจากตู้อัตโนมัติเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 เล่ม นั่นเท่ากับปีละ 52 เล่ม!
นักเขียนชาวเกาสงคนหนึ่งกล่าวถึงห้องสมุดด้วยความภาคภูมิใจว่า “ห้องสมุดของเราจัดส่งหนังสือรวดเร็วเสียยิ่งกว่าเว็บไซต์ book.com.tw และมีบริการหลากหลายยิ่งกว่าห้างสรรพสินค้า และสิ่งที่ดีที่สุดก็คือไม่มีค่าใช้จ่ายในการยืมหนังสือ”
ใครๆ ก็อ่านหนังสือ
เป้าหมายของการนำหนังสือไปสู่มือผู้อ่านคือการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านให้กับผู้คนทุกช่วงวัย ห้องสมุดประชาชนเกาสงจึงพยายามอุดช่องว่างทุกพื้นที่ให้มีหนังสือที่ดีและมีปริมาณเพียงพอ ไม่เว้นแม้แต่โรงพยาบาล ค่ายทหาร และเรือนจำ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน เช่น การเล่านิทาน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และ “หนังสือเล่มแรก” (Book Start) ซึ่งสนับสนุนและให้ความรู้แก่พ่อแม่ในการอ่านนิทานหรือหนังสือภาพให้ลูกฟังตั้งแต่ยังเด็ก
ในปี 2009 ห้องสมุดสาขาซั่วหยิง (Zuo Ying) ติดตั้งจุดแจกจ่ายหนังสือบริเวณสถานีรถไฟ สถานีรถไฟความเร็วสูง และสถานีรถไฟฟ้า ผู้สัญจรไปมาสามารถหยิบหนังสือไปอ่านโดยไม่จำเป็นต้องนำมาคืน แต่สนับสนุนให้พวกเขาส่งต่อให้กับผู้ที่ต้องการอ่านต่อไป หลังจากนั้นจุดแจกจ่ายหนังสือก็เกิดเพิ่มขึ้นมากมายไม่เฉพาะแต่เพียงสถานีรถไฟ เช่นในโรงพยาบาลหรือคลินิก
นวัตกรรมการให้บริการที่ไม่หยุดนิ่งทำให้เมืองเกาสงกลายเป็นแดนสวรรค์ของนักอ่าน และผู้คนก็หันกลับมาเข้าห้องสมุดเพิ่มขึ้นด้วย จวบจนถึงปี 2013 ห้องสมุดประชาชนเกาสงมีเครือข่ายห้องสมุดกว่า 70 แห่ง มีทรัพยากรหนังสือรวมกันกว่า 4 ล้านเล่ม ในหนึ่งปีมีสมาชิกยืมหนังสือมากกว่า 15 ล้านครั้ง ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 84% เมื่อเทียบกับ 7 ปีที่ผ่านมา นวัตกรรมการให้บริการที่หลากหลายทำให้โมเดลห้องสมุดประชาชนเกาสงกลายเป็นต้นแบบให้กับเมืองอื่นๆ ทั่วไต้หวัน
ความสำเร็จในการส่งเสริมการอ่านของห้องสมุด ยังส่งผลทางอ้อมให้อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง เพราะการอ่านหนังสือกลายเป็นงานอดิเรกที่ทุกคนชื่นชอบ พวกเขารู้จักเลือกซื้อหนังสือที่มีคุณภาพ และติดตามผลงานของนักเขียนในดวงใจ
อดีตผู้อำนวยการห้องสมุดกล่าวว่า “ห้องสมุดเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของเมืองสมัยใหม่ ถ้าคุณต้องการบ่มเพาะเมืองแห่งการคิดเชิงลึก ปัจจัยความสำเร็จคือการสร้างนิสัยการอ่านให้กับผู้คน ซึ่งแน่นอนว่าโครงสร้างทางกายภาพเป็นเรื่องจำเป็น แต่บรรยากาศของเมืองที่จะก่อให้เกิดนิสัยดังกล่าวเพื่อพัฒนาไปเป็นคนที่มีคุณภาพสูงได้ ก็ต่อเมื่อเราเปิดกว้างให้ผู้คนสามารถเรียนรู้วิธีใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
นอกจากนี้ เพื่อปฏิรูปห้องสมุดให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ ห้องสมุดประชาชนเกาสงจึงได้เปลี่ยนรูปแบบองค์กรจากหน่วยงานรัฐภายใต้ระบบราชการไปเป็นองค์การมหาชน (Non-Departmental Public Bodies) นับตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งช่วยทำให้การบริหารงานมีความคล่องตัวมากขึ้นและสามารถให้บริการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
ฟัง TK Podcast ตอน กลยุทธ์ส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านของห้องสมุดประชาชนเกาสง ที่นี่
ที่มาเนื้อหาและภาพคลิกที่นี่