ไต้หวันมีนโยบายเอาจริงเอาจังในการส่งเสริมการพัฒนาวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มามากกว่า 10 ปี ผ่านแนวทางที่หลากหลาย ทั้งการริเริ่มโดยภาครัฐ ภาคประชาชน หรือการร่วมมือระหว่างหน่วยงาน จนก่อให้เกิดพื้นที่สร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบทั่วทุกหนแห่งในประเทศเกาะแห่งนี้
พื้นที่สร้างสรรค์ในไต้หวันจึงมีความเกี่ยวโยงกับมิติทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการกระตุ้นให้เรื่องความคิดสร้างสรรค์กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตประจำวันของผู้คน มิใช่เรื่องที่แยกส่วนอยู่ในภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น
ขณะเดียวกัน วิสัยทัศน์ในการวางผังเมืองของไต้หวันก็ให้ความสำคัญกับการสร้างแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรม ดังเช่นพื้นที่ที่เรียกว่า อุทยานวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ (Cultural and Creative Park - CCP) ซึ่งเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจขนาดใหญ่อันเต็มไปด้วยความสุนทรีย์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจ พร้อมกันนั้นนักสร้างสรรค์ก็ได้มีพื้นที่สำหรับแสดงออกอย่างอิสระ
คุณค่าจากวันวาน ส่งผ่านสู่อนาคต
ย่านซงซาน (Songshan) กรุงไทเป เป็นที่ตั้งของโรงงานยาสูบแห่งแรกของไต้หวัน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1937 เมื่อครั้งตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น นับจนถึงวันนี้มีอายุเก่าแก่ถึงกว่า 80 ปี โรงงานยาสูบปิดตัวลงเมื่อปี 1998 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการวางผังเมืองที่มุ่งสู่การเป็นเมืองทางประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายว่าด้วยสุราและยาสูบ ประกอบกับความต้องการบริโภคยาสูบที่ลดต่ำลง
ในปี 2001 องค์กรปกครองท้องถิ่นเมืองไทเป (Taipei City Government) มีแนวคิดในการปรับโรงงานยาสูบให้กลายเป็นสวนสาธารณะในพื้นที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่งดงาม จุดประสงค์ใหม่ของสวนแห่งนี้คือ การสร้างแพลตฟอร์มสาธารณะที่ช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทดลองพัฒนานวัตกรรมและเป็นผู้กำหนดแนวโน้มในอนาคต (set trend) รวมทั้งจัดการเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมและสร้างการมีส่วนร่วมสาธารณะ
อุทยานวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ซงซาน (Songshan Cultural and Creative Park - SCCP) ได้รับการออกแบบให้ทำหน้าที่บอกเล่าถึงยุครุ่งโรจน์ของอุตสาหกรรมยาสูบ ภายในประกอบด้วยนิทรรศการ โรงละคร ห้องสัมมนา ห้องทดลอง และร้านค้าร้านอาหาร ซึ่งไม่เพียงจุดประกายความสร้างสรรค์ให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชม แต่ยังท้าทายให้ผู้ประกอบการคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อีกด้วย
SongYan Gallery คือสะพานเชื่อมผู้คนให้นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปยังอดีต ข้าวของเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ยังคงเป็นแบบย้อนยุค มีมุมจำหน่ายของที่ระลึกและอาหารเครื่องดื่ม ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ เหมาะกับการนั่งเล่นฆ่าเวลา และแม้ว่าพื้นที่อาคารจะเป็นแบบเปิดโล่งแต่มุมเล็กมุมน้อยก็ทำให้ผู้ใช้บริการรู้สึกมีความเป็นส่วนตัว
SongYan Creative Lab ตั้งอยู่บนชั้นสองของอาคารโรงงานฝั่งตะวันออก มีลักษณะเป็นโถงเปิดโล่งไม่มีผนังกั้นสำหรับวางเครื่องจักร ปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำโครงงานสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านศิลปะการแสดงและสื่อศิลปะสมัยใหม่
พิพิธภัณฑ์การออกแบบแห่งไต้หวัน (Taiwan Design Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์เฉพาะทางแห่งแรกของไต้หวัน มีบทบาทในการนำเสนองานออกแบบสร้างสรรค์ จัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การออกแบบสมัยใหม่ และผลงานออกแบบที่สำคัญทั้งของไต้หวันและต่างประเทศ รวมทั้งให้บริการพื้นที่เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมได้มีปฏิสัมพันธ์ นำเสนอผลงานและความก้าวหน้าต่างๆ ผู้คนสามารถเข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการออกแบบในไต้หวันและเพิ่มเติมความรู้ด้านสุนทรียศาสตร์
พิพิธภัณฑ์เรดดอทดีไซน์ (Red Dot Design Museum) ตั้งอยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์การออกแบบแห่งไต้หวัน เรดดอทดีไซน์สองสาขาแรกนั้นอยู่ในเยอรมนีและสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นจากความตระหนักถึงแนวคิดเชิงนวัตกรรมและคุณภาพ การออกแบบผลิตภัณฑ์ และการออกแบบการสื่อสารซึ่งจะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการออกแบบในอนาคต ผู้เยี่ยมชมสามารถเดินดูและหยิบจับงานดีไซน์ได้ และบางชิ้นมีจำหน่ายด้วย เช่น ม้านั่ง จักรยาน โปสเตอร์โฆษณา นาฬิกา ฯลฯ
Café Sole ส่วนหนึ่งของอาคารด้านทิศตะวันตกยังเป็นที่ตั้งของคาเฟ่เล็กๆ ที่ออกแบบตกแต่งอย่างประณีต ให้ความรู้สึกอบอุ่น
ร้านหนังสือเยว่เยว่ (Yue Yue Bookstore) ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเลี้ยงเด็กของโรงงานใกล้กับบึงบัว นอกจากขายหนังสือแล้ว ที่นี่ยังมีมุมภาพยนตร์โรแมนติก ซึ่งจัดกิจกรรมการแสดงและการเสวนาว่าด้วยภาพยนตร์แนวนี้ด้วย
แกลเลอรี่ศิลปะจากแก้ว (Liuli Gong Fang Songshan Gallery and Liuli Cafe) เป็นแกลเลอรี่ของอดีตดาราและอดีตผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกงานศิลปะจากแก้วแบบจีนร่วมสมัย คาเฟ่ตกแต่งด้วยผลงานศิลปะของศิลปินทั้งสอง
บึงบัว เดิมถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันอัคคีภัยและการหมุนเวียนน้ำ ปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่เชิงนิเวศน์สำหรับให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต และมีประสบการณ์กับธรรมชาติที่งดงาม
ห้างสรรพสินค้า ในบริเวณเดียวกันมีอาคารสมัยใหม่ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าเอสไลท์ (Eslite Spectrum Songyan Store) และโรงแรมในเครือบริษัทเอสไลท์ (Eslite Company) ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกหนังสือรายใหญ่ของไต้หวัน ภายในห้างสรรพสินค้าจำนวน 4 ชั้น มีทั้งร้านหนังสือ ร้านอาหาร ร้านขายชา และพิพิธภัณฑ์แผ่นเสียง ร้านขายงานฝีมือ และพื้นที่ทำงาน DIY ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ให้เช่าพื้นที่แก่ผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมทั้งมีโรงละครที่สามารถฉายภาพยนตร์และจัดการแสดงเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม
ปัจจุบัน อุทยานวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ซงซาน หรือ SCCP เป็นอุทยานวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน เป็นหมุดหมายที่สำคัญของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ได้รับรางวัลและการจัดอันดับจากนิตยสารท่องเที่ยวหลายฉบับ
“อุทยานซงซาน” ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
ในการเปิดให้บริการปีแรก SCCP เป็นพื้นที่สำหรับจัดงาน World Design Expo ซึ่งมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมมากกว่า 1 ล้านคนในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว หลังจากนั้นมีการจัดงานที่น่าสนใจมากมาย เช่น นิทรรศการเมืองไทเปกับการออกแบบ สัปดาห์นักออกแบบแห่งไต้หวัน เทศกาลศิลปะดิจิทัลแห่งไทเป คอนเสิร์ต และการจัดแสดงผลงานสร้างสรรค์อีกมากมาย
SCCP ไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในการสร้างสรรค์คอนเทนต์อีกด้วย ตัวอย่างเช่น SongYan Gallery เป็นพื้นที่ผสมผสานเรื่องราวการพัฒนาแบรนด์กับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ งานเทศกาลประจำปีที่นำเอาเรื่องแบรนด์ของไต้หวันผสานเข้ากับศิลปะแขนงต่างๆ เช่น การแสดง ทัศนศิลป์ ดนตรี ฯลฯ เพื่อแสดงถึงพลังเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไต้หวัน
นอกจากนี้ ภายใน SongYan Creative Lab ยังปรับพื้นที่ส่วนหนึ่งของอาคารโรงงานยาสูบประมาณ 660 ตารางเมตรให้เป็นพื้นที่ทดลอง เวทีการแสดง และนิทรรศการ เพื่อให้นักพัฒนามีพื้นที่จัดแสดงผลงานและจินตนาการอย่างอิสระ
จัสมิน โช (Jasmine Chou) ผู้อำนวยการ SCCP เล่าถึงโครงการ “เบื้องหลังประตูที่ถูกปิด” (Behind closed doors) เพื่อชี้ให้เห็นถึงรูปธรรมที่เกิดขึ้นใน SongYan Creative Lab ว่า “นักพัฒนาส่วนใหญ่มักนำเสนอผลงานที่ทำสำเร็จแล้ว ซึ่งผู้ชมไม่สามารถมองเห็นกระบวนการของความสร้างสรรค์นั้น โครงการนี้จึงเชิญศิลปินจากหลากหลายแขนงรวม 9 คน มาสร้างสรรค์ผลงานในระยะเวลา 35 วัน โดยเปิดให้ผู้สนใจสามารถรับชมทุกขั้นตอนของการสร้างสรรค์และผลิตผลงาน เพื่อจุดประกายความสร้างสรรค์และจินตนาการ”
นับตั้งแต่ก่อตั้ง SCCP ได้จัดกิจกรรมมากมายเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ด้วยหวังว่าจะเป็นประหนึ่งร้านค้าเบ็ดเสร็จ (one-stop shop) สำหรับการพัฒนาแบรนด์ของผู้ประกอบการรายย่อยและนักสร้างสรรค์ชาวไต้หวัน นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงภาคอุตสาหกรรม โดยการจัดให้มีการจับคู่ทางธุรกิจ (business matchmaking) อีกทั้งยังมีแกลเลอรี่สำหรับแสดงและขายผลงาน รวมทั้งสร้างโอกาสทางการค้าระดับนานาชาติด้วย
จัสมิน โช เล่าว่า ในระยะถัดไป SCCP จะบูรณาการนักสร้างสรรค์กับแหล่งทรัพยากรทั้งบนและล่างห่วงโซ่อุปทานผ่าน “โรงงานสร้างสรรค์” (Creative Factory) ซึ่งให้บริการ co-working space พื้นที่พบปะ พื้นที่อภิปรายแลกเปลี่ยน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ สำหรับนักพัฒนาและศิลปินในการค้นหาตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ (brand positioning) เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างคุณค่าในฐานะมนุษย์ (human value) พื้นที่นี้จึงให้ความสำคัญกับพลังของการมีปฏิสัมพันธ์เป็นลำดับแรกๆ ดังนั้นโดยตัวของ SCCP เองอาจไม่ใช่คำตอบ แต่จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนเข้ามาค้นพบคำตอบ
เยาวชนและนักเรียนนักศึกษาคืออนาคตของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ อุทยานวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์คือพื้นที่มอบจิตนาการและการค้นหา ในแต่ละปี SCCP จัดเทศกาลการศึกษาวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์แห่งซงซาน สำหรับนักศึกษาที่สนใจเรื่องการออกแบบ ที่ผ่านมามีนักศึกษาเข้าร่วมกว่า 70 สถาบัน จำนวนมากกว่า 3,000 คน ภายในงานมีทั้งนิทรรศการรวมทั้งหลักสูตรที่สอนให้เยาวชนทำการตลาดและหาสปอนเซอร์ เทศกาลดังกล่าวนอกจากจะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างนักพัฒนา ยังมีบทบาทในการเชื่อมโยงนักศึกษาสู่โลกของการงานอาชีพ มีผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ จากทั่วโลกมาเยี่ยมเยือน ผู้ที่ฉายแววความสามารถก็จะมีโอกาสถูกพบเห็น นักศึกษาหลายคนหางานได้ที่นี่ บางคนประสบความสำเร็จในการขายผลงาน นอกจากนี้ SCCP ยังคัดเลือกนักศึกษาให้เข้าร่วมงานจัดแสดงในต่างประเทศด้วย
ก้าวต่อไปของ SCCP คือการเชื่อมต่อศูนย์สรรพสินค้าไทเปนิวฮอไรซัน (Taipei New Horizon) สนามกีฬาไทเปโดม และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ซึ่งตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน รวมทั้งมุ่งสร้างสรรค์คอนเทนต์เชิงลึกและสนับสนุนการพัฒนาแบรนด์
“มีเพียงการสร้างคอนเทนต์เท่านั้นที่จะทำให้ผู้คนและพื้นที่หลอมรวมกันจนนำไปสู่การมีปฏิสัมพันธ์เชิงลึกได้ ลำพังแต่เพียงพื้นที่สวนหาได้มีคุณค่าในตัวของมันเอง” โช กล่าว
................................................
กระบวนการ ‘นคราภิวัตน์’ (Urbanization) และแนวคิดใหม่ในการพัฒนาพื้นที่เมือง (Urban Space Re-development) ด้วยการปรับรูปการใช้ที่ดินหรือพื้นที่ให้เชื่อมโยงกับการส่งเสริมความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนกระตุ้นจินตนาการหรือแรงบันดาลใจใหม่ๆ เป็นแนวโน้มที่เปรียบเสมือนสายลมที่กำลังพัดแรง ทั้งในโลกตะวันตกจรดโลกตะวันออก
สวนสาธารณะซึ่งเดิมทำหน้าที่ปอดของเมือง เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง ทั้งการออกกำลังกายและกิจกรรมหลากหลายที่ได้ไกล้ชิดกับธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ เมื่อนำกรอบคิดใหม่เข้ามาใช้ สวนสาธารณะจึงถูกออกแบบให้กลายเป็นเครื่องมือสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และเศรษฐกิจฐานความรู้ ในขณะที่ฟังก์ชั่นเดิมก็ไม่ได้ถูกลดทอนหายไป เกิดเป็นความกลมกลืนระหว่างวิถีชีวิตกับความคิดสร้างสรรค์อย่างแยกไม่ออก ดังเช่นกรณีของอุทยานวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ซงซาน (SCCP) เป็นตัวอย่างที่ควรค่าแก่การศึกษาและนำมาปรับใช้
ติดตามฟัง TK Podcast ตอน อุทยานวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ซงซาน (SCCP) เชื่อมโยงวิถีชีวิตกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่นี่
ที่มาเนื้อหาและภาพคลิกที่นี่