ภาพการอนุรักษ์หนังสือโบราณของบรรณารักษ์ในหอสมุดแห่งชาติ ณ กรุงแบกแดด (AP Photo/Karim Kadim)
นักวิชาการและบรรณารักษ์ในกรุงแบกแดดกำลังทำงานกันอย่างเร่งรีบ เพื่ออนุรักษ์เอกสารที่หลงเหลืออยู่จำนวนหลายพันชิ้น หลังจากมีเอกสารสูญหายและถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก อันเป็นผลมาจากการบุกเข้ายึดครองประเทศที่นำโดยประเทศสหรัฐเมื่อหลายปีก่อน
ในขณะที่ภัยคุกคามเวลานี้คือกองทหารของกลุ่มไอเอส (Islamic State) ซึ่งมุ่งจะทำลายประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอิรัก (ดินแดนเมโสโปเตเมีย บริเวณลุ่มน้ำไทกริส-ยูเฟรติส หรือประเทศอิรักในปัจจุบัน เป็นแหล่งอารยธรรมสำคัญของโลกที่มีอายุเก่าแก่นับพันปี) ตัวอย่างเช่นการทำลายหนังสือและเอกสารต้นฉบับโบราณที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่เมืองโมซุล ซึ่งถูกไอเอสยึดครอง
โครงการอนุรักษ์เอกสารและแปลงเป็นไฟล์ดิจิทัลกำลังดำเนินการอยู่ในเมืองหลวงของอิรัก เพื่อปกป้องรักษาสิ่งซึ่งมีอายุหลายพันปีและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ประมาณค่ามิได้ แต่กระบวนการอนุรักษ์ไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วนัก ขึ้นอยู่กับความเก่าแก่และลักษณะความเสียหายของเอกสารแต่ละชิ้น ต้นฉบับบางชิ้นฉีกขาดจากการใช้งานมากเกินไป หรืออาจเป็นเพราะมีอายุเก่าแก่มาก บางชิ้นถูกเผาไหม้หรือมีคราบเลอะเป็นรอยจากผลของการโจมตีและวินาศกรรม และบางชิ้นขุดค้นพบในสภาพของหินฟอสซิล ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องมือหรือเทคนิคในการอนุรักษ์ที่ต่างกันไป
ภาพความเสียหายของหนังสือและเอกสารโบราณ ภายในหอสมุดแห่งชาติ ณ กรุงแบกแดด (AP Photo/Karim Kadim)
หอสมุดแห่งชาติ ณ กรุงแบกแดด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1920 โดยบาทหลวงคาทอลิกชาวอังกฤษ การบุกโจมตีเข้ายึดเมืองหลวงของอิรักโดยกองทัพสหรัฐและพันธมิตรเมื่อปี ค.ศ. 2003 ทำให้ห้องสมุดถูกเพลิงไหม้จนหนังสือกว่า 1 ใน 4 ถูกทำลายเสียหาย ส่วนเอกสารจดหมายเหตุถูกเผาผลาญกลายเป็นเถ้าถ่านไปกว่า 60% ในส่วนนี้มีบันทึกตั้งแต่ยุคออตโตมานอันหาค่ามิได้รวมอยู่ด้วย
แม้ว่าหนังสือและเอกสารจำนวนหนึ่งจะรอดพ้นจากไฟไหม้ และถูกขนย้ายมายังอาคารกระทรวงการท่องเที่ยว แต่ความโชคร้ายของหนังสือและเอกสารสำคัญเหล่านี้ก็ยังไม่หมดไป เมื่อท่อน้ำอาคารดังกล่าวแตกรั่วจากการถูกกระแทกชนโดยรถถังอเมริกัน ทำให้หนังสือและเอกสารที่ถูกขนย้ายมาเปียกน้ำเกือบหมด
ว่ากันว่ามีเอกสารประมาณ 400,000 แผ่น บางชิ้นเก่าแก่ย้อนไปสมัยออตโตมาน กับหนังสือโบราณอีกกว่า 4,000 เล่มถูกทำลายเสียหาย ส่วนที่เหลือรอดมาได้ถูกขนย้ายนำไปเก็บรักษาไว้ยังกรุงวอชิงตัน หลังจากนั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญจากห้องสมุดอเมริกันเดินทางมาประเมินความเสียหายและแนะนำให้ก่อสร้างอาคารหอสมุดแห่งชาติใหม่
ผ่านไปกว่าหนึ่งทศวรรษ หอสมุดแห่งชาติแห่งใหม่ที่มีพื้นที่ใช้สอย 45,000 ตารางเมตร ออกแบบโดย AMBS Architects บริษัทสถาปนิกชั้นนำจากลอนดอน ก็จะเปิดใช้งานได้ในปี 2016 อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมีอาคารหอสมุดหรือไม่ การอนุรักษ์เอกสารและหนังสือด้วยการเร่งรีบแปลงเป็นไฟล์ดิจิทัลยังคงดำเนินต่อไป หาใช่เป็นเพราะวิสัยทัศน์ผู้บริหารในการเตรียมพร้อมเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล หรือเป็นเพราะอิรักมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีและเครื่องไม้เครื่องมือ แต่เป็นผลเนื่องมาจากสภาวะสงครามและการฆ่าฟัน ที่ทำให้ชีวิตของผู้คนผู้บริสุทธิ์รวมไปถึงหนังสือกลายเป็นเหยื่อของความรุนแรง
ตราบใดที่การสู้รบยังไม่ยุติ หนังสือและเอกสารโบราณซึ่งถือเป็นมรดกของมนุษยชาติ ย่อมตกอยู่ในความเสี่ยงตลอดเวลา
ภาพร่าง หอสมุดแห่งชาติแห่งใหม่ AMBS Architects, 2014, Baghdad Library, exterior render. © AMBS Architects.
หมายเหตุ แปลและเผยแพร่ครั้งแรกในจดหมายข่าว readWORLD เมื่อเดือนตุลาคม 2558
เรื่องและภาพจาก
https://nypost.com/2015/08/04/iraq-to-digitize-national-library-because-isis/
http://time.com/3984972/iraq-digitizes-library-isis/?xid=newsletter-brief
http://indianexpress.com/article/world/middle-east-africa/facing-islamic-state-threat-iraq-digitises-national-library/
https://en.wikipedia.org/wiki/Iraq_National_Library_and_Archive
https://www.ibraaz.org/essays/87