TK park ประกาศผลแชมป์หนูน้อยนักเล่านิทานระดับประเทศ ครั้งที่ 9 ก้าวสู่อาเซียน
ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โครงการ ลับสมอง ประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ครั้งที่ 9 เป็นการประกวดเล่านิทานประเภทเดี่ยวจากตัวแทนหนูน้อยยอดนักเล่านิทานจากทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด ‘เติมอาหารกาย เสริมอาหารใจ บำรุงอาหารสมอง’ เพื่อเข้าร่วมการประกวดรอบชิงชนะเลิศ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 11 – 12 ตุลาคม 2557 ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 8 กรุงเทพฯ
หลังจากสัญจรทั่วประเทศ โครงการ ลับสมอง ประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ครั้งที่ 9 ก้าวสู่อาเซียน ได้ตัวแทนหนูน้อยยอดนักเล่านิทานจากทั่วทุกภูมิภาค เพื่อเข้าร่วมการประกวดรอบชิงชนะเลิศภายใต้แนวคิด ‘เติมอาหารกาย เสริมอาหารใจ บำรุงอาหารสมอง’ โดยเด็กที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นตัวแทนหนูน้อยยอดนักเล่านิทานจากแต่ละภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออก ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสามารถด้านเล่านิทานอย่างเป็นธรรมชาติ สดใส สมวัย พร้อมด้วยปฏิภาณไหวพริบ และจินตนาการสุดสร้างสรรค์ในการถ่ายทอดเรื่องราวจากนิทาน
เด็กทุกคนมีลีลา ความสามารถเฉพาะตัว และหลายคนมีแววด้านการเป็นนักเล่านิทาน ฉายความสามารถออกมาอย่างน่าทึ่ง สร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการ และนักเล่านิทานมืออาชีพอย่างมาก
ซึ่งในปีนี้ รางวัลชนะเลิศระดับอายุ 4-6 ปี ได้แก่ ด.ญ. ปานรัตน์ ปานรงค์ นิทานเรื่อง “นากขี้กลัว” รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ด.ญ. ศิณัญญา ใบโพธิ์วงศ์ นิทานเรื่อง “ลูกหมู 3 ตัว” รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2
ด.ญ. วิมฐ์วิภา เตชะสกุลเลิศ นิทานเรื่อง “กุ๋งกิ๋งท้องผูก” รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 ด.ช. ภควพจน์ อิโตะ นิทานเรื่อง “เทวดากับชายตัดฟืน" ด.ช. พีรวัชญ์ จันทรา นิทานเรื่อง “แกะน้อยนักอ่าน" และ ด.ญ. เมธาพร อิ่มบำรุง นิทานเรื่อง
“จอมขอ จ๋อๆ เจี๊ยกๆ" และรางวัลชนะเลิศ ระดับอายุ 6-9 ปี ได้แก่ ด.ญ. วรปรียา ไทยสวัสดิ์ นิทานเรื่อง “แม่เต่าขี้ลืม” รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ด.ญ. กานต์พิชชา ชุนหะศรี นิทานเรื่อง “กุ๋งกิ๋งรักเพื่อนบ้าน” รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ด.ญ. อินทร์นรี มิ่งขวัญ นิทานเรื่อง “ซุปก้อนหิน" ด.ญ. ซอนเนีย โฮมักโนลิ นิทานเรื่อง “ครอบครัวแสนรัก" รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 ด.ญ. มิรา ลิมปิวรรณ นิทานเรื่อง “กุ๋งกิ๋งท้องผูก" ด.ญ. นริศรา เบิร์น นิทานเรื่อง “ปลาสายรุ้ง" ผู้ชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทุนการศึกษา เกียรติบัตร และเดินทางไปทัศนศึกษาที่ประเทศสิงคโปร์
การประกวดรอบชิงชนะเลิศ ของโครงการลับสมอง ประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ครั้งที่ 9 ก้าวสู่อาเซียน ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์กระตุ้นและส่งเสริมให้เด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง คุณครู และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตระหนักถึงความสำคัญของการอ่าน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมความรักความผูกพันภายในครอบครัวจากการเล่านิทานอ่านหนังสือร่วมกัน การจัดงานในปีนี้ฯ ยังมีวัตถุประสงค์อีกประการ คือ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ เนื่องในปี พ.ศ. 2558 เป็นปีที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้านักอ่านที่ทรงโปรดการอ่านหนังสือ และโปรดการเขียนหนังสือมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ นอกจากเรื่องการอ่านที่ทรงเป็นแบบอย่างให้กับเด็กและเยาวชนแล้ว พระองค์ยังทรงให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของเด็กไทยมาโดยตลอด ดังนั้น เพื่อสอดคล้องกับวโรกาสที่
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558
ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินการประกวด กล่าวถึงภาพรวมในการจัดกิจกรรมในปีนี้ “ทางสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park ร่วมกับภาคีเครือข่ายได้แก่ มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก, สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม และนิตยสาร Mother&Care จึงจัดการประกวดเล่านิทาน ในโครงการลับสมอง ประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ครั้งที่ 9 ประจำปี พ.ศ. 2558 ภายใต้แนวคิด
‘เติมอาหารกาย เสริมอาหารใจ บำรุงอาหารสมอง’ นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดเวทีให้เด็กได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ผ่านการเล่านิทานอย่างเป็นธรรมชาติ สมวัย และอีกสิ่งหนึ่งก็คือความเข้าใจของผู้ปกครองที่เห็นถึงความสำคัญของกิจกรรมส่งเสริมการอ่านการเรียนรู้ งานนี้ไม่ได้เน้นในเรื่องของการแข่งขัน แต่ว่าเราเน้นในเรื่องของการส่งเสริมศักยภาพของเด็กและเยาวชน และการที่เขาได้ถ่ายทอดนิทานที่เขาอ่านออกมาสู่ผู้ฟังได้อย่างเข้าใจและเป็นธรรมชาติมากที่สุด แล้วต่อยอดเป็นกระบวนการสร้างสังคม รักการอ่านให้เกิดขึ้นในสังคมไทยต่อไป”
รศ. กุลวรา ชูพงศ์ไพโรจน์ นักเล่านิทาน นักแต่งนิทาน หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินการประกวดทั้งรอบคัดเลือกและรอบชิงชนะเลิศ กล่าวคำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากปั้นนักเล่านิทานตัวน้อย หรือ
สานฝันนักน้อยยอดนักเล่านิทานให้ฉายแววชัดขึ้น
“ถ้าอยากให้ลูกได้แสดงความสามารถผ่านการเล่านิทาน เคล็ดลับที่ง่าย และทำได้ คือ เด็กควรเลือกนิทานที่
ตัวเองชอบที่สุด เนื้อเรื่องไม่ยาวเกินไป อ่านนิทานให้เข้าใจว่า เป็นเรื่องแนวไหน แล้วเล่าด้วยความเป็นตัวของตัวเอง เป็นธรรมชาติให้มากที่สุด เสียงดังฟังชัด เน้นเสียงหนัก เสียงเบาบ้าง ให้มีชีวิตชีวาตามเนื้อเรื่อง ที่สำคัญต้องมองหน้าผู้ฟังด้วยค่ะ
ส่วนเทคนิคง่ายๆ สำหรับพ่อแม่ที่สามารถเก็บเกี่ยวเรื่องดีๆ จากการเล่านิทาน อ่านหนังสือให้ลูกฟัง...
“พ่อแม่สามารถเก็บเกี่ยวเรื่องดีๆ กับกิจกรรมที่ทำกับลูก ได้โดยให้เวลากับลูก ด้วยการเล่านิทาน อ่านหนังสือให้ฟังเป็นประจำ อ่านและเล่าอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ถนัด เป็นธรรมชาติ รู้จักเลือกหนังสือที่ดี สอดแทรกคุณธรรมอย่างแนบเนียน คือไม่สั่งสอนตรงๆ ซึ่งการเล่านิทาน อ่านหนังสือ ทำกิจกรรมต่างๆ กับลูกตั้งแต่เล็ก จะทำให้เด็กมีความสุข เติบโต เป็นคนดี และจะฉลาดอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ
ทางด้าน คุณพัลลภ สินธุ์เจริญ หรือ บัวไร นักเขียน นักเล่านิทาน และนักเขียนบทภาพยนตร์ กล่าวถึงความสำคัญของการอ่าน
“การอ่านเป็นพื้นฐานที่ดี ซึ่งในสมัยเด็กผมอ่านหนังสือทุกประเภท ประจวบกับการทำงานที่มีโอกาสได้คิด ได้เขียนต่างๆ จนทำให้ผมเดินอยู่ในสายอาชีพนักเขียน, เขียนบทภาพยนตร์ และเป็นคนเล่าเรื่อง (ที่ตัวเองแต่ง) ผลงานต่างๆ ที่ออกมาส่วนหนึ่งก็มาจากการอ่าน ซึ่งทุกวันนี้ผมก็ยังอ่านหนังสือ เลือกหนังสือดีๆ ให้ตัวเอง ในมุมมองการเล่า ผมรู้สึกว่าการได้เล่านิทานให้เด็กๆ ฟัง มีความสุขที่ได้เห็นเด็กๆ หัวเราะ มีรอยยิ้ม หรือเวลาที่ผมเล่านิทานให้หลานฟัง เขาจะเข้ามาหอมมากอด แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วครับ
“ฉะนั้น เมื่อพ่อแม่เล่านิทานให้ลูกฟัง คิดว่าจะดีมากๆ เลย เล่าเถอะครับ เล่าตามความเข้าใจของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องเหมือนกูรูนักเล่าก็ได้ ขอแค่ให้ลูกมานั่งตัก แล้วพ่อแม่หยิบนิทานมาอ่านให้ฟัง ใส่จินตนาการเข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มความสนุก ที่สำคัญคนเล่าต้องสนุก มีอารมณ์ร่วมด้วยครับ”
สิ่งที่พิเศษสุด สำหรับโครงการฯ ในปีนี้ นอกเหนือจากประสบการณ์ที่เด็กได้รับจากการเปิดโลกการอ่าน และจินตนาการแล้ว เด็กที่ผ่านการคัดเลือกในรอบชิงชนะเลิศ จำนวน 12 คน (ระดับอายุละ 6 คน) จะได้เป็นตัวแทนไปทัศนศึกษา ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2557 เพื่อเปิดโลกการอ่าน และเรียนรู้ประสบการณ์ในประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนอย่างประเทศสิงคโปร์ อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยต่อไป